แจ้งเตือนเรื่อง ฝนที่ตกโปรยปรายอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ ฝนตามฤดูกาล แต่เป็น ฝนนิรมิต

ครับผม ขออนุญาตครับ
ท่านมาแล้วครับ อยู่ที่ประเทศไทยครับผม.

 

ครับผม ขออนุญาตครับ
ตายใหม่ๆ ยังวนเวียนอยู่ครับ หลังจากนั้น ก็ไปตามยถากรรมที่ได้เคยทำเอาไว้ครับผม.

 

ครับผม ขออนุญาตครับ
อย่าสงสัยอยากรู้ครับผม.ท่านเร่งปฎิบัติ แล้วท่านจะรู้ได้เ้วยตนเองครับ
สวดมนต์อย่างเดียวไม่พอครับท่าน.มีกำลังไม่พอครับผม.

 

ขอบคุณครับคุณดาราแฟร์ ใช่แล้วครับกำลังใจไม่พอแต่ผมไม่ได้สงสัยในธรรมะน่ะครับ ผมพยายามเร่งปฎิบัติมากกว่าเดิมทันเวลาที่เหลือน้อยน่ะครับ

 

ตอนนี้ ผมยังไม่ได้อ่านคำถามท่าน ดาราแฟร์
แต่ผมขอตอบส่วนตัวอย่างนี้ว่า
เวลา ได้มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมี หลายล้านคน
ร่วมกันอธิษฐาน ของให้ แสงทิพย์ของ
พระศรีอริยะเมตไตรย์
ส่องสว่างไปยัง สามโลกธาตุ
หากผู้ใดสนใจมองก็จะเห็นได้จากท้องฟ้า
ไม่ว่า ใน นรก โลกมนุษย์ สวรรชั้นต่ำๆ ชั้นสูงๆ
ทุกคนที่มองเห็นแสง หรือ แสงสว่าง
ก็จะรู้สึกอย่างเดียวกันว่า
พระศรีอาริย์ อยู่กับตัวเราแล้ว
เหมือนเป็นการครอบไว้ ทั่วร่างกาย
ดังนั้นไม่ว่า จะชาติไหน ศาสนาไหน
ถ้าตั้งใจมองท้องฟ้าตอนนี้
ทุกท่านก็จะเห็นได้ ไม่มีศาสนาเป็นเครื่องกั้น
ใครเปิดใจเร็จ ก็จะได้พบเร็ว
ใครเปิดใจช้า ก็จะเนิ่นช้าไปด้วย
ส่วนใครไม่รู้ หรือ ไม่สนใจ ก็ไม่ได้รับอะไรเลย
ส่วนใครที่รู้แล้ว ก็ทำงานของท่านไป
ท่านมีอำนาจแค่ไหน ท่านก็ทำของท่านเท่านั้น
ท่านรู้ว่า อะไรควรทำเพื่อพระศาสนา
ท่านก็ทำไป ผลงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่า
ท่านมีกึ๊น สามารถพลิก วิกฤติ ให้เป็น โอกาศ
ได้สักแค่ไหน เริ่มต้นสอนจากความไม่มี
ความแร้นแค้นของท่าน ที่เปิดโอกาศให้ท่านได้
สร้างบุญบารมี ด้วยตัวท่านเอง ไม่มีตัวช่วยอื่นให้ท่าน

 

เรียนคุณ nilakarn

อ.ดาราแฟร์ ฝากข้อความให้มาบอกกับท่านว่า ในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ อ.ดาราแฟร์ จะให้สัญญาณกับคุณกล่องไม้ขีดไฟ เพื่อทิ้งกุญแจทั้ง 8 ดอก ตามที่คุณกล่องไม้ขีดไฟได้ถือเอาไว้ ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อเริ่มต้นงานภัยพิบัติล้างคนชั่วให้หมดไปจากโลกนี้ครับ

และอาจารย์ดาราแฟร์ยังฝากมาบอกว่า ถ้าท่านไม่ขัดข้องก็ช่วยอธิบายให้เพื่อนๆ สมาชิกได้ทราบว่า กุญแจแต่ละดอก เมื่อทิ้งลงมายังโลกมนุษย์แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง กินเวลายาวนานเท่าใดบ้างครับ เพราะอาจารย์ดาราแฟร์ ทราบดีว่าท่าน nilakarn ก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการเรื่องภัยพิบัตินี้เช่นเดียวกันครับ

 

เพชรดี
มณีแดง
เขียวใสแสงมรกต
เหลืองใสสดบุษราคัม
แดงแก่ก่ำโกเมนเอก
สีหมอกเมฆนิลกาฬ
มุกดาหารหมอกมัว
แดงสลัวเพทาย
สังวาลย์สายไพฑูรย์



นพรัตน์
หากจะแปลตามตัว รัตนชาติ ที่เดิมเขียนกันว่า รัตนชาต
ก็จะแปลไว้ว่า สิ่งที่ถือกำเนิดมาเป็นแก้ว (รัตน=แก้ว ชาต=เกิด)
ซึ่งในประเทศไทยเอง ก็พบว่ามีรัตนชาต 9 อย่างอันเป็นมิ่งมงคล
แต่บางชนิดหายากหรือหาไม่พบในประเทศไทยปัจจุบันแล้ว

รัตนชาต ทั้ง 9 หรือเรียกว่า นพรัตน์ นั้น โบราณท่านผูกเป็นบทกลอนไว้ว่า

เพชรดีมณีแดง เขียวใสแสงมรกต เหลืองใสสดบุษราคัม
แดงแก่ก่ำโกเมนเอก สีหมอกเมฆนิลกาฬมุกดาหารหมอกมัว
แดงสลัวเพทาย สังวาลย์สายไพฑูรย์

ซึ่งตามคำกลอนดังกล่าว ไม่ได้เรียงตามระดับราคาหรือ
ค่าความแข็งแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้พบว่าชื่อเรียกในโบราณนั้น
ปัจจุบันสามารถหมายถึงรัตนชาตชนิดอื่นได้เช่นกัน ถ้าอ้างอิง
ตามกลอนบทนี้ สามารถถอดความเป็นรัตนชาต 9 อย่างได้ดังนี้

1. เพชรดี หมายถึง เพชร แร่รัตนชาติสีขาว (Diamond)
2. มณีแดง หมายถึง ทับทิม แร่รัตนชาติสีแดง (Ruby)
3. เขียวใสแสงมรกต หมายถึง มรกต แร่รัตนชาติสีเขียว (Emerald)
4. เหลืองใสสดบุษราคัม หมายถึง บุษราคัม แร่รัตนชาติสีเหลือง (แซฟไฟร์สีเหลือง)
5. แดงแก่ก่ำโกเมนเอก หมายถึง โกเมน แร่รัตนชาติสีเลือดหมู (Garnet)
6. สีหมอกเมฆนิลกาฬ หมายถึง แซฟไฟร์ แร่รัตนชาติสีน้ำเงิน(ไพลิน) (แซฟไฟร์สีน้ำเงิน)
7. มุกดาหารหมอกมัว หมายถึง มุกดา หรือ จันทรกานต์ แร่รัตนชาติสีขาวขุ่นคล้ายสีหมอก มีลักษณะพิเศษมีเหลือบรุ้งสีออกฟ้าสีนวล (Moonstone)
8. แดงสลัวเพทาย หมายถึง เพทาย แร่รัตนชาติสีแดงเข้ม (Hyacinth) เขียนอีกอย่างหนึ่งว่า (Yellow Zircon) (ซึ่งเป็นรัตนชาตชนิดเดียวกัน)
9. สังวาลสายไพฑูรย์ หมายถึง ไพฑูรย์ เป็นอัญมณีหรือหินสีชนิดหนึ่งหรือแร่รัตนชาติ มีหลายสีเช่น สีเหลืองนวล สีเหลืองทอง สีน้ำผึ้ง สีเขียวแอปเปิล สีน้ำตาล ฯลฯ (Chrysoberyl-cat eye)

สิรินพรัตนมหาราชินี จัดประดับอย่างถูกหลักสุริยจักรวาล
นพรัตน ความหมายตามภาษาสันสกฤตหมายถึง "๙ รัตนชาติ"

 

ขอให้ทุกท่านสุขสันต์ในวันปีใหม่ครับ
ขอให้ระวังฝั่งศรีสวัสดิ์ ด้วยนะครับ
ผู้ที่ดูแลฝั่งโน้นอยู่

 

ไม่ต้องกังวลค่ะ

 

อย่าลืมนะทุกท่าน
ฤทธิ์สำเร็จได้ด้วยการ อธิษฐานจิต นะทุกท่าน
ต้อง อธิษฐานบารมี ของเรา มาช่วยด้วย
บารมีของ พระพุทธเจ้า ด้วย
พระอรหันต์ด้วย
พระโพธิสัตว์ด้วย
และ พระอริยะเจ้าที่ยังมีชีวิตด้วย
ขอให้มาช่วยๆกันทุกท่าน

 

ไม่มีใครรายงาน ว่าจะมีพายุเข้าอ่าวไทย ในวัน สองวันนี้ บ้างหรือครับ
.
http://www.sattmet.tmd.go.th/satmet/mergesat.html

 

ให้ท่านดูแลเรื่องนี้ไปเลยครับ
ลองอธิษฐานจิตดู ช่วยเหลือชาติ
ช่วยเหลือพระ อาจจะเป็นหน้าที่ของท่าน
ที่ทำหน้าที่เฝ้าระวังคนแรก
แล้วเราคอยช่วยอยู่เบื้องหลังเอง

 

ความกังวลเกี่ยวกับโครงการควบคุมสภาพอากาศโหมกระพือถึงขีดสุด ส่วนหนึ่งมาจากคลิปวิดีโอที่หาคำอธิบายไม่ได้ เกี่ยวกับแสงสีชมพูบนเส้นขอบฟ้าเหนือเมืองแห่งหนึ่งในแคนาดา เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

วิดีโอดังกล่าวเป็นภาพเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นที่เมืองเดลตา ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม และมีผู้เข้าชมแล้วหลายพันครั้งนับตั้งแต่มันถูกอัปโหลดบนยูทูปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม

ในวิดีโอพบเห็นแสงสีชมพูสาดส่องออกมาใกล้ๆ มอเตอร์เวย์สายหนึ่ง และพอรถยนต์เคลื่อนที่ไปใกล้ๆ ขนาดของแสงก็ส่องแสงจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ และด้วยที่ยังไม่มีคำชี้แจงอย่างเป็นทางการออกมา พวกผู้ชมบนสื่อสังคมออนไลน์จึงพากันเชื่อว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการควบคุมสภาพอากาศของอเมริกา



เหล่านักทฤษฎีสมคบคิด เชื่อว่า รัฐบาลสหรัฐฯสร้างโครงการลับสุดยอดสำหรับจัดการกับสภาพอากาศ เพื่อควบคุมธรรมชาติให้เป็นไปอย่างไรก็ได้ตามต้องการ ด้วยเหตุนี้โครงการ “HAARP” จึงถูกกล่าวโทษว่า เป็นต้นตอของภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ นานา ในนั้นรวมถึงเฮอร์ริเคน และ ทอร์นาโด เช่นเดียวกับกลุ่มเมฆรูปทรงปริศนาทั้งหลาย

หนึ่งในผู้ชมอ้างว่าเฉดสีชมพูนั้นเป็นแสงจาก “chemtrails (การฉีดพ่นสารเคมีบางชนิดในชั้นบรรยากาศให้เป็นสายยาวๆ) ทั่วโลกของเรา” ของโครงการ HAARP

“เราจำเป็นต้องออกไปสืบสวนเพิ่มเติม” ผู้ชมอีกคนเสริม ในขณะที่พวกนักทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ พยายามหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมาชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นใกล้ชายแดนแคนาดา

นอกจากนี้แล้ว ยังมีคนบางส่วนที่เชื่อว่ามันเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาว “มันเป็นคำเตือน มันไม่ใช่ของโลกมนุษย์”

 

หากว่า สิ่งนี้เป็นสัญญานเตือน
เรื่องท้องฟ้าที่แดงฉาน ละ
ท้องฟ้าที่มีสีนั้นสีนี้ ปรากฏเตือน
เกิดขึ้นมากมายหลายพื้นที่
แต่ไม่มีใครเข้าใจเลยซักที่เดียว

 

พิษฝนกรด...เตือนคนกรุงห้ามกินน้ำฝน


ความแปรปรวนของมรสุมที่พัดผ่านประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ฝนตกหนักในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ผู้ที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัดคงรู้สึกชุ่มฉ่ำสายฝน แม้จะเป็นน้ำฝนจากท้องฟ้าเดียวกัน แต่คนกรุงเทพฯ กลับได้รับผลข้างเคียงที่ไม่พึงปรารถนา

ชาวกรุงที่เผอิญโดนฝนสาดใส่หลายคนสงสัยว่า ทำไมรู้สึกคันและมีผดผื่นขึ้นตามร่างกายที่เปียกปอน ทั้งที่ในอดีตเวลาถูกน้ำฝนไม่เคยมีอาการเช่นนี้มาก่อน และอาการคันหรือผดผื่นนี้จะเป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาวหรือไม่ !?!

เว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษให้ข้อมูลว่า ปกติน้ำฝนจะมีสภาพความเป็นกรดอยู่เล็กน้อย เพราะบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกมีก๊าซคอร์บอนไดออกไซด์ เมื่อรวมตัวกับน้ำฝนจะกลายเป็น "กรดคาร์บอนิก" ซึ่งไม่ได้ทำอันตรายให้มนุษย์มากนัก แต่หลังจากมนุษย์เริ่มปล่อยมลพิษสู่อากาศ โดยเฉพาะตามแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม หรือตามท้องถนนที่มีรถติดมากๆ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์และโรงงานต่างๆ มีการปล่อย "ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์" และ "ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน" สู่ชั้นบรรยากาศจำนวนมหาศาล กลายเป็น "กรดซัลฟุริก" และ "กรดไนตริก" เมื่อฝนตกลงมาสารพิษเหล่านี้จะรวมตัวกับน้ำฝนกลายเป็น "ฝนกรด" ตกลงมายังพื้นผิวโลก

ฝนกรดที่เกิดจากมลพิษในอากาศส่งผลกระทบต่อร่างกายคนเราไม่เท่ากัน บางคนร่างกายอ่อนแอผิวหนังบอบบาง เมื่อฝนเป็นกรดเล็กน้อยก็จะเกิดอาการแพ้หรือเกิดผื่นคันทันที แต่ถ้าในชั้นบรรยากาศบริเวณที่ฝนตกเป็นแหล่งมลพิษร้ายแรง เช่น ตามท้องถนนที่รถติดอย่างต่อเนื่องยาวนาน เมื่อฝนตกลงมาจะมีความเป็นกรดสูง คนทั่วไปแม้ไม่ได้มีผิวแพ้ง่าย แต่ถ้าโดนฝนกรดนี้จะเกิดอาการระคายเคืองเยื่อบุต่างๆ เช่น แสบตา คันตามผิวหนัง หากได้รับปริมาณมากก็อาจทำให้ระบบทางเดินหายใจผิดปกติได้

คนทั่วไปจะรู้ได้อย่างไรว่าฝนที่กำลังตกลงมาทุกวันนี้เป็นฝนกรดหรือไม่ ?

ตามธรรมชาติแล้วน้ำฝนในชั้นบรรยากาศระดับสูงๆ จะมีค่าความเป็นกรด-ด่าง หรือค่าพีเอช (ph) ประมาณ 7 แต่เมื่อผ่านชั้นบรรยากาศโลกจะมีก๊าซในธรรมชาติเข้าไปละลายปนอยู่ด้วย เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทำให้หยดน้ำฝนมีความเป็นกรดอ่อนๆ วัดค่าพีเอชได้ 5.6 ถือเป็นตัวเลขมาตรฐานของน้ำฝน ส่วนฝนที่ตกผ่านชั้นบรรยากาศที่มีก๊าซพิษสะสมอยู่จะกลายเป็นฝนกรด (Acid Rain) เมื่อวัดแล้วจะได้ค่าพีเอชต่ำกว่า 4 หากผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ อยากรู้ว่าบริเวณที่อยู่อาศัยมีฝนกรดหรือไม่ ให้ปีนขึ้นไปดูหลังคาบ้านแล้วเปรียบเทียบกับหลังคาบ้านในเขตอื่น หากน้ำฝนมีกรดมากสารพิษจะกัดกร่อนให้หลังคาบ้านผุเร็ว เหมือนบ้านที่อยู่ใกล้เขตอุตสาหกรรม จะหลังคาผุเร็วกว่าพื้นที่อื่น

กรมควบคุมมลพิษสำรวจพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของไทยในปี 2548 พบค่าพีเอชของน้ำฝนที่ตรวจวัดได้ในจังหวัดส่วนใหญ่ยังไม่มีปัญหาฝนกรด ยกเว้นเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ซึ่งค่าพีเอชวัดได้เฉลี่ยรายปีเท่ากับ 4.9 และมีแนวโน้มเป็นฝนกรดมากขึ้น

ฝนกรดที่เหมืองถ่านหินแม่เมาะถือเป็นประวัติศาสตร์ด้านมลพิษที่คนไทยไม่เคยลืมเลือน ย้อนหลังไป 17 ปีที่แล้ว ชาวลำปางที่อาศัยอยู่ใกล้เหมืองถ่านหินลิกไนท์ ต้องเผชิญกับฝนที่ตกลงมาเป็นสีเหลือง ตอนแรกชาวบ้านก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นฝนกรดที่มีพิษร้าย แต่ไม่นานหลายคนเกิดอาการแสบตา แสบจมูก แน่นหน้าอก ปวดหัว ต่อมาในปี 2541 โรงไฟฟ้าแม่เมาะได้ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในปริมาณสูง เพราะเครื่องดักซัลเฟอร์ฯ เสีย ทำให้มีฝนกรดตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 3,000 คน จาก 16 หมู่บ้านเกิดอาการเจ็บป่วย บางรายระบบทางเดินหายใจทำงานผิดปกติ บางรายความจำเสื่อม ไม่มีเรี่ยวแรง

ฝนกรดที่แม่เมาะไม่ได้ทำลายเฉพาะมนุษย์เท่านั้น แต่สัตว์เลี้ยงและพืชพรรณธรรมชาติก็ถูกผลกระทบจากพิษฝนกรดด้วยเช่นกัน ชาวบ้านเล่าว่าวัวควายหลายสิบตัวมีอาการน้ำลายฟูมปาก บางตัวชักกระตุกก่อนตาย ใบไม้พืชไร่ หรือใบข้าวที่เคยมีสีเขียวชะอุ่มก็เปลี่ยนเป็นใบหยิกงอมีสีเหลืองแห้งกรอบ

นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมหลายคนเริ่มเป็นห่วงว่า ฝนกรดที่แม่เมาะอาจเกิดขึ้นอีกครั้งที่เขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เนื่องจากผลการศึกษาปริมาณการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และออกไซด์ของไนโตรเจนมีปริมาณสูง จึงอยากให้เกษตรกรเฝ้าดูพืชผลในช่วงนี้ว่า หลังฝนตกใบไม้กลายเป็นสีเหลือง หรือเกิดการแห้งกรอบตายผิดปกติหรือไม่ ถ้าใช่ก็อาจเป็นฝนกรดหรือฝนเหลืองนั่นเอง

"ศากุน เอี่ยมศิลา" นักวิชาการสาธารณสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย ยอมรับว่า ยังไม่มีการตรวจวัดปริมาณกรดในน้ำฝนอย่างละเอียด โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่รู้ว่าพื้นที่ใดมีปริมาณฝนกรดมากน้อยเพียงใด หากใครเปียกฝนแล้วรู้สึกคัน หรือปวดแสบ ก็ให้รีบไปล้างน้ำสะอาดออกทันที จะทำให้สารพิษไม่สะสมบนผิวหนัง และสิ่งที่ต้องระวังคือการดื่มน้ำฝนในเขตเมืองกรุง

"ถ้าอาศัยอยู่แถวที่มีควันพิษรถเยอะๆ จะเจอน้ำฝนปนเปื้อนซัลเฟอร์ฯ กับไนโตรเจนฯ เพราะสารเหล่านี้ออกมากับควันพิษบนท้องถนน ถ้ามีค่าพีเอชต่ำกว่า 5.6 มากๆ ก็เรียกว่าฝนกรด สิ่งที่ต้องระวังคือการไม่รองน้ำฝนในกรุงเทพฯ เอาไปดื่มกิน เพราะมีสารพิษผสมอยู่หลายชนิด บางคนเชื่อว่าถ้าฝนตกลงมาสักพักก็รองน้ำฝนมากินได้ แต่ความเป็นจริงแล้วน้ำฝนที่ตกลงมาวันแรกยังมีสารพิษเจือปนอยู่ ถ้าอยากกินจริงต้องรอให้ฝนตกหนัก 3-4 วันติดต่อกันค่อยกรองน้ำฝนกิน แต่ยังต้องระวังเรื่องเชื้อแบคทีเรีย เพราะน้ำฝนในกรุงเทพฯ มีแบคทีเรียเจือปนอยู่มาก" ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

2 พ.ย. 2552

ที่มา http://www.komchadluek.net/news/politic/35256

หมายเหตุ อาจารย์ดาราแฟร์ ฝากเตือนเรื่อง หมอกมีพิษ ฝนมีพิษ ฝุ่นผงมีพิษ ได้ถูกแพร่เข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกเราแล้ว ถ้าถูกเข้าจะเป็นแผลพุพอง รักษาไม่หาย ให้ระวังเรื่องนี้กันเอาไว้ให้ดีครับ

 

เครื่องกลั่นน้ำพระราชทานช่วยผู้ป่วยอหิวาตกโรค​

เผยแพร่เมื่อ 28 ต.ค. 2016​

 

วิธีใช้เครื่องกลั่นน้ำ WaterOne​

เผยแพร่เมื่อ 9 พ.ย. 2011​

 

วิธีทำเครื่องกลั่นน้ำแบบง่ายๆ​

เผยแพร่เมื่อ 16 ก.พ. 2017​