เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    อยากจะส่งน้องนาคาวิ่ง 4*100 ไปตามหาน้องมายด์จริง ๆ ค่ะ ไม่รู้หายไปไหนตั้งนานแน่ะ ป่านนี้น่าจะสอบเสร็จแล้วน้า.. ห้องนี้ขาดน้องมายด์แล้วเหี่ยวเฉาน่าดูเลยค่ะ..
    (evil2) (evil2) (evil2) สัญญลักษณ์น้องมายด์คร๊าบบบบบ...
     
  2. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ดีใจที่น้องนาคา มีความสุขและได้ประโยชน์จาก เว็บนี้
    ความจริงต้องเรียกน้องนาคาว่าลูกนะเนี่ย เพราะอายุคงมากกว่าลูกชายคนโตผมไม่กี่เดือน ตอนนี้กะลังเรียน ม 6 เค้าอยากเป็นนักธุรกิจเหมือนพ่อครับ
    ขอเป็นกำลังใจให้สอบแพทย์ได้ครับ
     
  3. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    เอาเพลงมาฝากจ้า ฟังคลายเครียดกันน่ะครับบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ช่วงนี้กำลังปรับความรู้สึกนึกคิด อารมณ์ จินตนาการ ให้บวกมากขึ้น มีสิ่งที่แปลกๆเข้ามาในชีวิตมากมาย หลังๆเลยไม่ค่อยได้มาโพสเท่าไหร่ แตติดตามห้องนี้อยู่เรื่อยๆน่ะ เข้มาแล้ว เหมือนได้พบเพื่อนเก่า + มาเยี่ยมบ้าน ประมาณนี้เลย
     
  5. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    เมื่อตอนที่ผมมาแรกๆยังเห็นคุณมายด์อยู่เลย ไม่ทราบจริงๆว่าหายไปไหนแล้ว สงสัยต้องช่วยกันส่งจิตไปตามมาแล้วล่ะครับ
    คุณ มายด์ อยู่ไหนเอ่ย...???
     
  6. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190
    กราบขอบพระคุณพี่เฉลยอย่างสูงครับ เอ...แล้วต้องเรียกคุณพี่ว่าคุณพ่อด้วยหรือเปล่า อิ อิ(ล้อเล่นครับ)
    หวังว่าลูกชายของคุณพี่คงจะสร้างความภาคภูมิใจ เดินรอยตามคุณพ่อได้สมบูรณ์แบบนะครับ
    กราบขอบพระคุณอีกครั้งครับ
     
  7. TK the Naka

    TK the Naka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +1,190


    พี่ axzon ได้รับความรู้หรือประสบการณ์ดีๆ จากการปรับอารมณ์ จินตนาการ ก็อย่าลืมมาแนะนำกันบ้างนะครับ
    ตัวผมเองก็พยายามค้นหาคำว่าปาฏิหาริย์ ให้กับชีวิตและจิตวิญญาณ ของตนเองอยู่ ด้วยการหาความรู้ สั่งสมความสุขที่ได้ให้มากที่สุด ห้องวิทย์เป็นที่ที่น่าอัศจรรย์มากสำหรับผม อย่างแรกคือการได้เจอพี่ๆทุกคนครับ...
     
  8. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    สวัสดียามเช้าครับ
    วันนี้มีเรื่องเล่าให้ฟัง คือว่า ได้ไปซื้อหนังสือสนทนากับพระเจ้าเล่ม 2 มา แต่ก็ยังไม่ได้อ่านอะไรมากเท่าไหร่ ก็ได้แต่เปิดผ่านๆ ดู ได้ไปเห็นตอนนึง เป็นตอนที่ 5 หน้า 99,100,101 เขียนประมาณว่า

    อดีต,ปัจจุบันและอนาคต ดำเนินไปพร้อมๆ กันหมด ไม่ได้เป็นไปตามเส้นตรงตามกาลเวลาอย่างที่รู้สึกัน

    อ่านช่วงนี้แล้ว รู้สึกว่าขนลุกขึ้นมาเลย เพราะว่ามันเหมือนกับที่อ.โนวา อนาลัย อธิบายในหนังสือเป๊ะๆ เลยทีเดียว

    ถ้ามีคนอ่าน สนทนากับพระเจ้าอยู่ แล้วไม่ค่อยเข้าใจในบริบทนี้ ก็น่าจะแนะนำเค้าให้อ่านโนวา อนาลัย เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น
     
  9. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    เพราะว่าชอบอ่านเรื่องประมาณนี้มากกว่า ในหนังสือก็มีแบบฝึกหัดให้ทำเหมือนกัน ก็ได้แต่ลองแค่อันแรกๆ เอง

    พวกคลื่นเสียงบำบัดโรค เคยได้ยินมาว่า อวัยวะภายในของคนเรา มันจะมีระดับความถี่จำเพาะของแต่ละอัน ถ้าเราใส่คลื่นเสียงที่สอดคล้องกับอวัยวะใดเข้าไป มันก็จะไปบำบัดส่วนตรงนั้น (เพราะว่าใส่ความถี่ที่เป็นปกติของอวัยวะนั้นเข้าไป เมื่อมันทำงานผิดปกติ ความถี่ก็จะผิดไป เมื่อใส่ความถี่ปกติของอวัยวะนั้นเข้าไป มันก็จะไปปรับให้สั่นพ้องเป็นแบบความถี่ปกติของมัน - อันนี้ความเข้าใจตัวเองนะ)

    ส่วนคลิปนั้นดูแล้วครับ กะว่าจะเอาไปโพสที่เวปอื่นด้วย เช่น seedang.com
     
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ฝันว่าเลือก-ถูกเลือก

    แวะเข้ามาทักทาย เพราะคิดถึงพวกเราทุกคนมากๆค่ะ
    พี่นักเขียนกำลังอยู่ระหว่างการ pack และมี Open House คือเปิดบ้านให้ผู้ซื้อเข้าชม
    จึงหาโอกาสเข้ามาคุยกับพวกเราได้ยากมาก แต่คิดถึงและฝันถึงพวกเราชาวห้องวิทย์ฯเสมอๆ

    อากาศทางนี้เพิ่งจะเริ่มหนาว ทุกแห่งหนมีแต่สีสรรของฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งล่าช้าไปประมาณเดือนเศษ ช่วงนี้ตอนกลางวันประมาณ 10 องศาเซลเซียส ตอนเช้าประมาณ ลบ 5
    [​IMG]
    เมื่อสองคืนก่อนฝันและทำให้คิดถึงพวกเรามาก ตั้งใจว่าจะต้องมาเล่าให้ฟังให้ได้
    ฝันว่าพี่นักเขียนไปร่วมชุมนุม ณ ห้องประชุมใหญ่ ซึ่งมีผู้คนนั่งอยู่ในนั้นหลายร้อยคน พี่นักเขียนไปกับสตรีท่านหนึ่งซึ่งรักและชอบพอกันมาก (ไม่ใช่บุคคลที่รู้จักในชีวิตยามตื่น) เจตนาที่ไปร่วมประชุมคือ ไปเพื่อไปปรับความเข้าใจบางอย่างที่เกี่ยวกับท่านอาจารย์อนาลัย

    พี่นักเขียนตั้งใจว่า เป็นอย่างไรก็เป็นกัน พี่นักเขียนจะไปช้ืแจงความเป็นจริงและข้อมูลของท่านอาจารย์อนาลัย แม้ว่าจะต้องแสดงตัวหรือต้องปะทะกับใคร ก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนเข้าใจในข้อมูลของท่านอาจารย์อนาลัย

    พอเข้าไปนั่งในห้องประชุม ก็ไม่มีใครรู้จักพี่นักเขียนนอกจากสตรีท่านนั้นผู้เดียว ที่เข้ามากระซิบว่า "I'll let them know that you've been teaching us meditation 33 times." เมื่อได้ยินก็รับรู้ว่าเป็นจริงตามนั้น แต่ไม่ได้คิดว่าเป็นความจำเป็นที่จะต้องบอกในที่ประชุม

    จากนั้นมีชายสูงอายุ 2 ท่าน ลุกขึ้นกลางห้องประชุม ปรึกษากันเบาๆแล้วท่านหนึ่งก็กล่าวเสียงดังว่า "คำถามของเราคือ โนวา อนาลัย คือศาสนา หรือลัทธิ?"

    พี่นักเขียนได้ยินดังนั้นก็คิดว่า เราพร้อมเสมอที่จะชี้แจง ขอให้มีผู้เรียกเท่านั้น พี่นักเขียนก็ยินดีที่จะลุกขึ้นไปชี้แจงในฐานะนักเขียน

    แต่แล้วก็มีผู้ร่วมประชุมยกมือขึ้นตอบคำถาม แล้วก็มีผู้ยกมือช่วยตอบอีกมากมายเป็นระลอก จนในที่สุดประตูห้องด้านซ้าย และด้านขวาก็เปิดออก ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมเต็มหมด 3 ห้อง แต่ละห้องมีผู้ฟังหลายร้อยคน

    พี่นักเขียนได้ยินผู้เข้าร่วมประชุมจากทั้ง 3 ห้องตอบคำถามเป็นระลอก จากนั้นชายสูงอายุ 2 ท่านนั้นก็กระซิบปรึกษากันเบาๆอีกครั้ง จากนั้นชายคนเดิมก็พูดเสียงดังสนั่นว่า "หากโนวา อนาลัย เป็นศาสนาหรือลัทธิ ก็เป็นศาสนาหรือลัทธิที่เราต้องการเป็นที่สุด" ผู้คนในห้องประชุมทั้ง 3 ห้องปรบมือดังสนั่นหวั่นไหว

    พี่นักเขียนพยายามซ่อนไม่ให้ใครเห็นว่าตนเองน้ำตาไหล ตระหนักว่าตนเองไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นตอบคำถามใดๆทั้งสิ้น และไม่จำเป็นต้องแสดงตัว หันไปมองสตรีที่มาด้วยปรากฏว่าหายตัวไป และได้ยินเสียงท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวดังเหมือนฟ้าลั่นว่า

    "ผู้ที่ถูกเลือกบางคน ทำตนเสมือนเบาะรองนั่งของผู้วิเศษ บางคนก็ทำตนเสมือนเบาะพิงของผู้วิเศษ เมื่อผู้วิเศษลุกไปจากที่นั่งนั้นแล้ว เบาะรองนั่ง กับเบาะพิงก็ทะเลาะกันว่า ใครคือผู้วิเศษ เบาะรองนั่งก็อวดอ้างว่า ตนรับเอาน้ำหนักทั้งหมดของตัวตนของผู้วิเศษ ตนจึงควรจะเป็นผู้วิเศษ ส่วนเบาะพิงก็อวดอ้างว่า ตนอยู่สูงกว่าเบาะรองนั่ง และเป็นจุดพักพิงของผู้วิเศษ ตนจึงสมควรเป็นผู้วิเศษ"

    เมื่อได้ยินดังนั้น พี่นักเขียนก็ถามท่านอาจารย์อนาลัยว่า แล้วพี่นักเขียนเล่า เป็นอะไร เพราะพี่นักเขียนไม่ได้เป็นเบาะรองนั่งหรือเบาะพิง ท่านอาจารย์อนาลัยหัวเราะดังเสมือนฟ้าผ่า แล้วกล่าวว่าพี่นักเขียนถูกเลือก แล้วพี่นักเขียนจึงเลือกที่จะทำหน้าที่ล่ามและเลขาให้ท่าน แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่เมื่อถูกเลือกแล้ว กลับไม่เลือกที่จะทำหน้าที่ มัวแต่ห่วงที่จะได้ตำแหน่งผู้วิเศษ

    ท่านชี้ให้พี่นักเขียนมองดูเบาะพิงกับเบาะรองนั่ง 2 ชิ้นนั้น ซึ่งพี่นักเขียนเห็นเป็นบุคคล 2 คน แทนที่จะเห็นเป็นเพียงเบาะ แล้วท่านก็กล่าวว่า "ดูสิ! เหลืออะไร เมื่อเราเลือกเขา แล้วเขาไม่เลือกหน้าที่ แต่เลือกตำแหน่ง เมื่อหน้าที่ไม่มี ตำแหน่งก็ย่อมไม่มี"

    แล้วท่านก็ให้พี่นักเขียนมองเห็นหน้าที่ต่อไปว่า คือนำข้อมูลทั้่งหมดมาสร้างเป็นบทเรียน online พี่นักเขียนเห็นข้อมูลจากหนังสือทั้งหมดอยู่ใน website

    เมื่อตื่นขึ้น พี่นักเขียนรู้สึกตื้นตันกับประสบการณ์ในความฝันเป็นอันมาก และรู้สึกว่าผู้คนที่เข้าร่วมประชุมนั้นคือพวกเราจากห้องวิทย์ ในขณะนี้พี่นักเขียนยังหาเวลาเข้ามาคุยกับพวกเราไม่ได้อย่่างเคย แต่เชื่อว่าเมื่อย้ายบ้านเรียบร้อยแล้ว จะมีโอกาสมาคุยกับพวกเราได้มากขึ้น

    คิดถึงทุกคนมากๆ และจะส่งข่าวอีกนะคะ
    วันนี้ดูปฏิทินแล้วพบว่า ห้องวิทย์ฯ มีอายุครบ 100 วันพอดี
    ขอส่งดอกกุหลาบ 100 ดอกพร้อมกับ chocolate cake มาให้หัวหน้าห้องและพวกเราทุกคนค่ะ(rose)

    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2007
  11. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    ขอให้เจ้าของบ้านคนใหม่มาซื้ิ้อบ้านเค้าเร็วๆครับ
    ทางโน้นอากาศเย็นจัง กรุงเทพฯ อากาศเคยเย็นถึง 16-17 องศาก็ทำอะไรกันไม่ถูกแล้ว นั่งห่มแต่ผ้าห่มกัน
    ครบ 100 วันแล้วเร็วจัง ห้องนี้ปราศจาก ช่องว่าง ระยะทางและกาลเวลา แต่ความรู้และความสุขที่ได้รับ ประมาณค่ามิได้
    เอา CAKE และดอกไม้ มาฉลองกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 17869.GIF
      17869.GIF
      ขนาดไฟล์:
      14.9 KB
      เปิดดู:
      354
    • flower-305.jpg
      flower-305.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42.9 KB
      เปิดดู:
      32
    • flower-339.jpg
      flower-339.jpg
      ขนาดไฟล์:
      20.1 KB
      เปิดดู:
      23
    • Happy-Home-Cake[1].jpg
      Happy-Home-Cake[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      12.7 KB
      เปิดดู:
      354
    • images.jpg
      images.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.3 KB
      เปิดดู:
      24
    • imagesa.jpg
      imagesa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      14.7 KB
      เปิดดู:
      22
    • imagesb.jpg
      imagesb.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.1 KB
      เปิดดู:
      31
    • imagesc.jpg
      imagesc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.1 KB
      เปิดดู:
      21
  12. obniti

    obniti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +305
    คุณเฉลยครับเราcompose และใส่รูปใน word ก่อนแล้วcopyมาลงในข้อความได้ใช่ไหมครับ จะส่งรูปวิเชียรมาศมาให้ดู
     
  13. Chalhoei

    Chalhoei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    289
    ค่าพลัง:
    +3,166
    วิธีโพสรูป ที่ผมใช้อยู่ ไปที่กระทู้ เลือก เลือกตอบเต็มรูปแบบ ไปที่ ตัวเลือกเพิ่มเติม คลิกที่ Upload และบริหารไฟล์ และ Browse ไปที่รูปที่เราต้องการ สุดท้าย คลิกที่ Upload และปิดหน้าต่าง ครับ
    อยากเห็นครับ แมวให้โชค น้องนกคงชอบ เจ้าโชคดีจะได้มีเพื่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2007
  14. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขออนุญาตินำข้อความเก่า ๆ มา Post อีกครั้ง เพราะเห็นพี่นักเขียนนำความฝันในเรื่องของ ผู้เลือกและผู้ถูกเลือกมาเล่าให้ฟัง Post นี้ขจรวรณพึ่งเข้ามาในกระทู้นี้ใหม่ ๆ ความรู้สึกที่เข้ามาในตอนนั้นตระหนักอยู่เสมอว่าเรามีภาระหน้าที่บางอย่างที่จะต้องทำแต่ไม่รู้ว่าหน้าที่นั้นคืออะไร ( อันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการศึกษาหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัย ) แต่เป็นความรู้สึกที่ติดมาจากการเรียนวิชาพลังจักรวาลซึ่งผู้เรียนในระดับที่ตนเองเรียนนั้นจะต้องรู้หน้าที่ทางจิตวิญญาณด้วยตนเอง และแต่ละคนก็จะมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งทุกคนก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุดตามที่อาจารย์ได้สั่งสอนมา

    ณ วันนี้ ก็ขอขอบคุณพี่นักเขียนและท่านอาจารย์อนาลัยที่ทำให้ขจรวรรณได้รู้จักความรู้สึกนึกคิดที่ลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ และขอขอบคุณพี่น้องชาวห้องวิทย์ที่พูดคุยสนทนากันจนทำให้ตระหนักรู้ถึงภาระหน้าที่ที่แท้จริงของตัวเองในอนาคต ทั้ง ๆ ที่ในวันนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าจะทำหน้าที่นี้ได้อย่างไรต่อไป เพราะมันช่างยากเหลือเกินค๊า ( อยากร้องไห้จัง.. ) แต่เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะถูกจัดสรรค์เองอย่างลงตัว และรู้แต่ว่าตั้งแต่นี้ต่อไปจะต้องตั้งใจศึกษาสาระความรู้ในหนังสือของท่านอาจารย์ทั้ง 10 เล่มนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ขอบพระคุณอีกครั้งที่พี่นักเขียนให้ความรู้ในเรื่องสติสัมปชัญญะมีอยู่ 3 ส่วน และต้องฝึกให้ทั้ง 3 ส่วนนี้มารู้มาเห็นกัน มาทำงานร่วมกัน จะต่างฝ่ายต่างทำงานไม่ได้..

    จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวห้องวิทย์ฯ เริ่มศึกษาความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัยอย่างจริงจังและมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่ว่าวันหนึ่งข้างหน้าพวกเราอาจจะมีส่วนในการช่วยพี่นักเขียนตอบคำถามของผู้รู้แต่ละด้านจำนวนมากมายตามความฝันของพี่นักเขียนก็เป็นได้ หากตระหนักได้ถึงคุณค่าข้อมูลความรู้ของท่านอาจารย์อนาลัยแล้ว พวกเรามาช่วยกันคนละไม้คนละมือค่ะ..
    (bb-flower (bb-flower (bb-flower
     
  15. ronnie07

    ronnie07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +193
    หวัดดีครับพี่นักเขียน
    นานไม่เจอคิดถึงเหมือนกัน ขอให้กำลังใจพี่นักเขียนทำหน้าที่อย่างดีที่สุดนะครับ
    ถึงผมเข้ามาห้องนี้ไม่นานเท่าไหรก็ขอสุขสรรค์ครบรอบ100วันด้วยคนนะครับ
    ขอให้สิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตทุกๆคนนะครับ
    พี่นักเขียนสู้ๆๆๆพี่นักเขียนสู้ไม่ตาย อาจารย์ โนวา อนาลัย จงเจริญ(bb-flower (||) (sing) (^)
     
  16. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    ขอบคุณพี่ขจรวรรณมากๆที่เอาเรื่องราวดีๆมาบอกกัน
     
  17. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155
    พี่นักเขียนย้ายบ้าน คิดถึงหลังบ้านพี่นักเขียน กับเจ้าแร็กคูนน้อย จัง
    ตอนนี้axon กำลังหาคำตอบให้ตัวเอง ว่ามาทำมัย! คำตอบมาเร็วๆน่ะ
    วันก่อนฝันแปลกมากๆ ประมาณว่าถูกเข้าใจผิดอย่างรุนแรง พอตื่นมาอารมณ์ยังค้างอยู่ เลยถามตัวเองว่าต้องทำอะไร แล้วก้คิดว่า ให้อภัยพวกเขาสิ! มันต้องความพยายามเหมือนกันน่ะ

    ช่วงนี้แอบมาบ่นในห้องวิทย์ไม้รู้จะเล่าให้ใครฟัง!
     
  18. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การเป็นหนึ่งเดียวกับความคิด

    เธอจะพบว่า การนิ่งดูความคิดเหล่านั้นจะทำให้เธอกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความคิดนั้น สติสัมปชัญญะของเธอจะเข้าสู่ใจกลางของความคิดนั้นและมองเห็นสิ่งต่างๆที่อยู่ภายนอกความคิดดังกล่าว เธอจะไม่ได้มองเห็นความคิดนั้นจากภายนอกอีก

    คำกล่าวของท่านอาจารย์อนาลัยนี้ หมายถึงภาวะที่เรามีสติสัมปชัญญะที่ตื่นตัวอย่างเต็มที่กับความคิดหนึ่งๆ ไม่ใช่ภาวะที่เราหยุดคิด

    คุณน้องขจรวรรณถูกต้องที่กล่าวว่า จิตวิญญาณก็คงไม่หยุดที่จะคิด เพราะถ้าหยุดคิดเมื่อไหร่แล้วจิตวิญญาณก็คงจะไม่สามารถขยายความรู้ได้อีกต่อไป

    โดยปกติแล้วเรามักจะไม่ได้มีสติสัมปชัญญะที่ตื่นตัวอย่างเต็มร้อยหรือเป็นหนึ่งเดียวกับความคิด เราจะเห็นได้ว่าแม้ว่าเรากำลังคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ เรามักจะมีความคิดอืิ่นๆซ้อนขึ้นมาได้้เสมอ เราไม่ได้จดจ่ออยู่กับความคิดหนึ่งๆแต่เพียงความคิดเดียว ความคิดอื่นๆที่ซ้อนขึ้นมาอาจเป็นความคิดในแง่ลบ ความวิตกวิจารณ์ ซึ่งเป็นการวินิจฉัยความคิดแรก หรือเป็นการคิดย้อนถึงอดีตหรือคาดการณ์เกี่ยวกับอนาคตของสิ่งที่เกี่ยวพันกับความคิดแรก

    ความคิดอันสร้างสรรค์ ความคิดที่เกี่ยวพันกับข้อมูลความรู้ แตกต่างไปจากการคิดวิตกวิจารณ์ การคิดในแง่ลบ การคาดการณ์ในแง่ร้าย และการคิดถึงอดีตที่เลวร้าย การมีสติสัมปชัญญะที่เป็นหนึ่งเดียวกับความคิด เป็นภาวะที่ทำให้เราสามารถแยกความคิดอันสร้างสรรค์กับความคิดที่เกี่ยวพันกับข้อมูลความรู้ออกจากวิตกวิจารณ์ แยกออกจากอารมณ์จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในแง่ลบ แยกออกจากการคาดการณ์ในแง่ร้าย แยกจากการย้อนคิดถึงอดีตอันเลวร้าย และแยกความคิดนั้นๆออกจากความเชื่อส่วนบุคคล

    เมื่อเรามีสติสัมปชัญญะที่คมชัดและสามารถแยกตัวความคิดอันสร้างสรรค์และความคิดที่เกี่ยวพันกับข้อมูลความรู้ ออกจากความคิดที่เรียกได้ว่าปราศจากความรู้อื่นๆ หรือคลุมเครือไปด้วยความเชื่อส่วนบุคคล ส่วนของความคิดที่เป็นเพียงความเชื่อจะร่วงหล่นไปหรืออ่อนพลังไป ทำให้เราสามารถเข้าถึงความรู้ เกิดความเข้าใจ ปลดความเชื่อบางความเชื่อทิ้งไปได้และทำให้สติสัมปชัญญะของเราสามารถขยายตัว

    ยกตัวอย่าง
    หากเรามีความคิดเกี่ยวกับงานสำคัญที่เรากำลังทำอยู่ และเราพบว่ามีอุปสรรคเกิดขึ้น การจดจ่อกับความคิดอย่างมีสติจะทำให้เราพบว่าปัญหาหรืออุปสรรคที่แท้จริงคืออะไร และทำให้เราค้นพบทางแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนได้เสมอ แต่ถ้าหากเราขาดสติสัมปชัญญะที่จะควบคุมความคิด เรามักมีความคิดในแง่ลบผุดขึ้นมามากมาย ซึ่งอาจเป็นความคิดเกี่ยวพันกับความผิดพลาดในอดีตของตนเอง หรือการขุดคุ้ยค้นหาความผิดพลาดของผู้ร่วมงาน การคาดการณ์อันเลวร้ายเกี่ยวกับอนาคต และทำให้เกิดการวิตกวิจารณ์ต่างๆนานาว่า อุปสรรคและปัญหาในปัจจุบันนี้จะส่งผลให้ธุรกิจของเราล่มสลาย จะทำให้เราเผชิญกับหนี้สิน จะทำให้เราต้องเสียทรัพย์สิน จะทำให้ภรรยาของเราป่วย จะทำให้ลูกของเราลำบาก และตัวเราจะหาช่องทางหนีจากปัญหานี้ได้อย่างไร จะหนีหนี้ด้วยการไปบวชหรือจะหนีไปอยู่ต่างจังหวัดดี จะเลิกติดต่อกับใคร จะแก้ตัวอย่างไร จะผัดผ่อนอย่างไร จะกลายเป็นศัตรูกับใคร จะกล่าวโทษใคร จะเอาผิดกับใคร จะอะไรต่อมิอะไรอีกร้อยแปดพันประการ

    ความคิดที่ขาดสติจะทำให้เราเตลิดเปิดเปิงไปกับความคิดที่ปราศจากการสร้างสรรค์ ปราศจากความรู้ แต่เป็นไปตามความเชื่อในแง่ลบ ความเชื่อในทางที่ผิด และทำให้เราเกิดอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อเหล่านั้นอย่างตาบอด หากเราขาดสติและถูกครอบงำด้วยความเชื่อในทางที่ผิด ไม่ว่าเราจะได้รับความรู้หรือข้อมูลใดๆ เรามักมองไม่เห็น ไม่ได้ยิน แม้จะมองเห็นหรือได้้ยินก็มักจะเข้าใจไม่ได้ เพราะความคิดทั้งหมดของเราถูกความเชื่อครอบงำ สิ่งใดที่ขัดแย้งกับความเชื่อในแง่ลบจะกลายเป็นความไม่จริงไปหมด

    ความเชื่อในทางที่ผิดมักก่อให้เกิดความคิดที่ควบคุมไม่ได้ มันมักจะท่วมท้นและระบายสีสถานการณ์ชีวิตของเราจนเรามองไม่เห็นทางออก หรือความเป็นไปได้ที่มีอยู่ มองไม่เห็นความเป็นจริงที่มีอยู่ และมักทำให้ปัญหาตื้นๆกลายเป็นปัญหาใหญ่โตที่เสมือนว่าปราศจากทางแก้ไข หากปราศจากสติ ความคิดในแง่ลบเหล่านี้จะคุกคามความคิดสร้างสรรค์ คุกคามความหวัง คุกคามการมองโลกในแง่ดี ทำให้เรามองไม่เห็นเจตนาดีของผู้อื่น มองไม่เห็นความหวังดีของผู้อื่น และที่เลวร้ายที่สุดคือ มองไม่เห็นความเชื่อในทางที่ผิดของตนเอง ซึ่งเปรียบเสมือนโคลนตมที่เปื้อนแว่นตาจนมองผ่านออกไปไม่ได้ ทำให้เรามองไม่เห็นแสงสว่างหรือขาดปัญญา

    หากปราศจากสติ-ความเชื่อ ความคิดในแง่ลบ และการวิตกวิจารณ์ทั้งหลายจะเป็นปัจจัยที่อยู่ภายในความคิด ปนเปกับความคิดเสมือนวังน้ำวน เมื่อเราตกอยู่ในศูนย์กลางของวังน้ำวน โอกาสจะรอดจากการถูกดูดกลืนโดยความคิดในแง่ลบและความเชื่อในทางที่ผิดก็เป็นไปได้ยาก

    แต่หากเราเป็นหนึ่งเดียวกับความคิด และมีสติสัมปชัญญะที่ควบคุมและคงอยู่กับความคิดเสมอ ความเชื่อ ความคิดในแง่ลบ และการวิตกวิจารณ์ทั้งหลายจะกลายเป็นปัจจัยที่อยู่ภายนอกความคิด ร่วงหล่นหรือสลายตัวไปได้อย่างง่ายดายโดยไม่เข้ามาปนเป หรือเข้ามาป่วนความคิดอันสร้างสรรค์ ทำให้เรามีความหวัง มีปัญญา และพบแสงสว่างที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหลายได้เสมอ

    เวลาแห่งจิต เป็นภาวะที่เราจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันสติสัมปชัญญะก็ขยายตัวครอบคลุมอดีตและอนาคตได้จากปัจจุบัน ทำให้เรารู้เห็นได้กว้างไกลขึ้น คุณน้องขจรวรรณถูกอีกนะคะ ที่ยกตัวอย่างความฝันให้ฟัง เพราะเวลาในความฝันแตกต่างจากเวลาที่เรารู้จักยามตื่น มันพาเราไปสู่อดีตและอนาคตได้จากปัจจุบัน และระยะเวลาในความฝันอาจยาวนานแรมปี แรมสัปดาห์ หรือดูเสมือนจะดำเนินไปหลายวัน หลายชั่วโมง แม้ว่าเราจะนอนหลับและใช้เวลาฝันเพียงไม่กี่วินาที

    เมื่อเราเข้าถึงเวลาแห่งจิต เราจะก้าวล่วงไปสู่ภาวะที่อยู่นอกเหนือเครื่องพรางของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ซึ่งหมายความว่า ความเป็นบุคคลตัวตนของเราจะปราศจากขอบเขต ไม่มีช่องว่างที่คั่นอยู่ระหว่างการเป็นตัวตนเรา-เขาอีกต่อไป ไม่มีกาลเวลาที่เรียกว่าอดีตซึ่งผ่านพ้นไปแล้ว และไม่มีอนาคตที่ยังมาไม่ถึงและหยั่งไม่ได้ มีแต่จิตวิญญาณที่เป็นหนึ่งเดียว เราเป็นเขา เขาเป็นเรา เราจึงรู้เขา รู้สึกเหมือนเขา เข้าใจเยี่ยงเขา และตระหนักในความเป็นเขา ไม่มีอดีต-อนาคต-มีแต่ปัจจุบัน เราจึงรู้อนาคต-จดจำอดีตได้เหมือนรู้เห็นปัจจุบัน และเราจึงสามารถแก้ไขอดีต หรือสร้างอดีตได้ใหม่ สามารถแก้ไขอนาคตหรือสร้างอนาคตได้ใหม่

    คุณน้องขจรวรรณถามไว้หลายวันแล้วเรื่องการแก้ไขอดีตและอนาคตจากปัจจุบัน พี่นักเขียนก็หมายตาไว้ว่าจะตอบ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ล่าช้า เพราะกำลัง pack ของหัวฟูเลยค่ะ ขอนำมาตอบรวบกับคำถามของคุณเฉลยเรื่องเวลาแห่งจิตว่า

    เราสามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตหรือเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ด้วยเวลาแห่งจิตเสมอ
    คำกล่าวและการทำให้เป็นจริงอาจฟังดูเสมือนจินตนาการที่ฝันเฟิื่อง แต่ความคิดและจินตนาการทั้งหลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นจริงทั้งหมด การแก้ไขอดีตหรือเปลี่ยนแปลงอนาคต หรือแม้แต่ที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่าเปลี่ยนแปลงอดีต-แก้ไขอนาคต ก็เป็นไปได้ในลักษณะเดียวกัน คือ เป็นไปในความคิด ในจินตนาการ เพราะจินตนาการและความคิดทั้งหลายก่อเกิดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่เป็นโลกแห่งความเป็นจริง ที่จริงจังไม่น้อยไปกว่าโลกที่เรารู้จัก


    เราสามารถสร้างโลกใหม่ เส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นใหม่ ที่ดูเสมือนว่าเป็นเพียงจินตนาการอันฝันเฟื่อง ซึ่งก่อเกิดเส้นทางแห่งความเป็นไปได้ที่แตกต่างไปจากอดีตที่เรารู้จัก และแตกต่างไปจากอนาคตที่เราคาดการณ์ว่ามันจะเป็นไป หากเราจดจ่อกับเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันฝันเฟื่องเหล่านั้นเสมอๆ เราจะดึงดูดประสบการณ์และทุกสิ่งทุกอย่างที่คล้องจองกับความเป็นไปได้นั้นมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ในที่สุด

    พี่นักเขียนพอจะยกตัวอย่างง่ายๆที่พวกเราพอจะจินตนาการตามได้ว่า
    หากครอบครัวหนึ่งมีลูก 2 คน แต่ละคนเติบโตมาในครอบครัวเดียวกัน มีพ่อแม่คู่เดียวกัน
    แต่หากกาลเวลาผ่านไป 2 พี่น้องนี้เติบโตและเผชิญกับประสบการณ์ชีวิต 2 ทิศทางที่แตกต่างกัน แต่ละคนประสพความสำเร็จ หรือความล้มเหลวแตกต่างกันไป


    หากเราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ 2 พี่น้องถึงประสบการณ์ในอดีตที่เหนี่ยวนำให้เขามาเผชิญกับความสำเร็จ หรือความล้มเหลวในชีวิต
    เราอาจได้ยินประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันราวกับว่า เขาทั้ง 2 คน เติบโตมาจากครอบครัวและพ่อแม่คนละคู่ เผชิญกับประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน

    โลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดของแต่ละคน แตกต่างกันไปตามความเชื่อและการจดจ่อของแต่ละบุคคล เส้นทางแห่งความเป็นไปได้ของแต่ละคนเกิดจากความเชื่อ การจดจ่อ และการเหนี่ยวนำประสบการณ์จำเพาะมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเขา หากพี่คนโตเผชิญกับความล้มเหลวในชีวิต แต่น้องเผชิญกับความสุขความสำเร็จ และทั้งสองก็ให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ในอดีตที่แตกต่างกัน พี่คนโตอาจให้สัมภาษณ์ว่า พ่อของฉันเป็นคนดุร้าย แม่ของฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ ชีวิตของฉันล้มเหลวเพราะฉันกลัวความล้มเหลวมาตลอดเวลา เพราะพ่อจะโมโหร้ายและแม่มักจะตำหนิติเตียนฉันเสมอ

    ส่วนน้องอาจให้สัมภาษณ์ว่า พ่อของฉันเป็นคนเข้มงวด แม่ของฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ และความเข้มงวดและเจ้าระเบียบของท่านทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ละเอียดและทำอะไรต้องทำอย่างดีที่สุด ฉันจึงประสพแต่ความสำเร็จ

    การจดจ่อของสองพี่น้องนี้ต่างทิศทางกัน แม้ว่าเขาจะเผชิญกับประสบการณ์เดียวกันก็ตาม เรามักได้ยินเรื่องทำนองนี้บ่อยๆ และก็อาจได้ยินต่อไปว่า พ่อแม่คู่นี้ลำเอียงรักลูกไม่เท่ากันอีกด้วย แต่ความเป็นจริงแล้ว โลกแห่งความเป็นจริงของสองพี่น้องนี้เป็นโลกในมิติเดียวกันแต่ต่างมุมมอง ต่างประสบการณ์เพราะความเชื่อและการจดจ่อของแต่ละคนต่างกัน

    พี่จะแก้ไขอดีตได้ด้วยการจดจ่อกับความคิดในแง่บวก เช่นเดียวกับที่น้องเขาจดจ่อ ในที่สุดพี่ก็อาจค้นพบว่า ความเข้มงวดของพ่อกับความเจ้าระเบียบของแม่ กลายเป็นปัจจัยในแง่บวกที่สามารถสนันสนุนให้เขาประสพความสำเร็จในชีวิตได้ไม่ต่างไปจากผู้น้อง

    อดีตเปลี่ยนเมื่อเราจดจ่อกับสาระและปัจจัยอื่นๆที่ซ่อนเร้นอยู่ในอดึต หากเราคิดว่ามันไม่เคยมีอยู่ เราอาจเริ่มต้นได้จากจินตนาการ แต่แล้วเราจะพบว่า โลกที่แท้จริงนั้นไม่ได้เป็นโลกสีขาว หรือสีดำ แต่เพียงสีเดียว โลกมีทุกสีเสมอ มีทุกประสบการณ์แทรกซ้อนกันอยู่เสมอ ท่ามกลางน้ำตาเราอาจมองไม่เห็นรอยยิ้มและไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะ ท่ามกลางความมืดมนเราอาจคิดว่ามันไม่เคยมีแสงสว่าง แต่หากเราเริ่มต้นจากจินตนาการในแง่บวก เพื่อช่วยให้เราสร้างสรรค์อดีตที่สดสวยและสว่างไสวกว่าอดีตเดิมที่เราเคยปักใจเชื่อว่ามันมืดมิด เราจะพบว่า เรามองข้ามความงาม ความสุข ความสว่างและความสดใสในอดีตเหล่านั้นไป จนทำให้มันเฉาและไม่เคยงอกงาม ปัจจุบันของเราจึงกลายเป็นเส้นทางที่ดูเสมือนจะเติบโตมาจากอดีตที่มืดมิด
    [​IMG]
    แต่เมื่อเราย้อนกลับไปจดจ่อกับสิ่งที่งดงาม สุข สว่าง สดใส แม้มันจะเป็นเพียงจุดเล็ก มักกลับจะขยายตัว สว่าง สดใสและสามารถพลิกผันความเชื่อของเราในปัจจุบันได้อย่างน่าอัศจรรย์ ปัจจุบันและอนาคตของเราก็จะพลิกผันตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ หากเราฝึกฝนที่จะจดจ่อกับความงดงาม ความสดใส หรือความสว่างของอดีตได้เสมอๆ เราจะพบว่า แม้ความฝันของเราก็จะเปลี่ยนไป เราจะเผชิญกับอดีตในเส้นทางใหม่ แต่ตื่นขึ้นในโลกใบใหม่ที่เป็นเส้นทางใหม่อย่างแท้จริง เพราะเมื่อความเชื่อของเราเปลี่ยนไป อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราจะเปลี่ยนไปหมด

    ไม่ว่าพี่นักเขียนจะยกอีกกี่ตัวอย่าง การแก้ไขอดีตหรืออนาคต ก็จะดูเสมือนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ฝันเฟื่องหรือไร้สาระต่อไป หากเราปักใจเชื่อว่าอดีตคือสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วและแก้ไขไม่ได้ และอนาคตคือสิ่งที่ียังมาไม่ถึงและเราไม่มีพลังอำนาจใดๆที่จะกำหนดมันได้ ความเป็นจริงทั้งหมดนี้ จะเป็นจริงและพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง ด้วยการจดจ่อกับส่วนที่ดีของอดีต ประสบการณ์ในแง่บวก และความคิดในแง่ดีๆที่เราค้นพบ แม้มันจะเล็กจิบจ้อย แต่หากเราจดจ่อกับมันได้มากเท่าไร มันจะขยายตัวและเหนี่ยวนำสิ่งที่คล้องจองมาสู่ปัจจุบันและอนาคตได้เสมอ เพราะ
    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปในภาวะนั้นๆเสมอ-ไม่มีข้อยกเว้น(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2007
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Answering The Call

    เรามาถือกำเนิดในชาติภพนี้ทำไม ?
    อะไรคือหน้าที่ที่เราเลือก ?
    อะไรคือความท้าทาย ในวิถีชีวิตที่เราได้เลือก ?
    เราจะก้าวหน้า หรือพัฒนาต่อไปได้อย่างไร ?


    พวกเราจำนวนมากแสวงหาคำตอบ เพราะเมื่อเรายังค้นไม่พบ มันทำให้เราเกรงว่า ชีวิตของเราอาจสูญเปล่าหรือหลงทางตลอดชีวิต โดยไม่ได้บรรลุเป้าหมายบางอย่างที่เราได้เลือกไว้ก่อนมาถือกำเนิด

    แต่ที่น่าเสียดายยิ่งไปกว่าการหาคำตอบไม่พบนั้นคือ การค้นพบหน้าที่ที่ตนเองเลือกก่อนมาถือกำเนิด ค้นพบความท้าทายที่ตนเลือกมาเผชิญ ค้นพบเป้าหมายที่ตนเลือก แต่กลับยอมแพ้ต่ออุปสรรคทั้งหลาย ยกเลิกทางเลือกของตนเอง และลงเอยด้วยการกล่าวโทษผู้อืิ่น กล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่างนอกตัวตนของเขาว่า เป็นสาเหตุของความล้มเหลวทัั้งหมด และหันหลังให้เป้าหมายสูงสุดนั้นไป

    พี่นักเขียนอยู่กับความคิดเหล่านี้มาหลายวัน ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาว่า น่าจะเป็นคำถามที่พี่นักเขียนนำมาขยายความและคุยกับพวกเรา ช่วงนี้แม้ว่าพี่นักเขียนจะกำลัง busy กับการย้ายบ้าน แต่ก็ยังได้รับการติดต่อจากผู้อ่านในประเทศไทยทาง e-mail และจากผู้อ่านต่างประเทศ ต่างรัฐ ซึ่งโทรศัพท์ทางไกลเข้ามาคุยด้วยเป็นประจำ เมื่อวานนี้ ผู้อ่านสูงอายุท่านหนึ่งกล่าวว่า หากผู้อ่านทั้งหลายที่ติดต่อกับพี่นักเขียนโดยตรง ล้วนเป็นจิตวิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์กับพี่นักเขียน วัตถุประสงค์ของพวกเราคืออะไร?

    พี่นักเขียนยังไม่ทันตอบ ท่านก็ตอบว่า "พี่เชื่อว่าคุณนักเขียนไปไกลกว่าพี่มากแล้ว และค้นพบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง ส่วนพี่เพิ่งจะค้นพบว่า"เป้าหมายในชาติภพนี้ของพี่ คือการปลดตนเองให้หลุดพ้นจากบ่วงของความงมงาย ต่อไปนี้พี่จะเลิกเชื่อหมอดู เลิกเชื่อคนทรงเจ้าเข้าผี ฯลฯ แต่เชื่อหรือศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเอง ซึ่งหมายถึงการเชื่อในพลังอำนาจของจิตวิญญาณของตนเอง" แล้วท่านก็สรุปให้พี่น้กเขียนฟังว่า ทุกวันนี้มีความสุขและรู้สึกถึงพลังอำนาจในตนเองซึ่งไม่เคยมีมาก่อน

    พี่นักเขียนหวังว่า พวกเราคงจะตระหนักได้เสมอๆว่า โนวา อนาลัย หมายถึง เส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา
    การศึกษาข้อมูลความรู้ในแนวทางของท่านอาจารย์อนาลัยไม่ใช่ศาสนา ไม่ใช่ลัทธิ แต่เป็นความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของจิตวิญญาณของเราทั้งหลาย และเป็นหนทางที่จะทำให้เราเป็นอิสระจากการถูกควบคุมชีวิตจากสิ่งที่อยู่ภายนอกตัวตนของเรา การเป็นอิสระจากความปรารถนาในตัวตนอันเป็นร่างกายเนื้อหนังของเรา คือการเป็นอิสระจากอิทธิพลภายนอก และเป็นอิสระจากสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา

    เมื่อผู้อ่านท่านนี้ตอบคำถามของท่านได้ด้วยตนเอง พี่นักเขียนก็ระลึกถึงความฝันที่เพิ่งเล่าให้พวกเราฟัง และเมื่อเข้ามาในกระทู้ก็พบคุณน้องขจรวรรณ คุณเฉลย คุณ axzon47 และหลายๆคนที่ตอบคำถามด้วยตนเอง หรือให้คำตอบซึ่งกันและกัน ทำให้พี่นักเขียนเชื่อว่า พวกเราล้วนมีเป้าหมายที่จะพัฒนาจิตวิญญาณด้วยการคันให้พบทางเลือกที่แท้จริงของตนเอง ค้นให้พบพลังอำนาจในตนเอง หรือค้นให้พบอารมณ์และความรู้สึกลุ่มลึกอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง เพื่อให้ค้นให้พบคุณภาพอันเป็นอมตะของจิตวิญญาณ

    เมื่อผู้อ่านสูงอายุท่านนั้นกล่าวว่า ปลดตนเองให้พ้นจากบ่วงของความงมงายนั้น หมายถึงการเปลี่ยนความเชื่อ ซึ่งเคยเชื่อในพลังอำนาจของสิ่งที่อยู่นอกตัวตนของท่าน และหันมาศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเอง ศรัทธาในพลังอำนาจที่แท้จริงของตัวตนภายใน เลิกเชื่อหมอดู เลิกเชื่อผู้วิเศษที่ตั้งตนเป็นผู้รู้-ผู้ตอบคำถามและเป็นผู้กุมบังเหียนชีวิตของผู้ตามจำนวนไม่น้อย

    พี่นักเขียนเชื่อว่า เราจะค้นพบว่า เรามาถือกำเนิดในชาติภพนี้ทำไม ก็ต่อเมื่อเราได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการทำหน้าที่บางอย่าง ซึ่งเราตระหนักว่ามันคือหน้าที่ที่เราเลือก และไม่ว่าเราจะเผชิญกับความท้าทายใดๆ เราก็ตระหนักได้ว่า ความท้าทายและอุปสรรคเหล่านั้นล้วนเป็นโจทย์หรือปัญหาที่เราคือผู้สร้างขึ้น และหน้าที่ของเราคือการฟันฝ่าอุปสรรคและปัญหาเหล่านั้น ด้วยการใช้พลังอำนาจ ใช้ความเชื่อในแง่บวก ใช้ความศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเอง ใช้ความรู้ความสามารถและความเพียรส่วนตนอย่างดีที่สุด ที่จะฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านั้นให้สำเร็จ ความก้าวหน้าของเราหรือการพัฒนาของเราจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราค้นพบพลังอำนาจในตนเอง ที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายในหน้าที่ของเรา

    พี่นักเขียนใช้ Title ข้อความนี้ว่า Answering The Call
    [​IMG]
    ตามที่นักเรียนสมาธิชาวอเมริกันมักเรียกหน้าที่ของพี่นักเขียน ในการสอนสมาธิและถ่ายทอดข้อมูลเหล่านี้ให้กับพวกเขา พี่น้กเขียนไม่เคยรู้จักคำนี้มาก่อน จนกระทั่งได้รับ Label จากนักเรียน และก็ยอมรับว่าตนเองกำลังตอบสนองสิ่งที่จิตวิญญาณของตนเองเรียกร้อง หรือ Answering The Call

    เราจะพบว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นมีค่ามากมายมหาศาล และคุณค่าของมันจะทำให้เราปราศจากความคาดหวังในผลตอบแทน เพราะผลตอบแทนที่เราได้รับจากการทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการทำหน้าที่นั้น เป็นสิ่งที่ประมาณค่าไม่ได้ด้วยเงิน ประมาณค่าไม่ได้ด้วยลาภยศหรือชื่อเสียง และประมาณค่าไม่ได้ด้วยตำแหน่งใดๆ

    หากพี่นักเขียนจะบอกกับพวกเราว่า การเขียนหนังสือชุดนี้ คือหน้าที่ คือเป้าหมาย และคือสิ่งที่นำมาซึ่งอุปสรรคและปัญหามากมายในชีวิตของพี่นักเขียน พวกเราหลายคนอาจไม่เข้าใจว่า หากหน้าที่นี้เป็นหน้าที่ที่พี่นักเขียนถูกเลือก เหตุใดพี่นักเขียนจึงเผชิญกับอุปสรรคและปัญหามากมาย ทำไมเทวดาไม่จัดสรรให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เช่่นที่คุณน้องขจรวรรณกล่าวว่า เมื่อถึงเวลาทุกสิ่งทุกอย่างคงจะได้รับการจัดสรรให้ราบรื่นลงตัว

    พี่นักเขียนเชื่อว่า จิตวิญญาณของเราทั้งหลายนอกจากจะใฝ่รู้แล้ว ยังชอบความท้าทายอีกด้วย เช่นเดียวกับเด็กน้อยผู้อยากรู้อยากเห็นและแสนซนทั้งหลาย เพราะหากปราศจากอุปสรรคแล้ว ความสำเร็จนั้นๆคงจะปราศจากความหมาย และปราศจากความลุ่มลึกอันน่าประทับใจ จิตวิญญาณของเราทั้งหลายมักสร้างโจทย์ยากๆให้กับชีวิตของเราเสมอ ไม่ว่าอุปสรรคและความท้าทายในวันนี้ของเราคืออะไร หากเราไม่ยอมแพ้ ไม่กล่าวโทษผู้อื่นหรือส่ิงที่อยู่นอกตัวตนของเรา แต่รวบรวมพลังอำนาจ รวบรวมความเชื่อในแง่บวก รวบรวมความหวังทั้งหมด ตลอดจนทุ่มเทแรงกายแรงใจที่จะทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด ให้ไปถึงสิ่งที่เราเรียกว่า ความฝันอันสูงสุด ซึ่งหมายถึงการทำหน้าที่ที่เราเลือกและบรรลุเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดเต็มความสามารถของเรา เราจะพบว่าชีวิตเป็นของง่าย และพลังอำนาจทั้งหมดอยู่ในตัวตนภายในของเรา และพบว่าโลกนี้ช่างเป็นสนามกีฬาที่น่าระทึกใจ เป็นลานลีลาศที่สง่างาม และผู้คนรอบตัวเราล้วนเป็นนักกีฬาหรือนักเต้นรำ ที่ทำให้โลกของเรามีสีสรร มีรสชาด และทำให้ชาติภพนี้เต็มไปด้วยความประทับใจที่ไม่รู้ลืม

    หน้าที่ที่เราแต่ละคนเลือกจะปราศจากความหมาย หากมันถูกจัดสรรให้ราบรื่นลงตัวโดยที่เราไม่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถและความเพียรของเราอย่างหมดใจ มันจะเป็นหน้าที่จำเพาะของเราได้อย่างไร หากมันง่าย ราบรื่นลงตัว และเป็นไปอย่างอัตโนมัติราวกับว่า-ใครๆก็ทำได้ มุมมองจำเพาะและความเป็นเอกลักษณ์ของเราคงปราศจากความหมายโดยสิ้นเชิง (rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2007
  20. obniti

    obniti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +305
    รูปวิเชียรมาศและมาสเตอร์ฉั่ว

    มาสเตอร์เจ้ากับมาสเตอร์ฉั่วเป็นคนเดียวกันครับดังรูป อีก3คนเป็นคุณobniti ภรรยาและดร.วรรณี น่าแปลกผมไปคนรูปมาให้ดูได้ในวันครบรอบ12 ปีไหว้ครุพอดีดูจากป้ายข้างหลังซิครับ ส่วนรูปแมวช่วยกันดูครับวิเชียรมาศมีสีดำ 9 แห้ง เรืองยาวกว่านี้เดี๋ยวกลับไปเขียนใน note pad ส่งมาให้อ่านกันอีกครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...