เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

สวัสดีครับจะไม่เหงาแล้ว

 

สวัสดีครับอาจารย์ เวปเข้าไม่ได้ซะนานเลยเหมือนกิจวัตรที่เคยทำขาดหายไปอย่าง สบายดีนะครับ

 

สวัสดีครับทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.แก้วสว่าง เจ้าของกระทู้ครับ ขออนุญาตมารายงานตัวครับ ดีใจจริง ๆ ที่เวปกลับมาอีกครั้ง...ขอเกาะติดสถานการณ์ต่อครับ

 

สวัสดีครับ กราบหลวงปู่ทิม อ.สาย อ.แก้วสว่าง ครับ

 

พระขุนแผน บล็อค2 สวยมากครับ

 

ขอบคุณมากครับ คุณภูวดิท ยังไม่ได้เช่ามานะครับ
อยากทราบประวัติและอยากทราบว่าแท้รึเปล่านะครับ
เพราะผมยังดูไม่ขาดนะครับ
ถ้่าดี จะได้เช่านะครับ เพราะผมหาพระของหลวงปู่มานานแล้ว
ยังไม่มีวาสนาสักทีนะครับ ^_^

 

วันนี้สงสัยจะมี บรรดาเสี่ยน้อยเสี่ยใหญ่รวมตัวกันไปบุก ท่าน อ.แก้วสว่างเสียแล้ว
ผมเลยมาปูเสื่อนอนรอดูของดีที่พวกเสี่ยๆเขาจะได้กันวันนี้ครับ อิอิ

 

ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำของพี่เดชาครับ
สงสัยหลวงปู่ทิมท่านมาให้เบี้ยต่อใส้ผมแค่นั้นแน่ๆเลยครับพี่เดชา

 

อยากทราบเรื่องลองพิมพ์เเละบล็อคสองอ่าครับไม่ทราบว่าทันมั้ยครับจะได้ประกอบการตัดสินใจในการเช่าหาครับ ขอบพระคุรอาจารย์ล่วงหน้าครับ

 

พระก็งาม กรอบก็สวยค่ะ คุณ โจ งานเครื่องเงินสุโขทัย สุดยอดเลยค่ะ

 

เครื่องเงินสุโขทัยนะสวยครัีบ แต่คนงามที่ไหนก็สู้อุบลไม่ได้

 

แท้ ครับ

 

55555 มุขแบบนี้มาเล่นตอนอาหารค่ำ สงสารเพื่อนๆสมาชิกค่ะ :'''(

 

5555คุณ โจนี่สุดยอด สมชื่อขุนแผนสุโขทัยจริงๆครับ นับถือ นับถือ
ผมว่าสาวอุบล คงยิ้มแกล้มปริ ทานข้าวได้หลายจานแน่ๆเลย

 

ตลอดเลยนะท่านนี้ คิดฮอดหลายเด้ออ้าย

 

สวัสดีครับขุนแผนสุโขทัยและขุนแผนอ้วน ท่านทั้งสองก็ตลอดเลยนะ 55+

 

คุณแก้วสว่าง ขอเสียงหน่อยครับ

 

15 ค่ำ*, namo_2009, ภูวดิท, shunmeaw, q2499, แก้วสว่าง

สวัสดียามค่ำๆครับ ^ ^

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

[FONT=&quot]กำเนิดนายทิม (หลวงพ่อทิม) งามศรี[/FONT]
[FONT=&quot]หลังจากหลวงพ่อสังข์เฒ่าซึ่งเป็นผู้กำเนิดก่อตั้งวัดละหารไร่ขึ้นมา พอหลังจากนั้นท่านปกครองวัดละหารไร่ได้ระยะหนึ่งต่อจากนั้นท่านก็ได้กลับไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดละหารใหญ่ต่อจากหลวงพ่อเฒ่าจันทร์ แต่บางหลักฐานก็กล่าวว่าเจ้าเมืองระยองได้นิมนต์ท่านไปเป็นเจ้าอาวาสวัดจันทรอุดมหรือวัดเก๋ง ส่วนที่วัดละหารไร่นั้นท่านได้มอบหมายให้หลวงพ่อแดงซึ่งเป็นพระที่มีอาวุโสปกครองวัดสืบต่อจากหลวงพ่อสังข์เฒ่า และคนเก่าแก่สมัยก่อนเล่าสืบทอดกันต่อมาว่าหลวงพ่อแดงท่านเป็นพระที่เก่งทางแพทย์แผนโบราณ และเก่งทางด้านถอนของคุณไสยต่างๆ ซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือแก่คนในหมู่บ้าน ซึ่งคาดว่าท่านน่าจะสืบทอดวิชาอาคมต่างๆมาจากหลวงพ่อสังข์เฒ่า สมัยที่ท่านปกครองอยู่วัดละหารไร่ ระยะต่อมาพอหมดยุคหลวงพ่อสังข์เฒ่าซึ่งท่านมรณภาพตั้งแต่[/FONT]
[FONT=&quot]เมื่อใดก็ไม่ปรากฏหลักฐาน แต่ตามประวัติเล่าต่อกันมาว่าท่านมรณภาพที่วัดละหารใหญ่ซึ่งท่านก็มีอายุยืนยาวเกือบๆ90[/FONT][FONT=&quot]ปี ในยุคนั้นน่าจะเป็นช่วงปลายๆรัชกาลที่[/FONT] 4[FONT=&quot] และต่อมาในยุคของหลวงพ่อแดง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ ขณะนั้นเป็นช่วงที่กำเนิดเด็กชายทิมหรือหลวงพ่อทิมซึ่งเป็นช่วงกาลยุครัชสมัยของรัชกาลที่[/FONT] 5[FONT=&quot]แล้ว ท่านเกิดที่ดินแดนบ้านหัวทุ่งตาบุตรแต่ชาวบ้านสมัยนี้จะเรียกว่าบ้านหัวทุ่งซึ่งอยู่ทางเหนือของวัดละหารไร่ออกไปทางคลองวังไผ่ก่อนถึงเขตหนองกลับ อยู่ในพื้นที่เขตหมู่[/FONT] 2[FONT=&quot] ของตำบลตาสิทธิ์ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ซึ่งนามเดิมของท่านชื่อ ทิม นามสกุล งามศรี ท่านได้ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ เดือน[/FONT] 7[FONT=&quot] ซึ่งเป็นปีเถาะตรงกับวันที่ [/FONT]16 [FONT=&quot]มิถุนายน พ.ศ.[/FONT] 2422 [FONT=&quot]บิดาของท่านชื่อนายแจ้ มารดาชื่อนางอินทร์ งามศรี ท่านเป็นบุตรคนที่สองในจำนวนพี่น้องทั้งหมดสามคน ซึ่งคนโตของท่านชื่อปู่ชื่น งามศรี ส่วนตัวนายทิมท่านเป็นคนที่สอง ส่วนน้องคนสุดท้องของท่านชื่อปู่เสื่อม งามศรี สมัยที่ท่านดำรงชีวิตอยู่กับพ่อและแม่ซึ่งครอบครัวของนายทิมท่านมีอาชีพทำนาซึ่งครอบครัวของท่านได้ดำรงชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขเรื่อยมาตามวิถีชีวิตคนในยุคโบราณสมัยก่อนนั้น<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] ป้าอยู่ งามศรี ปัจจุบันอายุ[/FONT] 94[FONT=&quot] ปี เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยที่ตนแต่งงานอยู่กินกับลุงเชื่อง งามศรี ( ซึ่งเป็นบุตรของปู่ชื่น งามศรีซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของนายทิม ) ปู่ชื่นเคยเล่าให้ตนฟังว่า ในยุคสมัยก่อนตอนที่เด็กชายทิมยังเป็นเด็กรุ่นๆอยู่จะเป็นเด็กที่ขยัญขันแข็ง อ่อนโยนไม่แข็งกระด้าง และชอบเป็นเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็นทำอะไรก็จะทำอย่างจริงจัง บางครั้งก็มีความคึกคะนองบ้างแต่ไม่เคยบ่นย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot]ชอบช่วยพ่อแม่ทำนาหาเลี้ยงชีพ ส่วนปู่เสื่อมซึ่งเป็นน้องชายของนายทิม ออกจะเป็นเด็กที่ดื้อรั้นคึกคะนอง มีนิสัยห้าวหาญ ส่วนตัวปู่ชื่นเองปกติท่านจะชอบอยู่กับบ้านจะเป็นคนคอยดูแลพ่อแม่เวลาไปทำบุญที่วัดและทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ ตามแต่วิถีการดำเนินชีวิตครอบครัวไป ครั้นพอเวลาช่วงหมดฤดูทำนาข้าว เด็กชายทิมก็จะชวนปู่เสื่อมน้องชายของท่านออกไปเดินเที่ยวตามป่าเขาลำเนาไพลเพื่อหาผลหมากรากไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติป่าเขา<o></o>[/FONT]
[FONT=&quot] บางครั้งก็จะออกไปเที่ยวยิงนกตกปลา ล่าสัตว์ป่าต่างๆเพื่อนำมาดำรงชีพหาเลี้ยงครอบครัวไปตามสมัยยุคแต่เก่าก่อน ครั้นพออายุได้ประมาณ [/FONT]16-17 [FONT=&quot]ปี นายแจ้ผู้เป็นบิดาก็ได้นำเด็กชายทิมไปฝากเรียนไว้ที่วัดละหารใหญ่ซึ่งในยุคสมัยนั้นมีหลวงพ่อสิงห์ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดและเป็นครูผู้สอน โดยในสมัยก่อนการเรียนหนังสือต้องไปเรียนกันที่วัด แต่จะเรียนกันไม่กี่คนหรือตามแต่พ่อแม่จะฝากลูกมาเรียน และต้องอยู่เป็นเด็กวัดกินนอนอยู่กับวัดคอยปรนนิบัติพระเช่นประเคนอาหาร ชงน้ำร้อนน้ำชาต้องทำควสาอาดกุฎิที่อยู่และก่อนนอนต้องสวดมนต์ไหว้พระ ซึ่งถือเป็นกิจวัตรประจำวันของเด็กนักเรียนในสมัยก่อน จนกว่าจะเรียนจบ ซึ่งสมัยก่อนนั้นจะมีเพียงแต่ผู้ชายเท่านั้นที่เรียน ส่วนผู้หญิงจะให้อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนจะไม่นิยมให้เรียน ซึ่งการเรียนการสอนในสมัยก่อนนั้นการเรียนจะใช้กระดานชนวนและใช้ชอล์กเป็นแท่งๆหรือบางทีก็ใช้ดินสอพองละลายน้ำแล้วปั้นเป็นแท่งเขียนแล้วลบออก โดยในสมัยก่อนจะเน้นในเรื่องการเขียนอ่านอักขระและอักษรไทยในยุคโบราณ การท่องอ่านจะศึกษาจากตำราสมุดข่อย และจะต้องท่องอ่านจำจนขึ้นใจให้ได้ มีผู้เฒ่าผู้แก่ยุคก่อนๆเคยเล่าว่า สมัยก่อนการท่องเรียนครูจะสั่งให้ท่องบทกลอนบทหนึ่งซึ่งความยาวก็หลายหน้ากระดาษและจะต้องอ่านท่องให้จบบทกลอนนั้นให้ได้ ถ้ายังท่องไม่จบหรือยังท่องไม่ได้ก็จะยังไม่ให้กินข้าว จนกว่าจะท่องให้จบถึงจะกินข้าวได้ ซึ่งจะเห็นว่าคนในสมัยก่อนการเรียนรู้ต้องเรียนรู้กันอย่างจริงจัง สามารถเล่าเรียนเขียนอ่านท่องจำจนแม่นยำ บางครั้งคนไหนที่เรียนเก่งๆก็จะให้บวชเป็นพระและส่งให้เรียนต่อศึกษาพระธรรมวินัยต่อไปจนจบแล้วกลับมาอยู่ที่วัดตามเดิมและเป็นครูสอนให้แก่เด็กๆรุ่นหลังๆต่อไปก็มี[/FONT] [FONT=&quot]เด็กชายทิมสามารถเล่าเรียนเขียนอ่านอักขระต่างๆและท่องจำบทกลอนต่างๆได้เร็วกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน และมีเด็กอยู่อีกคนหนึ่งซึ่งจะอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่จะเรียนก่อนเด็กชายทิมรุ่นหนึ่งคือ เด็กชายเพ่ง แก้วสว่าง ( หลวงพ่อเพ่ง สาสโน อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ) ซึ่งเด็กชายเพ่งก็สามารถเล่าเรียนเขียนอ่านอักษรอักขระโบราณและสามารถท่องบทกลอนต่างๆได้ดีรวดเร็วแม่นยำเหมือนกัน [/FONT] [FONT=&quot]ต่อมาหลังจากเด็กชายทิมได้เรียนอยู่ที่วัดละหารใหญ่จนจบได้ประมาณหนึ่งปีกว่าๆ นายแจ้และนางอินทร์ผู้เป็นบิดาและมารดาก็ได้เดินทางไปรับเด็กชายทิมที่วัดละหารใหญ่และก็ได้กราบลาหลวงพ่อสิงห์เจ้าอาวาสวัด เพื่อกลับไปช่วยพ่อแม่ทำนาหาเลี้ยงดำรงชีพในครอบครัวต่อไป จวบจนกระทั่งถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปรับใช้ชาติตามเกณฑ์อายุที่ชายไทยทุกคนจะต้องไปเป็นรั้วของชาติคือการไปเป็นทหาร....ซึ่งเอาไว้คอยติดตามตอนต่อไปนะครับ......และครั้งนี้ผมได้นำภาพถ่าย ป้าอยู่ งามศรี ซึ่งปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ในหมู่บ้านละหารไร่ และผมก็ได้นำภาพถ่ายพื้นที่โดยรอบโดยยุคสมัยดั้งเดิมในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นดินแดน ณ.ถิ่นกำเนิดของหลวงพ่อทิมในยุคที่ท่านได้ถือกำเนิดขึ้นมาและได้ใช้ชีวิตครอบครัวในยุคแรกเริ่มตลอดเรื่อยมา ก่อนที่จะมาเป็นพระทิม ซึ่งบ้านที่เคยอยู่อาศัยของท่านลักษณะบ้านจะใช้ไม้ไผ่ทำโครงบ้าน หลังคาบ้านจะมุงด้วยใบคันทรง ส่วนพื้นบ้านจะใช้ต้นหมากผ่าให้เรียบแล้วปูพื้นส่วนข้างฝาบ้านจะใช้ทางมะพร้าวมากั้นทำ ซึ่งจะเห็นได้ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของท่านถ้านับย้อนกลับไปก็กว่า[/FONT]150 [FONT=&quot]ปีก็ว่าได้ ว่าชีวิตความเป็นอยู่ก็ลำบากพอสมควรและที่อยู่อาศัยก็หาเอาวัสดุตามธรรมชาติจริงๆซึ่งระยะต่อๆมาก็ได้ผุพังไปตามกาลเวลาจนถึงปัจจุบันเหลือแต่เพียงพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้ ซึ่งเป็นอดีตตำนานแห่งความทรงจำที่ได้ถือกำเนิดพระเกจิอันโด่งดังระดับประเทศขึ้นมานามว่า... พระครูภาวนาภิรัติ หรือ หลวงปู่ทิม อิสริโก ...แห่งวัดละหารไร่...........<o></o>[/FONT]

 

กราบหลวงปู่
สวัสดีครับทุกๆท่าน
นั่งเหงามาหลายวันเลยครับ