เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    eBook เล่ม 2 ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ

    หนังสือเล่ม 2 จากชุดของท่านอาจารย์อนาลัย ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ
    เป็น eBook เรียบร้อยแล้วอีกหนึ่งเล่ม
    เชิญอ่านได้ที่: http://novaanalai.com/Book_2/BK2Cover.html

    หนังสือเล่ม 1 จากชุดของท่านอาจารย์อนาลัย โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพ
    เชิญอ่าน eBook ได้ที่: http://novaanalai.com/Book_1/BK1Cover.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 02cover.jpg
      02cover.jpg
      ขนาดไฟล์:
      11.7 KB
      เปิดดู:
      52
    • 01cover.jpg
      01cover.jpg
      ขนาดไฟล์:
      9.9 KB
      เปิดดู:
      47
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    มองครั้งแรกเห็นเป็น หมุนตามเข็มนาฬิกา ลองมองจับที่สะโพก และ ปลายเท้า เห็น ได้ทั้งตามเข็มและทวนเข็ม จ้องไปได้สักพัก สามารถมองเห็นได้ทั้งสองทางตามที่คิด

    สิ่งที่ได้พบ
    หมุนตามเข็มนาฬิกา รู้สึกว่าทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ง่ายดาย
    หมุนทวนเข็มนาฬิกา รู้สึกว่ากว่าจะทำได้ ต้องอาศํยการจดจ่อพอสมควร
    พอหมุนได้ทั้งสองทางตามกำหนด รู้สึกว่า ทุกอย่างที่มองเห็นล้วนแต่เกิดตามที่เราคิดและจินตนาการทั้งนั้น

    พอมองด้วยหางตา เห็นแค่ผู้หญิงคนนี้แกว่งขาข้างเดียวน่ะแหละแกว่งไปแค่ทางขวากลับมาซ้ายมาขวา แค่นี้ แต่ไม่ได้หมุนรอบตัวแต่อย่างใด
    เหมือนลูกตุ้มนาฬิกาที่แกว่งในฝันเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2008
  3. Year of the Cat

    Year of the Cat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +236
    -----------
    ขอตอบด้วยคนค่า (เป็นคนชอบลุ้นของรางวัล) ถ้ามองด้วยหางตาแบบชำเลืองๆ จะเห็นผู้หญิง 2 คน หมุนไปทางเดียวกันคือตามเข็มนาฬิกา แต่ถ้ามองด้วยหางตา แบบจดจ่อ ก็จะบังคับให้หมุนไปได้ซ้าย-ขวาค่ะ


    แต่ถ้ามองแบบธรรมดา จะมองเห็นเป็นคนเดียว ซึ่งก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีแหละว่าทำไมจึงทำให้เราเห็นได้ 2 ทิศทาง ขอเดาว่าเป็นเพราะเป็นเพราะความสามารถในวิธีการมองของเราเอง

    1. มองแบบความเคยชิน ของสมองตามปกติ
    2. มองอีกแบบหนึ่ง (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร) ที่ไม่ใช่แบบแรก ยิ่งพูดยิ่งงง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2008
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ก่อนหน้านี้ในอาทิตย์นี้หรืออาทิตย์ก่อนนี่แหล่ะ ได้อ่านข่าวเจอว่ามีคนทำเครื่องแปรคลื่นสมองเป็นภาพแล้ว ถ้าเข้าใจไม่ผิดคือจะเอาเครื่องมือไปตรวจจับสมองตรงส่วนที่เกี่ยวกับภาพ แล้วก็เทียบดูว่าลักษณะคลื่นคล้ายกับคลื่นสมองที่เรามองรูปไหน ก็จะเอาภาพนั้นมาแสดง

    อ่านเจอจากไทยรัฐ

    ส่วนรูปของพี่นักเขียน ดูแว๊บแรกเลยเห็นหมุนทวนเข็มนาฬิกา แต่สักพักก็สามารถมองให้หมุนตามเข็มได้ แต่อาจจะมีฝืนๆ หน่อย ถึงจะำทำให้มองเห็นอย่างนั้นได้

    ตอนนี้ขอตอบเท่านี้ก่อนนะครับ รีบมารีบไปครับ
     
  5. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ไม่เคยลองในความฝันเลยค่ะ เคยกำหนดแต่ในสมาธิถ้าเห็นภาพที่น่ากลัวก็จะกำหนดเห็นจากหน้าผากจนภาพที่เห็นนั้นหายไป เป็นวิธีของสติปัฏฐาน 4 น่ะค่ะ.. ก็ได้ผลเหมือนกันนะคะ: bat:
     
  6. soul2006

    soul2006 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +5,169
    มองรูปพี่นักเขียน..ถ้าจิตจดจ่อ อยู่กับรูป ก็จะเห็นสองแบบค่ะ คือ จดจ่อแล้วหมุนไปทางขวา พอหลับตาเปลี่ยนการจดจ่อใหม่ก็จะหมุนไปทางซ้าย ถ้ามองแบบไม่จดจ่อที่รูปก็จะไม่เห็นว่าภาพหมุน จะเห็นเหมือนแกว่งเท้าขวาและซ้ายค่ะ
     
  7. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ถ้ามองตรง ๆ ก็จะเห็นหมุนไปซ้าย - ขวาสลับกัน ตอนแรกก็จะนาน ๆ ครั้ง แต่พอมองนาน ๆ ไปแล้วก็เห็นสลับไปสลับมาเร็วขึ้น ความรู้สึกที่มองเห็นก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกันค่ะ

    แต่พอมองด้วยหางตาก็จะเห็นแกว่งเป็นลูกตุ้ม ซ้าย - ขวา เหมือนพี่จินต์

    พอมองไปที่เงาของเท้าที่อยู่ด้านล่างกลับพบว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้หมุนตัวเลยเพียงแต่แกว่งเท้าซ้ายไปด้านขวาทีซ้ายทีเท่านั้นเองค่ะ..:cool:
     
  8. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยินดีต้อนรับเข้าสู่ห้องวิทย์ค่ะคุณรักไร้พ่าย.. (f)
    ชื่อคุณความหมายดีนะคะ.. เธอผู้ไม่แพ้.. อิอิ..
    ลองดูแบบฝึกฝนนี้ดูสิคะ ขจรวรรณก็ลองฝึกดูอยู่เหมือนกันค่ะ..
    ( พอดีcopy มาจาก word คงอ่านยากหน่อยนะคะ )

    จิตวิญญาณประสานกาย บทที่ 7 การสะกดจิตตนเองด้วยความเชื่อที่ก่อให้เกิคโรคffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>

    หน้า 99
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2008
  9. axzon47

    axzon47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    737
    ค่าพลัง:
    +3,155

    เมื่อมองเห้นหมุนตามเข็ม รู้สึก ผ่อนคลาย ไม่ต้อง คิดอะไร มองไปเฉย มันก้หมุนตามเข็มต่อไปเรื่อยๆ

    พอให้หมุนทวนเข็มต้องละสายตาออกจากภาพที่หมุนตามเข็มก่อน แล้วก้จ้องมองแบบตั้งใจที่หางตาให้หมุนทวนเข็ม เมื่อได้แร้วก้มองเต็มตาได้แต่ต้องตั้งใจมอง ถ้าเผลอ มันจะหมุนตามเข็มได้อีก

    มองที่หางตาจะเห็นตัวคนแกว่งไปซ้ายขวา ขาไปคนละทางกับแขน เหมือนคนเล่นไอซ์เสก็ต แล้วก้พัตลูกกอล์ฟ ไปพร้อมกันครับ
     
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    [​IMG]
    หากลองจ้องดูจุดใดจุดหนึ่งด้านล่างถัด animation ลงไปนิ่งๆสักพัก เราจะเห็น animation นี้โดยไม่ได้เห็นตรงๆ และเห็นได้ว่า animation นี้ไม่ได้หมุนทางใดทางหนึ่งอย่างที่เรา คิดว่าเราเห็น ผู้หญิงคนนี้เพียงแต่ แกว่งซ้าย-ขวา เหมือนลูกตุ้มอย่างที่พวกเราหลายคนมองเห็น ความเร็วของการแกว่งทำให้เรามองเห็นเสมือนว่า เธอหมุนตัวไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างต่อเนื่อง คือไม่หมุนตามเข็มนาฬิกา ก็หมุนทวนเข็มนาฬิกา

    ใครที่ยังมองเห็นภาพหมุนได้เพียงทิศทางเดียว ให้ทดลองใหม่ด้วยการจดจ่อจุดกึ่งกลางด้านล่างของภาพ เมื่อ - รู้สึกว่าเห็น - ไม่ใช่คิดว่าเห็นนะคะ รู้สึกว่าเห็นภาพแกว่งไปมา ซ้าย-ขวา เหมือนลูกตุ้มแล้ว ทีนี้ให้เริ่มด้วยการใช้จินตนาการคิดว่ามันหมุนตามเข็มนาฬิกา สักครู่ให้เลื่อนตำแหน่งที่จดจ่อขึ้นไปจดจ่อที่ภาพ จะเห็นได้ว่ามันหมุนตามเข็มนาฬิกา

    จากนั้นให้ทำใหม่อีกหน จดจ่อจุดกึ่งกลางด้านล่างของภาพ เมื่อ - รู้สึกว่า - เห็นภาพแกว่งไปมา ซ้าย-ขวา เหมือนลูกตุ้มแล้ว ทีนี้ให้เริ่มด้วยการใช้จินตนาการคิดว่ามันหมุนทวนเข็มนาฬิกา สักครู่ให้เลื่อนตำแหน่งที่จดจ่อขึ้นไปจดจ่อที่ภาพ จะเห็นได้ว่ามันหมุนทวนเข็มนาฬิกา

    เท่าที่พี่นักเขียนจับได้นะคะ ภาพลวงตานี้เกิดจากการมองเห็นของเราแต่ละคนว่า เราคิดว่าเราเห็นอะไร และทำให้เราจินตนการ หรือ คิดว่าเราเห็น (ใครจับประเด็นอื่นๆได้มากกว่านี้ช่วยเฉลยด้วยค่ะ):

    1. เราคิดว่าเราเห็น ขาข้างใด ยกขึ้นจากพื้น
    [​IMG]
    [​IMG]
    หากเรามองเห็นขาข้างที่ยกขึ้นจากพื้น เป็นขาซ้าย เราจะมองเห็น movement ว่า หมุนทวนเข็มนาฬิกา
    หากเรามองเห็นขาข้างที่ยกขึ้นจากพื้น เป็นขาขวา เราจะมองเห็น movement ว่าหมุนตามเข็มนาฬิกา

    2. เราคิดว่าเรามองเห็น ผู้หญิงคนนี้จากด้านหน้า หรือ ด้านหลังของเธอ
    ในภาพนี่งเดียวกัน
    [​IMG]
    หากเรา คิดว่าเราเห็น ด้านหน้าของเธอ เราจะเห็นเธอยกขาขวา และ งอแขนขวา
    หากเรา คิดว่าเราเห็น ด้านหลังของเธอ เราจะเห็นเธอยกขาซ้าย และ งอแขนซ้าย
    ในทางตรงกันข้าม
    หากเรา คิดว่าเราเห็น ด้านหลังของเธอ เราจะเห็นเธอยกขาขวา และ งอแขนขวา
    หากเรา คิดว่าเราเห็น ด้านหน้าของเธอ เราจะเห็นเธอยกขาซ้าย และ งอแขนซ้าย

    movement อื่นๆที่อยู่ระหว่างจุดผกผันทั้งสองจุด เป็นภาพลวงตาที่คล้อยตามความเชื่อของเราด้วยสองประเด็นนี้

    หากเราปักใจเชื่อว่า เราเห็นเธอยกขาขวา เราก็จะแลเห็นเธอยกขาขวาต่อไป ตลอดเวลาที่ animation หมุน

    หากเราปักใจเชื่อว่า เราเห็นเธอยกขาซ้าย เราก็จะแลเห็นเธอยกขาซ้ายต่อไป ตลอดเวลาที่ animation หมุน

    และไม่ว่าเราจะปักใจเชื่อว่าอะไร ด้านหน้าก็จะกลับเป็นหลัง ด้านหลังก็จะกลับเป็นหน้า ไปด้วยทุก movement

    การทดลองนี้เป็นการทดลองที่พี่นักเขียนเห็นว่า คล้องจองกับคำกล่าวของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า
    เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงจากความเชื่อของตนเอง

    เรารู้เห็นสิ่งต่างๆด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ และสิ่งที่เราคิดว่าเรารู้ อาจไม่ใช่ความเป็นจริงเสมอไป

    ผู้ที่ create animation นี้บอกว่าเขาต้องการทดลองเรื่องการทำงานของสมองซึกซ้ายและขวา โดยกล่าวไว้ว่า
    หากใครมองเห็น animation หมุนทวนเข็มนาฬิกา ผู้นั้นกำลังมองเห็นด้วยสมองซึกซ้าย
    หากใครมองเห็น animation หมุนตามเข็มนาฬิกา ผู้นั้นกำลังมองเห็นด้วยสมองซึกขวา

    พี่นักเขียนทดลองด้วยการเปิดจอภาพ animation ไว้ทางด้านหนึ่งของ monitor แล้วลงมือพิมพ์บทความใน window ที่เปิดไว้คู่กัน ปรากฏว่าแลเห็น animation หมุนทวนเข็มนาฬิกาด้วยหางตา แต่เมื่อกลับไปจ้องดู animation ก็จะแลเห็นว่าหมุนตามเข็มนาฬิกา
    ได้ทดลองซ้ำๆหลายครั้ง ได้ผลเหมือนเดิม พี่นักเขียนคิดว่า การทดลองนี้ได้ผลเป็นที่น่าทึ่งทีเดียวค่ะ

    หลังจากจับประเด็นของ illusion ได้แล้ว กลับมาทดสอบอีก ก็ยังคงได้ผลเหมือนเดิมค่ะ
    การทดลองนี้ทำให้พี่นักเขียนเชื่อมั่นว่าตนเองถนัดใช้สมองซีกขวาตามธรรมชาติ และที่ทำให้เชื่อมั่นที่สุดคือ เชื่อคำกล่าวของท่านอาจารย์อนาลัยที่ว่า ความเชื่อของเราก่อเกิดสิ่งที่เรารู้เห็น-ไม่ใช่ในทางกลับกัน (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2008
  11. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความฝันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่สะท้อนให้เห็นภาวะจิตของเรา
    หากเราฝันเห็นบุคคลหนึ่งเป็นคนดี แต่ยามตื่นเขากลับเป็นคนไม่ดี หรือ
    เราฝันเห็นบุคคลหนึ่งเป็นคนไม่ดี แต่ยามตื่นเขากลับเป็นคนดี


    สิ่งที่เราควรตระหนักคือ ไม่ว่าเราเห็นว่าเขาเป็นคนดี หรือ คนไม่ดี ทั้งสองประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากมุมมองและความเชื่อส่วนบุคคลของเราเสมอ ซึ่งมักก่อเกิดประสบการณ์ หรือเหนี่ยวนำให้เราเผชิญกับประสบการณ์ที่ตอกย้ำความเชื่อของตนเอง กล่าวคือผู้ที่เชื่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนดี จะไม่เผชิญกับประสบการณ์ซึ่งทำให้เห็นบุคคลนั้นเป็นคนไม่ดี

    อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อ
    เป็นปัจจัยที่เหนี่ยวนำสิ่งที่คล้องจองกับความเชื่อนั้นๆ มาสู่โลกแห่งความเป็นจริง


    โลกยามตื่น และ โลกยามฝัน ล้วนเป็นโลกที่เป็นภาพสะท้อน อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่คล้อยตามความเชื่อของเราทั้งสิ้น ต่างกันก็ตรงที่ว่า โลกยามตืื่นเป็นโลกที่เรารู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ส่วนโลกยามฝันเป็นโลกที่เรารู้เห็นด้วยประสาทสัมผัสภายใน ซึ่งเป็นไปนอกเหนือกฎเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา

    โลกแห่งความฝันจึงเอื้ออำนวยให้เรารู้เห็นได้กว้างไกลกว่ายามตื่น ก็จริง แต่ประเด็นสำคัญที่พี่นักเขียนเน้นให้พวกเราใส่ใจกันเสมอๆคือ การมีสติสัมปชัญญะที่คมชัดในความฝัน เพราะหากเรารู้เห็นโลกยามฝันด้วยสติสัมปชัญญะที่ไม่มีความคมชัด เราก็ยังคงรู้เห็นโลกยามฝันอย่างแคบๆ และจำกัดด้วยช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา จำกัดด้วยความสามารถของประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เราคุ้นเคยเหมือนยามตื่นเท่านั้น ซึ่งเป็นการจำกัดที่ไม่จำเป็นและไม่ได้มีอยู่จริงอีกต่อไปในโลกของความฝัน

    การที่เราจะรู้ได้ว่า ข้อมูลที่ปรากฏในความฝันเป็นข้อมูลที่เป็นความเป็นจริง หรือเป็นเพียงภาพสะท้อนความเชื่อของเรา อยู่ที่การรู้เห็นด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชัดเท่านั้น
    หากเรามีสติสัมปชัญญะที่คมชัดในขณะที่ฝัน เราจะตระหนักได้ว่า
    1. เรากำลังฝัน
    2. เรากำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ที่นอกเหนือความเป็นไปในโลกยามตื่นที่เรารู้จัก
    3. เรามีความจำสองชุดหรือมากกว่านั้น ชุดหนึ่งคือความจำของตัวตนยามตื่นหรือตัวตนภายนอก และอีกชุดหนึ่งคือความจำของตัวตนในความฝันหนึ่งตัวตน หรือหลายตัวตน หรือเป็นความจำของตัวตนภายใน ซึ่งเป็นความจำที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งด้านของมุมมอง ประสบการณ์และความเชื่อ หรือแม้แต่การเป็นบุคคลตัวตน เช่น เผชิญกับปรากฏการณ์ในความฝันว่าตนเองเป็นผู้ชาย และ ตระหนักว่าตัวตนยามตื่นเป็นผู้หญิง, เผชิญกับปรากฏการณ์ในความฝันว่าตนเองมีอาชีพเป็นจิตกร และ ตระหนักว่าตัวตนยามตื่นวาดภาพไม่เป็นและมีอาชีพอื่น เป็นต้น
    4. รู้เห็นตนเองเป็นผู้สังเกตการณ์ประสบการณ์ความฝัน พร้อมกับตระหนักได้ว่า เราจะเป็นผู้ร่วมเหตุการณ์ในความฝันนั้นๆด้วย เราจะสามารถเลือกที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ หรือก้าวออกจากเหตุการณ์นั้นๆ และกลายเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ได้ตามปรารถนา โดยไม่ต้องตกใจตื่น
    5. รู้เห็นสิ่งต่างๆโดยปราศจากวิตก วิจารณ์ มีความเป็นกลาง เห็นสิ่งต่างๆเพียงแค่ว่าแตกต่างกัน โดยปราศจากการวินิจฉัย

    เมื่อเราพูดกันถึงความฝันว่า เป็นโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติที่สะท้อนให้เห็นภาวะจิตของตนเองนั้น เรามักจะตัดสินไม่ได้ว่า หากเราเผชิญกับข้อมูลที่ขัดแย้งกับโลกยามตื่นแล้ว ข้อมูลใดมีความเป็นจริงมากกว่ากัน

    พี่นักเขียนขอให้พิจารณาจากสิ่งแรกคือ พิจารณาว่า ขณะที่เผชิญกับความฝัน เรามีสติสัมปชัญญะที่คมชัดหรือไม่ตามหลักการ 5 ข้อข้างต้นนี้ เพราะหากเราไม่ได้อยู่ในโลกของความฝันพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะที่คมชัด เราเพียงแต่จดจำความฝันได้มากกว่าปกติ ซึ่งกล่าวได้ว่า มีสติสัมปชัญญะที่คมชัดกว่าเดิมระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่า สติสัมปชัญญะที่จดจำความฝันได้นั้น จะเป็นสติสัมปชัญญะที่รู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างตาามความเป็นจริงทั้งหมดเสมอไป

    เรามักจะนำอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อ ไปสู่โลกของความฝัน ทำให้สติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอกติดตามไปจำกัดการรู้เห็นโลกภายใน แทนที่จะปล่อยให้สติสัมปชัญญะของตัวตนภายในตื่นขึ้น และประสานกับสติสัมปชัญญะของตัวตนภายนอก เพื่อรู้เห็นครอบคลุมโลกแห่งความเป็นจริงได้กว้างขึ้น

    คุณน้อง don't worry บอกว่ารู้เห็นบุคคลหนึ่งๆว่า เป็นคนดีในความฝัน และเห็นเขาเป็นคนไม่ดีในยามตื่น การรู้เห็นดังกล่าวเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่จำเป็นต้องเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง จากทุกแง่มุม เพื่อการรู้แจ้ง

    คุณน้อง don't worry บอกว่า เห็นเขาเป็นคนดีในความฝัน แต่ยามตื่น-ที่จริงแล้ว-เขาเป็นคนไม่ดี

    ไม่มีบุคคลใดในโลกที่มีแต่ความไม่ดีเพียงด้านเดียว คนเราทุกคนมีสองด้าน สามด้านหรือหลายด้าน สุดแท้แต่ว่าเราเผชิญกับด้านใดของบุคคลผู้นั้น ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเรา เราก็จะรู้เห็นหรือเผชิญกับด้านนั้นๆของเขามากที่สุด

    แต่เรามักจะตัดสินและตีตราสิ่งต่างๆไปตามอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อของเราเสมอ โดยไม่เผื่อความเป็นได้อื่นๆเลย เช่น เผื่อความเป็นไปได้ที่ว่า เขาอาจเป็นคนดีกว่าที่เรามองเห็นหรือตัดสินเขา หรือเป็นคนดีในด้านอื่นๆที่เราไม่รู้เห็น เป็นต้น

    การรู้เห็นบุคคลหนึ่งๆว่าเป็นคนดี ในความฝัน เป็นการรู้เห็นของจิตวิญญาณ ที่ช่วยให้เราได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า คุณน้อง don't worry มีโอกาสได้รู้เห็นอีกด้านหนึ่งของบุคคลนั้น ในทิศทางที่ไม่สามารถรู้เห็นเขาได้ด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้ายามตื่น

    ในทางตรงกันข้าม บางคนก็รู้เห็นคนที่ตนคิดว่าเป็นคนดีในยามตื่น แต่เห็นเขาเป็นคนไม่ดีในความฝัน

    [​IMG]
    แท้จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ว่า บุคคลหนึ่งๆ-แท้จริงแล้วเป็นคนดีหรือไม่ดีกันแน่
    แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้คือ การรู้เห็นของเรานั้นเป็นไปตามความเป็นจริง หรือคล้อยตามความเชื่อในแง่ลบของตนเอง เราจำเป็นต้องเรียนรู้ตนเอง เพราะมันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้จิตวิญญาณของเราพัฒนาต่อไปได้

    เมื่อเราค้นพบว่า เรารู้เห็นสิ่งต่างๆได้ตามความเป็นจริง หรือเพียงรู้เห็นด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่คล้อยตามความเชื่อ ความเชื่อในแง่ลบที่ทำให้รู้เห็นสิ่งต่างๆในแง่ลบ จะร่วงหล่นไปเองเสมือนใบไม้ร่วง โดยปราศจากพิษภัย เราจะพบว่า ไม่มีบุคคลใดในโลกที่ไม่ดี อย่างหาดีไม่ได้ และไม่มีบุคคลใดในโลกที่ดี อย่างหาที่ติไม่ได้

    การรู้เห็นของเราแต่ละคน เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ไม่ต่างไปจากการที่เรารู้เห็น animation ที่บางคนก็แลเห็นว่าหมุนตามเข็มนาฬิกา บางคนก็เห็นทวนเข็มนาฬิกา บางคนก็เห็นหมุนเหมือนลูกตุ้ม บางคนก็เห็นหมุนกลับไปมากได้ทั้งสองทิศทาง

    เราทั้งหลายล้วนเป็นจิตวิญญาณที่มาแสวงหาประสบการณ์เพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ และคุณค่าชีวิต เพื่อเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ต่างขั้ว ต่างทิศ ทุกแง่มุม เพื่อการรู้แจ้ง เพื่อการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่มีวันจบสิ้น (rose)
     
  12. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    เยี่ยม

    พี่นักเขียนมีอะไรมาให้เล่นสนุกๆ อีกแล้ว
    -ตอนแรกที่มองอย่างตั้งใจ เห็นว่าหมุนไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกา
    -แต่พอเปลียนจุดโฟกัสของการมองไปที่เงา (เท้า) ซึ่งจะทำให้เห็นภาพจริงด้วยหางตา กลายเป็นว่าเห็นการหมุนไปในทางทวนเข็มนาฬิกา
    -กลับมามองตรงๆ อีก เปลี่ยนทิศทางไปได้เรื่อยๆ (โอ้ มายก้อด)
    -ไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วภาพเคลื่อนไหวในทิศทางใดกันแน่
    -ทำให้นึกถึงภาพสามมิติ แต่ก็ไม่ทราบว่ามีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องของสมองแต่ละซีกหรือเปล่า
    -เป็นไปได้มั้ยที่จะอธิบายปรากฎการดังกล่าวในเชิงที่ว่า มันเป็น "มายา"
    -หรือเป็นไปได้มั้ยที่จริงๆ แล้วการหมุนเป็นไปในสองทิศทางตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับการมองของเรา

    ***ขออนุญาตนำภาพนี้ไปแบ่งปันในช่วงคั่นเวลาการอบรมในห้องประชุมนะครับ
     
  13. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    พอดีว่าก่อนที่จะตอบกระทู้ก่อนหน้านี้ไป ยังไม่ได้อ่านกระทู้ต่อมาของพี่นักเขียน เพราะกลัวว่าจะมีผลต่อการคิดหาคำตอบ
    แต่พอมาดูเฉลยก็เข้าใจแล้วครับ
     
  14. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ลองเลื่อนหน้าจอให้เห็นแต่ขาอย่างเดียว ก็สามารถมองเห็นภาพหมุนกลับไปกลับมาเหมือนลูกตุ้มได้ แต่เมื่อเลื่อนหน้าจอให้เห็นมือ เห็นหน้า พบว่าไม่สามารถทำได้เพราะว่ามีการเปรียบเทียบตำแหน่งของมือของหน้าในขณะหมุน ทำให้คิดว่าคนในรูปหมุนไปในทิศทางเดียว แต่เมื่อมองแต่เท้าอย่างเดียวไม่มีตำแหน่งของอวัยวะอื่นๆ เปรียบเทียบตำแหน่งในการหมุนเลยทำให้มองเห็นหมุนกลับไปกลับมาได้

    คิดเหมือนพี่นักเขียนเหมือนกันครับที่พี่นักเขียนบอกว่า "ภาพลวงตานี้เกิดจากการมองเห็นของเราแต่ละคนว่า เราคิดว่าเราเห็นอะไร และทำให้เราจินตนการ หรือ คิดว่าเราเห็น"

    เมื่อเราอยากเห็นภาพหมุนไปตามเข็มนาฬิกาเราก็ต้องคิดจินตนาการว่าภาพมันหมุนตามเข็มนาฬิกา ถึงจะเห็นได้ พื้นฐานอาจจะขึ้นกับสมองแต่อีกส่วนก็ขึ้นกับว่าเราคิดว่ามันหมุนไปทางไหน สมองเราก็จะจัดตำแหน่งต่างๆ ของรูปให้ใหม่ บางคนมองออกด้วยซ้ำว่าขาที่ยืนคือขาข้างไหน แต่มันก็ขึ้นกับว่าเรามองว่าภาพหมุนไปทางไหนนะ ถ้ามองทิศทางหมุนต่างกัน จะเห็นว่าขาที่ยืนคือคนละขากัน อันนี้จากที่สังเกตเองนะ
     
  15. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังค่ะ วันก่อนได้สนทนากับพี่คนหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะคิดในแง่ลบอยู่เสมอ คิดว่าผู้อื่นมักจะนินทาว่าร้ายเค้า ไว้ใจไม่ได้และคอยจะแทงข้างหลังเค้าอยู่ตลอดเวลา สุขภาพก็ไม่ดีต้องไปพบคุณหมออยู่เสมอ หลายครั้งที่พี่เค้าจะบ่นให้เราฟัง ก็บอกให้เค้าพยายามคิดในแง่บวกเข้าไว้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม วันก่อนก็เลยบอกพี่เค้าอย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปเพราะจะทำให้เราเป็นกังวลและไม่สบายใจปล่าว ๆ แล้วก็ลองพูดเรื่องกฏแห่งการดึงดูดให้พี่เค้าฟัง แต่พี่เค้ารีบบอกว่าไม่ใช่นะ..มันไม่ใช่..เราไม่เข้าใจเค้า เราก็เลยหัวเราะออกมาและพูดเลียนแบบโฆษณาซะเลยว่า มันไม่ใช่น่ะกิ๊บ..มันไม่ใช่.. เพราะก็ไม่รู้จะอธิบายยังงัยเหมือนกันค่ะ.. แฮ่.. แฮ่..:'(
     
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    กลับมาแล้วไปพักจิตแถวชายทะเล 2-3 วันครับ ท้องฟ้าสวย+น้ำใส+ทรายละเอียด แถมลมพัดเย็นสบาย ไม่ร้อนมากคลื่นกำลังน่าเล่น ได้น้ำเกลือธรรมชาติในทะเลช่วยสมานรักษาเซลล์ในร่างกายดีครับ

    นี่ถ้าพี่นักเขียนฯ กลับมาเมื่อไหร่คงได้พาไปเที่ยวกันบ้าง..คุณจินตวดีบอกว่ามีหาดเล็กๆแถวสัตหีบ น้ำทะเลสีฟ้าทรายขาวมากๆ..คงมีโอกาสได้ไปสักครั้งนึง..เสียดายที่ไม่ได้พบคุณเอนะครับ..ก็ยังดีนะ ที่พวกเราได้พบกันในฝันบ่อยๆอยู่แล้ว อิอิ..




    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]




    </FIELDSET>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2008
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    มาช้าไปหน่อยครับ..แต่เห็นรูปการทดลองแล้วน่าสนุกดีครับ..
    มองเห็นทีแรกก็เห็น animation หมุนตามเข็มนาฬิกา..
    พยายามมองให้หมุนทวนเข็มนาฬิกาแต่ยังไม่ได้..รู้สึกว่ายากมากแต่จะลองดูอีกคับ
    อีกอย่างที่รู้สึกขึ้นภายหลังคือ เราก็เหมือนเป็นตากล้องที่กำลังถ่าย VDO ด้วยครับ
    กล้องกำลังหมุนวนไปทางซ้ายไปรอบๆหุ่นผู้หญิงที่ลอยตัวขึ้น-ลง..
    คงเป็นอย่างที่พี่นักเขียนบอกจริงๆครับ คือไม่เชื่อว่าหุ่นหมุนทวนเข็มนาฬิกาอยู่ จึงดูยังไงก็ไม่เป็นแบบนั้น..สงสัยว่าคงจะไม่เชื่อเอามากๆครับ..ถ้าเปลื่ยนความเชื่ออาจจะง่ายขึ้นนะครับ ขอบคุณครับที่นำเรื่องการทดลองนี้มาเล่นในห้องวิทย์ครับ..สนุกดี

    (||)(||)(||)

    "ความเชื่อของเราก่อเกิดสิ่งที่เรารู้เห็น-ไม่ใช่ในทางกลับกัน"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2008
  18. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    good animation

    ตอนนี้สามารถเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรูปที่หมุนไป-มา แค่ 180 องศา
    ดูไปเรื่อยๆ สนุกและเพลินดีครับ
    ขอบคุณพี่นักเขียนที่หาอะไรมาให้ฝึกหัดอยู่เรื่อยๆ ครับ
     
  19. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    สนุก ๆ ค่ะ คุณนักเขียนเอามาให้เล่นอีกนะคะ จินตวดีชอบ

    คุณมี้ด กลับมาแล้วเหรอคะ วันหลังแอบมาแถวนี้บอกแต่เนิ่น ๆนะคะ จะได้เตรียมตัว อาบน้ำแร่ แช่น้ำนม เอ๊ยไม่ใช่ เคลียร์งาน ไปพบซักกะหน่อย ฮากระจาย

    พูดถึงแบบฝึกหัดนี้พอทำแล้ว จินตวดีฝันแปลก ๆ อีกแล้วล่ะ เล่าสู่กันฟังค่ะ ฝันเห็นตัวเองนั่งพูดกับใครไม่รู้ (เหมือนรำพึงกับตัวเอง) ว่า กาลเวลาไม่มีข้างหน้า ข้างหลัง มันอยู่พร้อมกันหมด แล้วภาพก็ตัดไปเห็นผู้หญิงชาวต่างชาติสวยมากคนหนึ่งกำลังตามพูดกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ผู้ชายไม่เห็น เห็นผู้ชายเดินไปหาผู้หญิงอีกคนที่เป็นวัยรุ่นแทน ตัวเราในฝันที่เป็นผู้ดู พูดขึ้นมาเองว่า ผู้หญิง 2 คนนี้ คือคนเดียวกัน ผู้หญิงคนมีอายุคือตัวตนอนาคตของผู้หญิงวัยรุ่น ประมาณผู้หญิงที่มีอายุพยายามอธิบายอะไรซํกอย่างกับผู้ชาย แต่ผู้ชายไม่รู้สึก พอคิดได้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งคือตัวตนอนาคตของอีกคนหนึ่ง ภาพก็รีเพลย์ ย้อนกลับไปอีกให้เห็นชัด ๆ สักพักหน้าเปลี่ยนเป็นคนไทย คราวนี้เป็นเด็กผู้หญิง ม.2 บอกว่าจะไปเยี่ยมตัวตนในอนาคตที่อยู่ ม4 ประมาณ ตัวตนที่อยู่ ม.4 ทำตัวเหลวไหล

    สักพักภาพตัดเป็นไปเห็นหมาชื่อ ถังทองของตัวเองนอนนิ่งเหมือนป่วย รู้สึกประมาณว่ามันป่วยเพราะเรา เราเดินไปหามันพลันพูดกับมันว่า เจ้าคือเรา เราคือเจ้า เราต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่ง ๆ นั้น อีกไม่นานเราจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น แล้วก็ย้ำลงไปอีกว่า เราจะกลับไปเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น (ไม่แน่ใจว่าใช้คำว่าจะ หรือ ขอ) กล่าวจบปุ๊ป ความรู้สึกเหมือนถูกครอบคลุมโดย กลุ่มพลังงานหนาแน่น สงบ และ ไม่มีอะไรเลย มันรู้สึกว่างเปล่า เลยตกใจกลัว ถอยออกมา เชื่อไหม พอตกใจ สวดชินบัญชรด้วย

    ไปเที่ยวในป่ามีน้ำตกกับใครไม่รู้ มีเสียงพูด "ทำไมไม่ถ่ายรูปไว้ล่ะจะได้จำได้" พลันก้มลงหยิบกล้องบนพื้น (มาตั้งได้ยังไง แปลกดี) เป็นกล้องคล้ายดิจิตอล มาถ่ายเก็บไว้ พอตื่นเช้ามา แรก ๆ จำไม่ได้ สักพัก แว้บภาพ ผู้ชายคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิยิ้มใต้ต้นไม้ใหญ่ ขึ้นมา เลยจับภาพนั้น แล้วระลึกฝันต่อได้เลย ภาพที่แว้บขึ้นมาก็คือภาพที่ได้หยิบกล้องถ่ายไว้ในฝันนั้นเอง ยังไม่รู้เลย ว่าผู้ชายคนนั้นคือ ใคร ฮาอีกและ
    แต่เราจดในบันทึกเราเรียบร้อยแล้ว

    อีกอย่างเพิ่งกลับจากทัวร์ด่วน พัทยา อีสาน กทม พัทยา เกือบน้อค นอนไม่พออย่างแรง แต่เชื่อไหมหลังจากฝันเมื่อคืนเกี่ยวกับกาลเวลา ทำไมเหมือนเมื่อคืน ๆ นี้(ที่ฝัน) มันยาวนานจริง ๆ ทั้งที่นอนนิดเดียว แต่ฝันได้เยอะมาก ที่สำคัญ เหมือนนอนนานมาก ๆ เลย (เน้น ๆ)ตื่นขึ้นมาสดชื่นเหมือนนอนมา 1 วัน กับ 1 คืนเลย ตื่นมากลางดึก 1 หน เพราะรู้สึกนอนมานานแล้วน่าจะเช้าซักที แปลก จริง ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2008
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    คุณเอนี่ฝันสนุกได้ทุกวี่ทุกวันเลย ประโยคที่ว่า กาลเวลาไม่มีข้างหน้า ข้างหลัง มันอยู่พร้อมกันหมด ฟังดูมีความหมายที่ลึกล้ำจริงๆครับ ใครเข้าใจความหมายนี้ได้อย่างถ่องแท้ ย่อมเป็นเรื่องที่มีประโยชน์อย่างมาก มุมมองในการดำเนินชิวิตในแต่ละวันแทบจะอยู่นอกกรอบของกาลเวลาไปเลย ก็เห็นมีพี่นักเขียนนี่ล่ะครับ ที่ขยายความในเรื่องเหล่านี้ได้ชัดเจนที่สุด ทำให้เราได้อ่านเรื่องราวของ"สวนสนุกแห่งมิติเวลา"ที่สนุกสนานเหมือนการเดินทางในมิติต่างๆทีไม่มีสิ้นสุด Never Ending Story..น่าติดตามและน่าค้นหาจริงๆครับ



    "มิติ"เป็นสิ่งที่เราเข้าใจภายใต้ กฎเกณฑ์ของกาลเวลา ที่เรารู้จัก
    "ภพภูมิ" เป็นสิ่งที่เรากำหนดขึ้นภายใต้ กฎเกณฑ์ของระยะทางและช่องว่าง​


    มิติที่แท้จริงและมิติทั้งหมด คือปัจจุบัน
    และภพภูมิทั้งหมด คือภาวะแห่งจิตวิญญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มีนาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...