เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขออนุญาตพี่จินต์ก่อนนะคะ..

    รู้สึกว่าเข้าใจความหมายขึ้นมาอีกหน่อยแล้วค่ะ แต่พอดีเมื่อวานได้มีโอกาสพูดคุยแสดงความคิดเห็นกับพี่จินตวดี ถึงกรณีที่อยู่ ๆ พี่เค้า ก็ลุกขึ้นมาแต่งกลอนที่เคยนำมา post อย่างรวดเร็วและเสร็จในระยะเวลาไม่กี่นาที ทั้ง ๆ ที่พี่เค้าก็ไม่เคยแต่งกลอนแบบนี้มาก่อน พอแต่งเสร็จก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาด้วยความปลื้มปิดิ ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเองแต่งอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ

    รึบางทีเพื่อนบางคนตั้งใจที่จะโทรศัพท์มาคุยกับเราเรื่องนึง แต่พอโทรมาแล้วกลับไปพูดคุยอีกเรื่องนึงที่เรากำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่ รึบางทีเราก็พูดคุยกับเค้าในประเด็นที่เค้ากำลังติดใจสงสัยหรือไม่สบายใจอยู่โดยที่เค้าไม่ได้ถามออกมา ประเด็นนี้เกิดจากสาเหตุอะไรคะพี่นักเขียน? :(
     
  2. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    จินตวดีมีความสุขมาก
     
  3. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    การประสานกันเป็นระบบเครือข่าย

    ประเด็นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึงเสมอๆคือ การประสานกันเป็นระบบเครือข่าย และ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของจิตวิญญาณ

    หากพวกเราย้อนกลับไปถึงความหมายที่แท้จริงของจิตวิญญาณ เราจะพบว่าท่านอาจารย์อนาลัยได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า

    จิต หมายถึง อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
    วิญญาณ หมายถึง ข้อมูล-ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ

    จิต และ วิญญาณ ไม่เคยแยกกันอยู่
    จิตวิญญาณ หมายถึง ข้อมูล-ความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ซึ่งถ่ายทอดได้ด้วย อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด


    การติดต่อสื่อสารและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ระหว่างคนรักคนใกล้ตัว ระหว่างคนแปลกหน้า ระหว่างมนุษย์กับวัตถุสิ่งของ ระหว่างมนุษย์กับสัตว์เลี้ยงหรือสัตว์ป่า ระหว่างมนุษย์กับพืชพันธุ์ สภาพแวดล้อม ดินฟ้าอากาศ ระหว่างมนุษย์กับปรากฏการณ์ต่างๆและทุกสิ่งทุกอย่างในธรรมชาติ ตลอดจนระหว่างมนุษย์กับเหตุการณ์ต่างๆในโลกและจักรวาล ล้วนเป็นการถ่ายทอดข้อมูลความรู้ผ่านอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดมาสู่สติสัมปชัญญะทั้งสิ้น
    [​IMG]
    สติสัมปชัญญะ ไม่ใช่อะไรอื่นไกลจากจิตวิญญาณ แต่สติสัมปชัญญะ คือ การจดจ่ออันคมชัดของจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นภาวะจิตที่ทำให้การติดต่อสื่อสาร การรับ-การให้ และการถ่ายทอดเป็นไปได้สูงที่สุด ไม่ต่างไปจากการที่เราจดจ่อเพื่อรู้เห็น หรือสัมผัสกับความเป็นไปต่างๆในชีวิตแต่ละวัน หากปราศจากสติสัมปชัญญะอันคมชัด ข้อมูลความรู้หรือปรากฏการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา อาจเล็ดรอดการรู้เห็นของเราไปบางส่วน หรือผ่านไปโดยสิ้นเชิงทั้งหมดเสมือนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น

    ภาวะจิตที่เรามีสติสัมปชัญญะอันคมชัด เป็นภาวะที่เราทั้งหลายกลับคืนสู่การเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณทั้งหลาย สัมพันธ์และถ่ายทอดข้อมูลความรู้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด-จากจิตวิญญาณ-ถึง-จิตวิญญาณโดยตรง

    ธรรมชาติของจิตวิญญาณมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เต็มเปี่ยมไปด้วย อารมณ์รัก มั่งคั่งไปด้วยจินตนาการอันสร้างสรรค์ และพรั่งพร้อมไปความรู้สึกอันเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา พร้อมเสมอที่จะให้ความช่วยเหลือเกื้อกูล และพร้อมเสมอที่จะสนับสนุนจิตวิญญาณอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

    ในนัยเดียวกันนี้ หากการรับและการถ่ายทอดไม่ได้ออกมาในทิศทางของการสร้างสรรค์งานศิลปกรรม หรือ วรรณกรรมใดๆ การถ่ายทอดก็อาจเป็นไปในทิศทางของการให้คำแนะนำ การให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลในทิศทางอื่นๆทั้งทางกาย-ทางใจ การให้-การถ่ายทอด การสนับสนุน การช่วยเหลือเกื้อกูลทุกรูปแบบ มีต้นกำเนิดมาจากแก่นแท้ของจิตวิญญาณซึ่งตระหนักในความเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีส่วนใดของจิตวิญญาณที่ใฝ่ทำลายล้างซึ่งกันและกัน การทำลายล้าง การแก่งแย่งชิงดี การแข่งขันด้วยความเกลียด ล้วนเป็นไปด้วยความเชื่อในแง่ลบ และเป็นไปด้วยการไม่ได้ตระหนักในธรรมชาติความเป็นจริงของการเป็นหนึ่งเดียว

    แต่ถึงกระนั้น มนุษย์ก็เผชิญกับประสบการณ์ชีวิต หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ผลักดันให้กลับคืนสู่ภาวะจิตที่ต้องตระหนักในธรรมชาติความเป็นจริงของการเป็นหนึ่งเดียวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้-ทางใดทางหนึ่งเสมอ เช่น ด้วยการเผชิญกับภัยพิบัติร่วมกัน หรือ เผชิญกับความสุขสนุกสนานร่วมกัน ด้วยการเผชิญกับชัยชนะร่วมกัน หรือ ความพ่ายแพ้ร่วมกัน ด้วยการเผชิญกับความประทับใจร่วมกัน หรือ ความแสลงใจร่วมกัน

    ภาวะจิตที่เราสัมผัสกับต้นกำเนิดของความเป็นหนึ่งเดียวกันของจิตวิญญาณ เป็นภาวะที่เราสามารถรับและถ่ายทอดข้อมูลความรู้ใดๆที่เราปรารถนา จดจ่อ เอาใจใส่ มาสู่สติสัมปชัญญะของเราได้เสมอ ด้วยอารมณ์รัก ด้วยจินตนาการอันสร้างสรรค์ ด้วยความรู้สึกอันเปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า เป็นภาวะจิตที่ตั้งอยู่ด้วยปัญญาและด้วยความเมตตา-รักใคร่ ซึ่งมักทำให้เรารับ สร้างสรรค์ และถ่ายทอดสิ่งที่เรียกได้ว่า ดีที่สุด หมดจดงดงามที่สุด หรือเป็นเลิศในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ตามบุคลิกภาพของเราไปสู่ภาวะทางกายภาพ เพื่อให้บุคคลอื่นๆได้รับรู้ สัมผัส หรือมีส่วนร่วมในการรู้เห็นสิ่งที่เราสร้างสรรค์อย่างดีที่สุดนั้น ซึ่งเรามักจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้เป็นโคลงกลอนอันไพเราะ ดนตรีอันเสนาะหู งานศิลปะที่งดงามตระการตา คำพูดที่น่าประทับใจ ฯลฯ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น Masterpiece ไม่ว่าเราจะเคยสร้างสรรค์ผลงานชนิดนั้นๆหรือไม่ก็ตาม-ตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จัก

    ในนัยตามธรรมชาติของจิตวิญญาณที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า ประสานกันเป็นระบบเครือข่ายและมีความเป็นหนึ่งเดียว ข้อมูลความรู้และความทรงจำที่ดูเสมือนจะแบ่งแยก เป็นของเรา ของเขา เป็นของอดีต ของปัจจุบัน ของอนาคต กลายเป็นสิ่งที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ปราศจากของเรา-ของเขา ปราศจากช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ทำให้ผู้ที่ดำเนินภาวะจิตเข้าสู่ภาวะอันเป็นธรรมชาติที่สุดของจิตวิญญาณ สามารถรับรู้และนำความรู้ที่เป็นของกลางเหล่านั้นมาถ่ายทอดเป็นผลงานอันสร้างสรรค์ได้เสมอ แต่ข้อมูลความรู้ที่เป็นของกลางเหล่านั้นก็ไม่ได้แปลกแยกไปจากมนุษย์ เพราะมันถ่ายทอดจากจักรวาลหรือต้นกำเนิดไปสู่มนุษย์ และจากมนุษย์กลับคิืนสู่ศูนย์กลางของจักรวาล เพิ่มพูนสร้างสรรค์ ขยายตัวออกไปไม่มีวันสิ้นสุด

    แม้ว่าเราจะรู้เห็นตามเส้นทางแห่งกาลเวลาที่เรารู้จักว่า สิ่งที่เราสร้างสรรค์ขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่เรา-ไม่เคยทำมาก่อน แต่ในภาวะของความเป็นหนึ่งเดียวนั้น เราทั้งหลายล้วน-ได้เคยทำมาแล้วทั้งสิ้น ในรูปกายอื่นๆ ในตัวตนอิื่นๆ ในบุคลิกภาพอื่นๆ ในเส้นทางแห่งความเป็นไปได้เส้นอื่นๆ ในมิติอื่นๆ ในชาติภพอื่น มิติอื่นๆ แต่การถือกำเนิดในช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ทำให้เรามีอันต้องลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยเป็น เคยทำ เคยมี มาแล้ว แต่เราก็สามารถที่จะระลึก จดจำ และนำสิ่งที่ลืมเลือนเหล่านั้นกลับมาได้เสมอ

    ประสบการณ์ของคุณน้องจินต์ จึงเป็นผลลัพธ์อันเกิดจากการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณด้วยสติสัมปชัญญะที่ทำให้สัมผัสกับความเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณทั้งหลาย สัมผัสกับข้อมูลความรู้อันเป็นของกลางของจักรวาล สัมผัสกับความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดมาสู่สติสัมปชัญญะในขณะนั้นๆด้วยอารมณ์รัก จินตนาการอันสร้างสรรค์ และด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักความเมตตา ซึ่งมักจะทำให้ขนลุก น้ำตาไหล หรือรู้สึกปลื้มปิติกับข้อมูลความรู้และการสร้างสรรค์เหล่านั้น และมักจะทำให้มีความปรารถนาที่จะถ่ายทอด เพราะจิตวิญญาณตระหนักถึงที่มา และตระหนักถึงความเป็นเลิศของผลงานอันหมดจดนั้น การรับข้อมูลความรู้ของคุณน้องจินต์เป็นการรับผ่านประสาทสัมผัสภายใน คือเป็นการรับจากจิตวิญญาณ-สู่-จิตวิญญาณโดยตรง

    ส่วนประสบการณ์ในการรับและถ่ายทอดข้อมูลที่สนับสนุนหรือช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน ช่วยแก้ปัญหาให้แก่กันและกันของคุณน้องขจรวรรณ เป็นประสบการณ์ที่เป็นไปด้วยธรรมชาติของการประสานกันเป็นระบบเครือข่าย และความเป็นหนึ่งเดียวของจิตวิญญาณ เช่นเดียวกัน ข้อมูลที่ได้รับมาช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันจะเป็นสิ่งที่ได้รับมาจากภายในด้วยจิตวิญญาณ แต่นำมาถ่ายทอดผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า ด้วยการติดต่อสื่อสารกันภายนอก ด้วยคำพูดอีกทีหนึ่ง สิ่งที่เราทั้งหลายได้รับหรือให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้หรือการรับจากคนรักคนใกล้ตัว หรือคนแปลกหน้า จึงไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปด้วยปัจจัยที่เรามักเรียกว่า - ความบังเอิญ แต่เป็นไปด้วยปัจจัยอันเป็นรากเหง้าแห่งธรรมชาติของการประสานกันเป็นระบบเครือข่าย และความเป็นหนึ่งเดียวเสมอ(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2008
  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Love is ONE

    ความรักอันปราศจากเงื่อนไข เป็นความรักที่ปรากฏให้เราเห็นได้หลากหลายรูปแบบในโลก แต่ไม่ว่ามันจะเป็นความรักในรูปแบบใด สิ่งที่เราจะพิสูจน์ได้เสมอว่า มันคือความรักที่แท้จริงคือ การรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรวมกันของบุคคลที่ใกล้ชิดกันเพียงสองคน การรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของคนแปลกหน้าสองคน หรือคนจำนวนสิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ความรักล้วนสะท้อนให้เห็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอ
    [​IMG]
    กีฬาเป็นเกมส์ชีวิตระยะสั้นที่ช่วยให้พี่นักเขียนสามารถสำรวจตรวจสอบ ประเมินผล และพิสูจน์ความเป็นจริงที่ปรากฏในหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยได้เสมอๆ เพราะกีฬาเป็นเกมส์ที่ใช้ระยะเวลาอันจำกัดเพียงไม่เกิน 3-4 ชั่วโมงก็จบเกมส์-รู้แพ้-รู้ชนะ และรู้ถึงที่มาของการแพ้การชนะนั้นด้วย ส่วนชีวิตเป็นเกมส์ที่ใช้ระยะเวลายาวนานกว่าที่จะสำรวจตรวจสอบ ประเมินผล และ พิสูจน์ความเป็นจริงที่ปรากฏในหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยได้

    ที่พี่นักเขียนกล่าวเช่นนี้เพราะเหตุว่า ไม่ว่าผลลัพธ์ของการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร coach และนักกีฬามักจะถูกสัมภาษณ์หลังเกมส์จบลงเสมอๆว่า พวกเขาคิด-รู้สึกหรือมีจินตนาการอย่างไรก่อนหน้าที่จะเข้าสู่การแข่งขัน และขณะหนึ่งๆที่เกิดการพลิกผันของเกมส์อย่างเหลือเชื่อ coach หรือนักกีฬาคิด-รู้สึกหรือมีจินตนาการอย่างไร จึงเหนี่ยวนำให้รูปการณ์พลิกผันไปได้เช่นนั้น

    พี่นักเขียนได้ติดตามดู Jayhawk basketball team ของ University of Kansas มาตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว ซึ่งนักกีฬาหลายๆคนเพิ่งจะเข้ามาเป็น freshmen ของมหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้เห็นพัฒนากการและความเปลี่ยนแปลงของนักกีฬาแต่ละคนอย่างชัดเจน การแข่งขันและการคัดเลือกสำหรับปีการศึกษานี้ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และการแข่งขัน NCAA Tournament ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม เดือนมีนาคมของทุกปีจึงเป็นเดือนที่คนอเมริกันเรียกกันว่า March Madness เพราะเป็นเดือนที่คนอเมริกันนับล้าน จดจ่อกับการเฝ้าชมการแข่งขัน basketball ของมหาวิทยาลัยชั้นนำใน US ซึ่งถ่ายทอดแทบจะทุกช่อง จนกระทั่งเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันเข้าชิง NCAA Basketball Championship ระหว่าง Jayhawkk basketball team ของ University of Kansas กับ Memphis Tigers basketball team ของ University of Memphis ที่ Alamodome, San Antonio, Texas

    Jayhawk เป็นทีมที่พี่นักเขียนชื่นชอบ ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเป็นทีมมหาลัยที่พี่นักเขียนมาใช้ชีวิตเรียนหนังสือ และ สอนหนังสือยาวนานเท่านั้น แต่เป็นทีมที่มีคุณสมบัติแปลกกว่าทีมอื่นๆคือ coach - Bill Self ได้ฝึกให้นักกีฬาของเขาใช้ความสามารถจำเพาะตัวและให้โอกาสแต่ละคนลงเล่นเสมอเหมือนกัน ซึ่งทีมอื่นๆมักจะมีนักกีฬาเพียง 2-3 คน ซึ่ง coach จะให้ลงเล่นยาวนานตลอดเกมส์มากกว่านักกีฬาคนอื่นๆในทึม และเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่จะทำแต้มได้สูง และเป็นดาวดวงเด่นของทีม ส่วน Jayhawk กลับเป็นทีมที่นักกีฬา 5-7 คน ทำแต้มได้พอๆกัน เป็นทีมที่นักข่าวบอกว่า ไม่มีดาวดวงเด่นอย่างแท้จริง และทำให้ใครๆพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานาว่าจะไปได้ไกลเพียงใด เพราะขาดนักกีฬาดาวดวงเด่น

    แต่ผู้ที่วินิจฉัยกีฬาเหล่านี้มักขนานนามทีม Jayhawk ว่าเป็นทีมที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว เพราะนักกีฬาช่วยกันส่งลูกให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะทำแต้มมากที่สุดเสมอ ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นใคร ในขณะที่ทีมอื่นๆมักส่งลูกให้ดาวเด่นของทีมเป็นตัวทำแต้มเสมอๆ และหากตัวเด่นเหล่านั้นได้ลูก เขาก็มักจะทำแต้มเสียเองโดยไม่ส่งลูกต่อให้ใคร และบ่อยครั้งเขาก็อาจทำแต้มไม่ได้ดังที่คาดหวัง

    ก่อนหน้าการแข่งขัน John Calipari-coach ของ Memphis Tigers ให้สัมภาษณ์ว่า เขาบอกนักกีฬาของเขาว่า ให้จินตนาการว่า เมื่อการแข่งขันคืนนี้จบลง พวกเขาจะกลับเข้าไปใน locker room แล้วสวมกอดเพื่อนร่วมทีมของเขาและฉลองกันอย่างไร นักกีฬาทีมนี้ลงเล่นด้วยความฮึกเหิม เพราะเป็นทีมที่มีแต้มต่อ นักกีฬาสูงใหญ่และแข็งแรงกว่า Jayhawk team มาก คำพูดของ coach ทำให้พี่นักเขียนคิดว่า coach ของ Jayhawk จะกล่าวว่าอย่างไรหนอ หากจินตนาการของเขาก้าวไปไกลกว่าทีมนี้ เขาน่าจะชนะได้ แต่หากจินตนาการของเขาไม่ไกลเท่า-เขาคงจะไม่ชนะ

    เมื่อเกมส์เหลืออีกเพียง 2:12 นาที Memphis Tigers นำอยู่ถึง 9 แต้ม Dolzie ซึ่งเป็นนักกีฬาตัวเด่น ถูก foul out ชั่วขณะนั้นพี่นักเขียนสังเกดเห็นแววสลดในดวงตาของเขา Dolzie ให้สัมภาษณ์ทีหลังว่า เมื่อเขาถูก foul out เขามีความคิดว่า เขาหมดโอกาสที่จะช่วยทำให้ทีมของเขาชนะ ทั้งๆที่นำอยู่ถึง 9 แต้ม หลังจากที่เขาคิดเช่นนั้นได้ไม่ถึงอึดใจ ทีมของเขาได้ shoot ลูกโทษอีกถึง 4 ลูก แต่ปรากฏว่า เพื่อนร่วมทีมของเขา shoot ไม่ลงถึง 3 ลูก และ Jayhawk กลับได้ลูกและ shoot 3 แต้มลงอีก ทำให้ Memphis Tigers นำเพียง 3 แต้ม

    กล้องจับไปที่ใบหน้าของ Dolzie นักกีฬาดาวเด่นของ Memphis Tigers อีกหลายครั้ง พี่นักเขียนแลเห็นแววตาสลดยิ่งไปกว่าเดิม Dolzie ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า เขาแลเห็นภาพนักกีฬา Jayhawk ฉลองชัยชนะด้วยการตัด net ลงจากแป้นตามธรรมเนียม ทั้งๆที่ทีมของเขากำลังนำอยู่อีก 3 แต้ม

    จนกระทั่งเวลาเหลือเพียง 2.1 วินาที Mario Chalmer นักกีฬา ของ Jayhawk กลับ shoot ลงอีก 3 แต้ม ทำให้เวลาหมดและเสมอกัน ต้องต่อ over time


    ปรากฏว่าในช่วง OT นักกีฬาของ Memphis Tigers ทำผิดพลาดมากมาย และในขณะเดียวกัน นักกีฬาของ Jayhawk ก็ดูเสมือนจะทำได้ดีไปเสียหมด และเกมส์ก็จบลงด้วยชัยชนะของ Jayhawk และนักกีฬาก็ขึ้นไปตัด net ลงจากแป้นจริงตามที่ Dolzie จินตนาการไว้ล่วงหน้า

    เมื่อนักข่าวสัมภาษณ์ Bill Self-coach ของ Jayhawk และถามว่าเขาบอกอะไรกับนักกีฬาก่อนหน้าการแข่งขันในคืนนี้
    Bill Self บอกกับนักกีฬาว่า "คืนนี้จะเป็นคืนที่พวกเราจะจดจำไปตลอดชีวิต ดังนั้นให้เราสร้างสรรค์สิ่งที่เราต้องการจะจดจำอย่างดีที่สุด"
    นักข่าวสัมภาษณ์ Mario Chalmer นักกีฬาผู้ยิง 3 แต้มลงในเมื่อเวลาเหลือเพียง 2.1วินาที ว่าเขาคิดอย่างไรเมื่อปล่อยลูกบอลล์ออกจากมือไป เขาตอบว่า"ผมเชื่อว่ามันจะต้องลงแป้น" ส่วนเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ให้สัมภาษณ์ว่า ผมคิดว่าการที่เราจะชนะได้นั้น ผมต้องมีความเชื่อ (I have to believe.)


    คำพูดของ coach ทั้งสองคน ทำให้พี่นักเขียนตระหนักว่า จินตนาการของเขาทั้งสองคนแม้จะเป็นการคิดหรือคาดการณ์ในอนาคต ที่เป็นเสมือนการสร้างพิมพ์เขียวโลกแห่งความเป็นจริงที่เขาปรารถนา แต่จินตนาการของเขายิ่งใหญ่ไม่เท่ากัน จินตนาการของ Bill Self ยิ่งใหญ่และก้าวไกลไปกว่าด้วยคำว่า-ตลอดชีวิต ซึ่งทำให้นักกีฬาทีมของเขามีจินตนาการที่ก้าวไกลและยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่ากัน

    หลังจากที่ Jayhawk ชนะ Memphis Tigers ไปด้วยแต้ม 75-68 นักข่าวได้เข้าไปสัมภาษณ์ John Calipari-coach ของ Memphis Tigers และถามว่า เขามีความคิดอย่างไรในขณะที่ทีมของเขายังนำอยู่ถึง 9 แต้ม Calipari ตอบว่า "ผมคิดว่า หากพระเจ้าจะให้ทีมของผมชนะ-ผมก็ยอมรับ และหากพระเจ้าจะให้ทีมของผมแพ้-ผมก็ยอมรับเช่นกัน"

    เกมส์ชีวิตในสนามกีฬา ทำให้พี่นักเขียนตระหนักว่า อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราทั้งหลาย ช่างมีพลังอำนาจมากมายมหาศาล และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างแท้จริงดังเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ ไม่ว่าจะเป็นเกมส์กีฬา หรือเหตุการณ์ใดๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา เราทั้งหลายคงจะสามารถสำรวจตรวจสอบ ประเมินผล และพิสูจน์ความเป็นจริงที่ปรากฏในหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยได้ต่อไปอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อตอกย้ำบทเรียนเหล่านี้ให้เราเข้าใจและตระหนักได้ว่า พลังอำนาจทั้งหลายที่ก่อเกิดโลกแห่งความเป็นจริงของเรา-ล้วนมีจุดเริ่มต้นมาจากจินตนาการและความเชื่อของเราโดยแท้

    หลังจาก Jayhawk team ชนะ NCAA National Championship คืนนั้น Downtown Lawrence ก็กลายเป็นที่ฉลองชัยชนะกันอย่างอึกทึกครึกโครม ทั้งนักศึกษาและชาวเมืองพากันไปเดินร้องเพลงเชียร์ ดื่มเบียร์และปรมมือกันท่วมถนนเป็นจำนวนกว่า 75,000 คน (หมดทั้งเมืองรวมคนแก่กับbabyที่นอนหลับปุ๋ยไปแล้วก็มีเพียง 120,000 คนเท่านั้นค่ะ) ตำรวจออกมารักษาความปลอดภัยเต็มไปหมด และนักศึกษาก็พากันเข้าไป high five คือปรบมือกับตำรวจเป็นการแสดงความยินดีร่วมกัน

    ไม่ว่ากีฬาหรือเกมส์ชีวิตจะจบลงด้วยชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ บทเรียนสำคัญที่เราทั้งหลายต่างก็ได้เรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่ความยินดีหรือความสลดใจที่ได้จากเกมส์ หากแต่เป็นบทเรียนแห่งความรักที่ทั้งผู้แพ้และผู้ชนะต่างก็ได้สัมผัสในทิศทางของตน

    coach และนักกีฬาของ Memphis Tigers ต่างก็กล่าวว่า แม้พวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่ในหัวใจของเขาแล้ว เขาคือ champions เพราะพวกเขาภาคภูมิใจในความสามารถของกันและกันอย่างเต็มเปี่ยม

    ส่วน coach และนักกีฬาของ Jayhawk ต่างก็กล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน และกล่าวว่าทุกคนคือพลังที่ทำให้พวกเขาก้าวไปสู่ชัยชนะได้ พวกเขาเดินทางกลับมา Lawrence Kansas บ่ายวันรุ่งขึ้น นักศีกษาพร้อมด้วยชาวเมือง Lawrence รวมทั้งพี่นักเขียน นักศึกษาและอาจารย์ชาวต่างชาติที่สอนหนังสือหรือทำงานให้กับ University of Kansas พากันไปต้อนรับ coach และนักกีฬากันอย่างคับคั่ง ท่ามกลางละอองฝนและอากาศที่ยังหนาวเย็น อุณหภูมิตอนนั้นเพียง 5 องศาเซลเซียส แต่ก็ดูเสมือนจะไม่มีใครแยแสกับความเปียกชื้นและความหนาว ความสุขของการร่วมฉลองชัยชนะ ทำให้พี่นักเขียนตระหนักถึงความเป็นหนึ่งเดียวของจิตวิญญาณ-อีกครั้ง คนดูต่างส่งเสียงร้องบอกนักกีฬาว่า "We love you" ในขณะที่นักกีฬาก็ร้องบอกกลับมาว่า "We love You"

    ความรักและความเป็นหนึ่งเดียวของจิตวิญญาณ มีมากมายหลายรูปแบบ ความรักของผู้ชมที่มีต่อทีมนักกีฬาที่ชื่นชอบ เป็นความรักรูปแบบหนึ่งที่พบเห็นได้เสมอๆในวัฒนธรรมอเมริกัน แฟนกีฬาต่างก็ยอมรับว่าพวกเรามีความจงรักภักดีหรือ royalty ให้กับทีมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะแพ้หรือชนะ ความรักของแฟนกีฬาก็ไม่เคยลดลง และนักกีฬาก็กล่าวว่า ความจงรักภักดีของแฟนๆเป็นพลังที่ทำให้พวกเขานำชัยชนะกลับมาให้เป็นของขวัญ(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2008
  5. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    สงกรานต์มาแล้ว ขอให้ทุกท่านที่เดินทางกลับบ้าน หรือไปเที่ยวสงกรานต์ต่างจังหวัด โปรดขับขี่รถด้วยความปลอดภัย เมาไม่ขับ อย่าลืมรดน้ำ ขอพรผู้ใหญ่ โดยเฉพาะบิดามารดาด้วยนะจ๊ะ อ้อ อย่าลืมเที่ยวเผื่อด้วยล่ะ

    ขออนุญาติรดน้ำคุณนักเขียนไว้นะที่นี่ด้วยค่ะ สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
     
  6. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ขอบคุณ คุณ VeggieGuy ที่เป็นกำลังใจและเสียงเชียร์ให้พี่นักเขียนเสมอๆ
    จนบอกได้ว่า ในสายตาของพี่นักเขียนแล้ว คุณ VeggieGuy ของห้องวิทย์ฯหล่อเสร็จไปนานแล้วค่ะ หล่อใน หล่อนอกเลยค่ะ
    พี่นักเขียนก็ขอเชียร์ให้คุณ VeggieGuy เขียนหนังสือได้สำเร็จเช่นกัน

    อ่านพบข้อความนี้จาก CWG vol.2 ทำให้คิดว่าหนังสือ title ใหม่ของคุณ VeggieGuy ที่ชื่อว่า เขตปลอดศาสนา เป็นเขตของภาวะจิตที่อยู่กับเราทุกคนเสมอ ไม่ว่าเราจะเกิดมาอยู่ในศาสนาใดๆในโลก ศาสนาก็ไม่อาจครอบงำหรือจำกัดความใฝ่รู้ของจิตวิญญาณได้ จิตวิญญาณของเราจึงแอบเล็ดรอดไปสู่เขตปลอดศาสนา ซึ่งเป็นเขตที่ไร้พรมแดนในภาวะจิตของเราบ่อยๆ

    เราทุกคนมีคำถามไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับความเชื่อของตนเอง ภายใต้ศาสนาที่เรานับถือไม่มากก็น้อย จะต่างกันก็ตรงที่ว่า บางคนมีคำถามแล้วทอดทิ้งหรือกำจัดคำถามไปเสีย แล้วก็ปล่อยให้ชีวิตของเราพร้อมด้วยร่างกายตัวตนและจิตวิญญาณ ดำเนินไปในขอบเขตอันจำกัดของศาสนา แต่บางคนมีคำถามแล้วพยายามหาคำตอบ จนในที่สุดก็เล็ดรอดออกนอกกรอบของศาสนาหนึ่งๆ ไปพบคำตอบจากศาสนาอื่นๆ ปนเปกันหลายศาสนา และได้คำตอบจากขอบเขตอื่นๆที่อาจเรียกได้ว่า เป็นภาวะจิตทีึ่ปลอดศาสนา

    หากคนหมู่มากเข้าใจในความหมายที่แท้จริงของ title หนังสือของคุณ VeggieGuyได้ว่า ไม่ได้หมายถึงเขตไร้ศาสนา หากแต่เป็นเขตที่หลอมรวมทุกศาสนาเข้าด้วยกัน อย่างที่พี่นักเขียนเข้าใจ หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นที่ยอมรับได้มากกว่าโดน reject นะคะ (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • CWG_2.jpg
      CWG_2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      616 KB
      เปิดดู:
      48
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2008
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    มุมมองส่วนบุคคลกับความเชื่อ

    คุณ zip แวะไปคุยกับพี่นักเขียนหลังห้อง เกี่ยวกับเรื่องของมุมมองส่วนบุคคลตามความเชื่อ และอุตส่าห์สละเวลาพิมพ์เล่าเรื่องที่เป็นอุทาหรณ์ที่น่าคิด พี่นักเขียนเลยขออนุญาตคุณ zip นำมา post แบ่งปันพวกเรานะคะ

    ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้เสมอๆว่า เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง
    มันอาจจะเป็นการง่ายที่จะมองเห็นความเชื่อในทางที่ผิด หรือความเชื่อในแง่ลบของผู้อื่น ตลอดจนประสบการณ์ชีวิตของเขาที่ีคล้องจองกับความเชื่อนั้นๆ แต่บ่อยครั้ังเราทั้งหลายก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว เพราะธรรมชาติของมนุษย์เรา ล้วนมีความสัมพันธ์กับมนุษย์โลกด้วยกันอย่างแยกจากกันไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยความรัก ความผู้พันธ์ ความสงสาร ความเมตตา หรือในทางตรงข้ามจะด้วยความเกลียด ความโกรธ ความแตกแยก ความอิจฉาริษยา ฯลฯ เรามักจะตอบสนองต่อความเป็นไปของบุคคลหนึ่งๆ ด้วยความเชื่อที่เรา share กับเขาไม่มากก็น้อย

    การสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง เป็นธรรมชาติที่เป็นไปตลอดวันเวลา เราไม่อาจหยุดสร้างโลกของเราได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว เพราะจิตวิญญาณของเรามีความเป็นอมตะ และไม่เคยหยุดที่จะมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

    ท่านอาจารย์อนาลัยจึงไม่ได้สอนให้เราหยุดคิด หยุดจินตนาการ หรือหยุดใช้อารมณ์ หากแต่สอนให้เรารู้จักใช้อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เต็มไปด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชัด เพื่อที่เราจะสามารถสร้างโลกแห่งความเป็นจริงได้ตามความเชื่อในแง่บวก ตามความปรารถนา สร้างโลกอย่างมีสติ แทนที่จะสร้างโลกอย่างไร้สติ

    สิ่งที่เราทั้งหลายทำได้ และควรจะทำจนเป็นนิจนิสัย คือการสำรวจความเชื่อของตนเองอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าเราจะเผชิญกับประสบการณ์ สถานการณ์ หรือเหตุการณ์ใดๆในชีวิต ทุกขณะจิต เราควรจะหยุดคิดว่า เรากำลังเผชิญกับสิ่งนั้นๆด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่กำลังคล้อยตามความเชื่อในทิศทางใด? หากมันเป็นไปในทิศทางที่เป็นแง่ลบ ให้โทษ ให้ผลสืบเนื่องในแง่ลบ เราควรจะหยุดตั้งคำถามกับตนเองว่า สิ่งที่เรากำลังเผชิญนั้น-เป็นความเป็นจริง หรือเป็นเพียงความเชื่อของเรา ของบุคคลอื่น หรือของส่วนรวม ซึ่งมีอิทธิพลครอบงำเราอยู่?

    พี่นักเขียนพบภาพที่สะท้อนให้เห็น-ความเชื่อ และเป็นภาพที่ให้ข้อคิดอีกแง่มุมหนี่ง ภาพเหล่านี้เป็นภาพของแม่เสือที่เชื่อว่า ลูกหมูที่เขานำไปใส่เสื้อลายเสือคือลูกของมัน ทำให้แม่เสือเลี้ยงลูกหมูแทนที่จะกินลูกหมูเป็นอาหาร

    ภาพเหล่านี้สะท้อนให้พี่นักเขียนเข้าใจว่า ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป หากแม่เสือตัวนี้เปลี่ยนความเชื่อว่า ลูกสัตว์เหล่านี้คืออาหารของมัน มันก็คงกินลูกหมูแทนที่จะเลี้ยงดูฟูมฟักพวกมัน ใครๆที่เห็นภาพเหล่านี้มักจะบอกว่า มีความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้นมากมายกับเสือ ซึ่งเป็นสัตว์ที่ดูเสมือนจะเลวร้าย แต่ภาพเหล่านี้กลับทำให้เราเชื่อได้ว่า เสือไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เราเคยคิด หรือเคยเชื่อ

    สรุปได้ว่า ความเชื่อไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป ตราบใดที่ความเชื่อนั้นๆ ไม่ทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น และในทางตรงกันข้าม หากความเชื่อนั้นๆทำคุณให้กับตนเองและผู้อื่น ความเชื่อนั้นๆก็เป็นความเชื่อในแง่บวกที่มีคุณค่า

    แม้จิตวิญญาณจะมีเป้าหมายสูงสุดคือ การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ แต่ในโลกทางกายภาพที่เราทั้งหลายดำเนินชีวิตอยู่นี้ เรายังคงดำเนินชีวิตไปภายใต้ความเชื่อ ภายใต้กฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา ดังนั้นจึงกล่าวตามเส้นทางแห่งกาลเวลาได้ว่า การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้เป็นกระบวนการที่ไม่มีวันจบสิ้น การเปลี่ยนความเชื่อในแง่ลบ เป็นความเชื่อในแง่บวก เกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่ามันจะทำให้จิตวิญญาณยังไปไม่ถึงเป้าหมายสูงสุด แต่มันก็เป็นกระบวนการที่มีคุณค่า

    พี่นักเขียนเชื่อว่า การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ เป็นกระบวนการที่เรียกได้ว่า learning by doing ฉะนั้นเราทั้งหลายจึงสามารถเลือกที่จะ enjoy doing คือเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่ทำให้ชีวิตของตนเองเป็นสุขได้เสมอ แทนที่จะเลือกเชื่อในส่ิงที่นำมาซึ่งความทุกข์ต่อตนเองและผู้อื่น

    คำว่า ความเชื่อลมๆแล้งๆ แทบจะปราศจากความหมาย เพราะหากสิ่งที่เราเรียกว่าความเชื่อลมๆแล้งๆนั้นนำมาซึ่งความสุขแก่ตนเองและผู้อื่น มันย่อมเป็นความเชื่อในแง่บวก

    ความเชื่อในแง่ลบก็ดี ความเชื่อในแง่บวกก็ดี ล้วนเป็นพลังอำนาจที่สร้างโลกแห่งความเป็นจริงของเราทั้งหลายเสมอ และทางเลือกของความเชื่อก็เป็นของเราเสมอ
    (rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Tiger1.JPG
      Tiger1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      80 KB
      เปิดดู:
      44
    • Tiger2.JPG
      Tiger2.JPG
      ขนาดไฟล์:
      64.3 KB
      เปิดดู:
      60
    • Tiger3.JPG
      Tiger3.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.5 KB
      เปิดดู:
      64
    • Tiger4.JPG
      Tiger4.JPG
      ขนาดไฟล์:
      77.6 KB
      เปิดดู:
      39
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่ะ
    [​IMG]
     
  9. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ชอบ 3 ประโยคนี้มาก

    Speak the truth
    Not to anger, when asked
    Give even if you only have a little

    ขอบคุณค่ะ

    สรรพสิ่งทั้งปวงเป็นทุกอย่างที่จินตวดีเห็น เป็นปัญหา เป็นทางแก้ เป็นทั้งที่เห็นและไม่เห็น ปัญหาที่เจออดทนคิดอยู่เสมอทุกอย่างต้องดีขึ้น อยู่ ๆ มันก็มีทางแก้จริง ๆ พอแก้ได้ ไปหยิบหนังสือบนโต๊ะใครทิ้งไว้ไม่รู้มาเปิด เปิดปุ๊บเจอประโยคนี้ปรากฏขึ้นในหน้านั้นเลย

    "ทุกคนมีปัญหา ให้อยู่กับปัญหาสักระยะหนึ่ง แล้วก็หาวิธีแก้ปัญหา เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอ" อาตมาเชื่อเสมอ"ความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน"

    น้องวิหคหายไปไหน พี่คิดถึงนะ
     
  10. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันค่ะพี่นักเขียน
    และคงจะไม่ได้มา post อีกหลายวันเลยค่ะ
    ขอลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดประมาณ 10 วันค่ะ..
    (deejai) (deejai) (deejai)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • GL001_xl.jpg
      GL001_xl.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.1 KB
      เปิดดู:
      34
    • IMGA0973.jpg
      IMGA0973.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.6 KB
      เปิดดู:
      48
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
    สวัสดีปีใหม่ไทยด้วยครับ ขอให้มีความสุขกันทุกท่าน
    อย่าลืมรดน้ำดำหัวให้ผู้ใหญ่และขอพรกันก่อนครับ
    แล้วค่อยไปเล่นสงกรานต์กับพี่เม้าท์
    เลือกเอากระแป๋ง +ปีนฉีดน้ำ กันคนละใบ
    [​IMG]

    [​IMG]
    พร้อมรบครับ!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2008
  12. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    Happy New Year

    สวัสดีปีใหม่ไทยทุกๆ ท่านครับ
    ช่วงนี้อาจหายไปสัก 3-4 วัน
    เพราะไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้
    ขอให้ทุกท่านมีความสุขนะครับ
     
  13. Hikikomori

    Hikikomori เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    508
    ค่าพลัง:
    +326
    จะฝึกกันไปทำไมช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ในเมื่ออยากเล่นเกมส์กับธรรมชาติก่อนหนิ ก็จงยอมรับความจริงซะเถอะ
    ใครว่าสัตว์เดรัจฉานโง่ เพราะมันรู้ถึงอันตรายไง มันจึงไม่เล่น จึงมีแต่สัญชาตญาณสัตว์ป่า ช่างน่าอิจฉาจริงๆ
     
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ดูท่าทางคุณ Hikikomori เค้าจะมีทัศนคติกับธรรมชาติไปอีกแนวนะครับ
    ผมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เกมส์ที่ใครจะมาจะไปหรือจะเลิกเล่นกันง่ายๆ อย่าไปตำหนิธรรมชาติเลยครับในเมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอยู่ดี เรามาเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตกันนี่ก็ล้วนมีเหตุ-มีที่มา รวมทั้งเห็นพ้องต้องกันหมดจึงยอมมาเป็นส่วนขยายให้กับจักรวาลอันหลากหลายมิติแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเกิด-การเจ็บ-การตายก็ล้วนเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งของชิวิตล่ะครับ

    สัตว์ เค้ามีรหัสของความรู้สึก+สัญชาติญาณที่เด่นชัดและแสนจะเรียบง่าย
    มนุษย์ เองก็มีทั้งอารมณ์+ความรู้สึก+นึก+คิด+การกระทำจากความเชื่ออันซับซ้อน
    จึงเป็นธรรมดาที่เรามักใช้อารมณ์ไปในเชิงบวกหรือลบ ซึ่งผันผวนแปรปรวนได้ง่ายกว่าสัตว์หลายเท่าถ้าไม่รู้จักคิดและกระทำให้ถูกต้อง เหมือนว่ารู้และเชื่อมั่นในสิ่งนั้น โดยบางทีก็ไม่รู้ตัวว่าดำรงอยู่บน "ทางสายกลาง" หรือไม่?
    ทั้งที่จริงๆแล้วเราสามารถเรียนรู้และทำหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์กันแทบทุกคน การเรียนรู้จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะว่าจิตวิญญาณก็คือระบบเครือข่ายข้อมูลความรู้นั่นเองครับ ผมว่าเราควรมีทัศนคติในแง่บวกกับต้นกำเนิดของเราแบบนั้นดีกว่านะครับ
    (good)

    ถ้าได้อ่านเกี่ยวกับการดำรงอยู่บนทางสายกลาง (มัชชิมาปฎิปทา) ของพี่นักเขียนบ้างคงจะดีไม่น้อยครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2008
  15. aonlin

    aonlin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2006
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +1,608
    :eek: พอเริ่มจดจำความฝัน ถึงเพิ่งรู้ว่าตัวเองฝันว่าไปโรงเรียนเกือบทุกวันเลยค่ะ
    แถมเมื่อวันก่อนฝันเห็นกระดาษที่เขียนตัวเลขไทยคือ 35 ด้วยค่ะ
     
  16. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ทางสายกลาง-เส้นทางแห่งความรัก

    ความรักเป็นสิ่งที่เราทุกคนในโลกล้วนปรารถนาร่วมกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ และความรักเป็นของกลาง หากเรารู้จักมันดีพอ เราจะพบเห็นมันได้ทุกแห่งหน รับและให้ความรักได้อย่างง่ายดายเป็นอัตโนมัติเสียยิ่งกว่าการหายใจ แต่ถ้าหากเรารู้จักความรักไม่ดีพอ นอกจากเราจะมองไม่เห็นความรักแล้ว เราอาจจะแสดงออกซึ่งความไม่รักโดยไม่รู้ตัว

    ทางสายกลางของพี่นักเขียนเป็นไปตามบุคลิกภาพและความเชื่อของพี่นักเขียนค่ะหัวหน้าฯ พี่นักเขียนใช้ชีวิตยาวนานอยู่ต่างแดน ต่างชาติภาษา ต่างวัฒนธรรมและศาสนา บุคลิกภาพ ตลอดจนความเชื่อของพี่นักเขียนจึงปนเปและหลอมรวมไปด้วยทัศนคติและความเชื่อที่รับเอาจากบุคคลต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนาและต่างความเชื่อโดยปริยาย ไม่ว่าพวกเขาจะเคยเป็นเพียงคนแปลกหน้า แปลกสี แปลกความเชื่อเพียงใดก็ตาม ในที่สุดความแตกต่างของเขาและเราก็กลายเป็นความมั่งคั่งของประสบการณ์ชีวิตให้แก่กันและกัน

    พี่นักเขียนตระหนักว่า การหลอมรวมกันทั้งหมดทำให้พบทางสายกลางที่พี่นักเขียนเชื่อว่า เป็นทางสายกลางอันกว้างใหญ่ไพศาล และเป็นเส้นทางอันปลอดภัยที่สุดที่พี่นักเขียนเคยพบ มันเป็นทางสายกลางที่พี่นักเขียนเรียกว่า เส้นทางแห่งความรัก ไม่ว่าจะเป็นความรักในเพื่อนมนุษย์ ต่างชาติภาษา ต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนา ต่างความเชื่อ ตลอดจนความรักในธรรมชาติและสัตว์โลกอื่นๆที่พี่นักเขียนไม่เคยรู้จักมาก่อน

    เส้นทางสายกลางของพี่นักเขียนเป็นเส้นทางที่ทำให้พี่นักเขียนตระหนักว่า หากมนุษย์เราขาดความรัก เราจะขาดความเห็นพ้องต้องกัน และขาดความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันโดยปริยาย ดังที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติของจิตวิญญาณซึ่งเป็นหนึ่งเดียว เรามักจะยึดถือเอาเส้นทางของตนเองเป็นสายหลัก และมองเห็นบุคคลอื่นๆที่เลือกเส้นทางอื่นๆ เป็นเสมือนผู้ที่เดินผิดทาง

    ทุกเส้นทางล้วนเป็นทางสายเล็กๆที่ในที่สุดแล้วจะมาบรรจบกัน และนำเราทุกคนไปสู่เป้าหมายเดียวกัน หากเรายอมรับทุกเส้นทาง และยอมรับบุคคลทุกผู้ทุกนาม ทุกชาติภาษา ทุกวัฒนธรรม ทุกศาสนา และทุกความเชื่อ เราจะพบว่าความหลากหลายในโลกมนุษย์เป็นสิ่งอัศจรรย์ที่มั่งคั่ง ความแตกต่างของมนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะมันทำให้จิตวิญญาณของเรามีโอกาสและทางเลือกมากมายที่จะเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ แลกเปลี่ยนและแบ่งปันความมั่งคั่งจากทุกเส้นทางให้แก่กันและกันได้ มนุษย์เราเรียนรู้จากกันและกันได้ไม่น้อยไปกว่าที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากสัตว์โลกอื่นๆ และจากสรรพสิ่งทั้งหลายในธรรมชาติ

    ไม่ว่าเราแต่ละคนจะเลือกเส้นทางใดในการบรรลุเป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณ เส้นทางสายกลางที่พี่นักเขียนเรียกว่า เส้นทางแห่งความรัก นี้ จะตัดผ่านเส้นทางทุกเส้นเสมอ และทำให้เราสามารถรับและถ่ายทอดความรู้ได้จากเส้นทางอื่นๆได้เสมอ

    ห้องวิทย์ฯเป็นจุดนัดพบบนเส้นทางสายกลางที่พี่นักเขียนกล่าวถึง ชาวห้องวิทย์ฯศึกษาข้อมูลความรู้จากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยร่วมกัน เพื่อทำความเข้าใจในเส้นทางสายกลางที่ว่านี้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ท่านอาจารย์อนาลัยเรียกว่า เป็นเส้นทางใหม่สู่การเป็นอิสระจากความปรารถนา เพราะหากชีวิตของเราท่านทั้งหลายเต็มไปด้วยความรัก โลกของเราย่อมเต็มไปด้วยสันติสุข มีการให้และการรับอย่างท่วมท้น

    เป้าหมายของการศึกษาหาความรู้ร่วมกัน คือ การทำให้ชีวิตของเรามีความสุข ณ ปัจจุบันนี้ หากจะมีใครเดินผ่านเข้ามาในเส้นทางสายกลางเส้นนี้โดยไม่ได้ตระหนักว่า มันคือเส้นทางแห่งความรักและตั้งคำถามว่า พวกเราชาวห้องวิทย์ฯมัวเสียเวลากับการนัดพบ หรือเดินบนเส้นทางสายนี้อยู่ทำไม?

    พี่นักเขียนก็คงไม่มีคำตอบที่ดีไปกว่า การขอให้เขาหันไปมองรอบตนเองและตระหนักได้ว่า เขาได้ก้าวเข้ามาสู่ห้องวิทย์ฯ ซึ่งเป็นจุดนัดพบที่เปิดรับทุกท่านด้วยความรัก ความพร้อม และความเต็มใจที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือเกื้อกูลทุกทิศทางที่จะทำให้จิตวิญญาณของเรา-เขาเป็นสุข เป้าหมายของการศึกษาข้อมูลจากหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยและการแลกเปลี่ยนความรู้ของเราคือการค้นให้พบพลังอำนาจที่แท้จริงตามธรรมชาติของจิตวิญญาณของตนเอง เพื่อสรัางสรรค์ส่ิงต่างๆในชีวิตด้วยการใช้ความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้อย่างดีที่สุด เพื่อประโยชน์สุขของตนเองและผู้อื่น

    หน้าห้องของเรา มีหัวหน้าฯผู้ให้การต้อนรับต่อผู้มาเยือนทั้งขาจรและขาประจำ ทั้งหน้าใหม่-หน้าเก่า-หน้าแปลก-หน้าคุ้น หากใครมองเห็นหัวหน้าฯ ก็จะมองเห็นการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่หัวหน้าฯมีให้กับทุกท่านเสมอมา หากท่านใดเดินเข้ามาสู่ห้องวิทย์ฯและมองรอบตัว ย่อมแลเห็นความรักที่เรามีให้กันและกันมายาวนานกว่า 8 เดือน เราทุกคนยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าเป็นส่วนหนึ่งของห้องวิทย์ฯเสมอโดยปราศจากขีดจำกัด

    หลายๆท่านไม่ได้เข้ามาสนทนา แต่มองผ่านประตูหน้าต่าง และแวะไปคุยกับพี่นักเขียนนอกห้องเป็นประจำ แต่พวกเขาก็สัมผัสกับความรักและความอบอุ่นของห้องวิทย์ฯได้ไม่น้อยไปกว่าขาประจำที่เข้ามาสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอยู่เสมอๆ และตระหนักว่าห้องวิทย์ฯๆไม่ใช่สนามประลองภูมิปัญญา หรือสนามประคารมเพื่อเป้าหมายอื่นใด นอกเหนือไปจากการเป็นจุดนัดพบบนทางสายกลางที่เราเรียกว่า เส้นทางแห่งความรัก และเป็นจุดนัดพบที่เราต่างก็รับกันและกันเป็นญาติมิตรทางจิตวิญญาณ โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน

    เราไม่เคยต้อนรับญาติมิตรที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนด้วยการเพิกเฉย หรือทำเสมือนว่าเป็นคนแปลกหน้า หากญาติมิตรทุกท่านที่ก้าวเข้ามาสู่วงสนทนาในห้องวิทย์ฯมองรอบตัวสักนิดก็ย่อมจะตระหนักได้ว่า ทั้งหัวหน้าฯและพวกเราชาวห้องวิทย์ฯได้อ้าแขนรับทุกท่านด้วยความรักและความยินดีอย่างยิ่งเสมอมา ท่านย่อมจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและได้รับความรักฉันท์ญาติมิตรอย่างเป็นอัตโนมัติอย่างแน่นอนที่สุด

    ห้องวิทย์ฯเป็นจุดนัดพบพิเศษบนทางสายกลางที่เป็นเส้นทางแห่งความรัก และจะเป็นอื่นไปไม่ได้ ไม่ว่าผู้ที่ผ่านเข้ามาจะมองเห็นความเป็นจริงข้อนี้หรือไม่ก็ตาม มิตรภาพของพวกเราที่เริ่มต้น ณ จุดนัดพบนี้ ได้งอกงามกลายเป็นมิตรภาพนอกห้องหลายต่อหลายรายมาแล้วและจะงอกงามต่อไป พี่นักเขียนมีทั้งพี่ น้อง ลูก หลานเพิ่มขึ้นมาในชีวิต จากการมาสู่จุดนัดพบบนทางสายกลางเส้นนี้ และเชื่อว่าครอบครัวญาติมิตรทางจิตวิญญาณมีแต่จะขยายวงต่อไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

    หากท่านใดยังมองไม่เห็นเส้นทางสายกลางอันเป็นเส้นทางแห่งความรัก ณ จุดนัดพบในห้องวิทย์ฯนี้ พี่นักเขียนขอแนะนำให้ใช้เวลาสำรวจห้องวิทย์ฯอีกสักนิด เพื่อหาคุณ Mead-หัวหน้าฯของเราให้พบ หาคุณน้องขจรวรรณ คุณน้องJintawadee คุณรักไร้พ่าย คุณ VeggieGuy คุณZip คุณ Mountain น้องนกleogirlw99 คุณน้อง fidgi คุณน้อง aonlin คุณ axzon47 คุณลุงชาลี ฯลฯ อีกหลายท่านที่แวะเวียนมาเสมอๆ แล้วท่านจะพบว่า ความรักของห้องวิทย์เป็นความรักที่มีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวคือ การสนับสนุนและช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันฉันท์ญาติมิตรทางจิตวิญญาณ-เสมอไป-ไม่เป็นอื่น(rose)


    (f) ขอต้อนรับคุณ Hikikomori สู่ห้องวิทย์ฯด้วยกุหลายหนี่งโหลค่ะ (f)
    [​IMG]
    หากยังไม่เคยอ่านหนังสือชุดของท่านอาจารย์อนาลัย ขอเชิญอ่าน eBook ได้ที่ http://www.novaanalai.com/novaanalai/Index.html และหากพบว่าจุดนัดพบนี้เป็นจุดที่คุณ Hikikomori พอใจจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของญาติมิตรทางจิตวิญญาณกับพวกเรา เราก็ยินดีต้อนรับเสมอ ด้วยเงื่อนไขเพียงอย่างเดียวที่พี่นักเขียนได้กล่าวถึง พร้อมกับกุหลาบอีกหนึ่งโหล(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2008
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอบคุณคับพี่นักเขียนฯ ทางสายกลางที่ว่านี้ก็คือเส้นทางแห่งความรักนี่เอง พวกเราทุกคนก็เป็นญาติมิตรทางจิตวิญญาณ ตรงจุดนัดพบพิเศษบนเส้นทางแห่งความรักที่ดึงดูดกันเข้ามา อ่านแล้วก็ตื้นตันใจและอบอุ่นจริงๆครับ (ได้คำตอบที่เล่นเอาต่อมน้ำตาสั่นสะเทือนเลย ^-^)
    ในแง่มุมของทางสายกลางนี่ก็มองได้อีกเหลื่ยมมุมนึงครับ เป็นทางสายกลางที่เต็มไปด้วยความรักที่มีอยู่สอง part ก็คือ มิติทางจิตวิญญาณ + มิติทางกายภาพ ที่ดำรงอยู่ควบคู่กันเสมอ การดำรงอยู่บนโลกใบนี้ควรต้องมีความสมดุลย์ ไม่ละเลยทั้งสองด้าน สร้าง balance ให้เกิดขึ้น เพราะเราเป็นเสมือน มนุษย์สองมิติ ที่เต็มไปด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไขด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2008
  18. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    พี่นักเขียนเอาเรื่องการ์ตูนที่ยกตัวอย่างที่คุยกันหลังห้องเอามาโพสให้อ่านกันเพราะเห็นว่ามันใช้ได้ อยากเอาภาพมาให้เห็นเหมือนกัน แต่ไม่มีแสกนเนอร์ และไม่รู้ว่าอ่านการ์ตูนกันได้หรือเปล่า

    วันนี้ว่าจะนอนไม่ดึก ไปๆ มาๆ จะตี 3 ซะได้ หลังๆ มานี่จำฝันไม่ค่อยได้เลย(หรือไม่ได้ตั้งใจจำหว่า)

    [​IMG]
     
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    สิ่งมีชีวิตหลากมิติ

    เราทั้งหลายเป็น สิ่งมีชีวิตหลากมิติ ค่ะหัวหน้าฯ
    นอกจากมิติทางจิตวิญญาณ และมิติทางกายภาพที่เรารู้จักแล้ว เรายังมีมิติทางกายภาพอื่นๆที่เราเรียกว่า อดีตชาติ อนาคตชาติ หรือ ชาติภพบนเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลายอีกมากมาย-เป็นอนันต์ ซึ่งจิตวิญญาณรับเอารูปกายอันหลากหลาย เพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ และเรียนรู้คุณค่าชีวิต ด้วยการเป็นร่างกายเนื้อหนังทุกชาติ ทุกภาษา ทุกศาสนา ทุกเพศ ทุกวัย ทุกความเชื่อ จากทุกมุมมองและทัศนคติ

    มิติที่เต็มไปด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข คือ มิติของจิตวิญญาณ ซึ่งเราทั้งหลายล้วนมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน-เป็นหนึ่งเดียวกัน ความปรารถนาของบุคลิกภาพของเราทั้งหลายในมิติของจิตวิญญาณเป็นความปรารถนาในความรู้ที่เป็นของกลางของจักรวาล การให้-การรับ-การถ่ายทอดเป็นไปได้ด้วยพื้นฐานของความรักที่ปราศจากเรา-เขา ปราศจากเงื่อนไข เต็มไปด้วยการสนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เสมือนนิ้วมือหนึ่งๆที่สนับสนุนเกื้อกูลนิ้วมืออื่นๆที่ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะเดียวกัน

    [​IMG]

    มิติของจิตวิญญาณปราศเงื่อนไขที่ทำให้มีไม่ได้-เป็นไม่ได้-ทำไม่ได้ เพราะจิตวิญญาณตระหนักในพลังอำนาจตามธรรมชาติที่เสมอเหมือนกับต้นกำเนิด ซึ่งสามารถมีได้-เป็นได้-ทำได้-ดังปรารถนา ด้วยอารมณ์รัก-ด้วยจินตนาการอันสร้างสรรค์ และด้วยความรู้สึกนึกคิดที่มั่งคั่งไปด้วยปัญญาและเมตตา

    แม้มิติทางกายภาพที่เราทั้งหลายรู้จักจะยังคงเป็นมิติที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขที่ทำให้มีไม่ได้-เป็นไม่ได้-ทำไม่ได้ แต่เราทั้งหลายก็คือ ผู้สร้างเงื่อนไขเหล่านั้นด้วยความเชื่อในแง่ลบ เราสามารถเปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือแม้แต่ลบล้างเงื่อนไขเหล่านั้นได้เสมอ-ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อ

    การลบล้างเงื่อนไขต่างๆ และการดำเนินวิถีชีวิตด้วยการฝึกฝนที่จะมีสติสัมปชัญญะที่ตั้งอยู่ในอารมณ์รัก-ตั้งอยู่ในจินตนาการอันสร้างสรรค์ และตั้งอยู่ในความรู้สึกนึกคิดที่ใช้ปัญญาและเมตตาอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เราทั้งหลายก้าวล่วงไปสู่ภาวะที่เป็นธรรมชาติที่สุด ที่เป็นแก่นแท้ของเรา อันได้แก่ภาวะที่เป็นจิตวิญญาณ ซึ่งทำให้เราสามารถใช้พลังอำนาจในการสร้างสรรค์ชีวิตให้สมความปรารถนาได้อย่างดีที่สุด

    แม้ว่า ณ วันนี้ จิตวิญญาณของเราจะยังคงจดจ่อกับมิติทางกายภาพ ที่ทำให้เรายังคงดำเนินชีวิตทางกายภาพภายใต้เงื่อนไขมากมาย ที่ทำให้เราไม่สามารถรู้เห็นและตระหนักในความเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในระดับจิตสำนึก แม้เราจะมองเห็นความแตกต่าง และยังคงแบ่งแยกการเป็นเรา-เขา แต่เราก็สามารถเลือกที่จะเป็นนิ้วที่สนับสนุนเกื้อกูลน้ิวอื่นๆได้เสมอด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าเราจะเชื่อว่า เราหรือเขาเป็นนิ้วมือหรือนิ้วเท้า และเชื่อว่าความรู้ของเรายิ่งใหญ่มั่นคงเท่านิ้วโป้ง หรือ เล็กจิบจ้อยอ่อนแอเท่านิ้วก้อยก็ตาม(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • fingers.jpg
      fingers.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15 KB
      เปิดดู:
      33
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2008
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอบคุณที่ขยายความอย่างละเอียดครับพี่นักเขียนฯ
    ขอเลือกเป็นนิ้วหนึ่งที่ช่วยเหลือเกื้อกูลส่งเสริมความก้าวหน้าให้กับนิ้วอื่นๆต่อไปนะครับ

    เอ..แล้วคุณซิปฯพูดถึงการ์ตูนเรื่องไหนครับ? ท่าทางน่าอ่านดี (||)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...