ไม่ควรมีการเททองหล่อพระอีกต่อไป

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย manforlove, 6 สิงหาคม 2012.

  1. poon-pan

    poon-pan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    2,300
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,126
    สงสัยครับ
    ขอถาม จขกท. หน่อยว่า ถ้ามีวัดเกิดขึ้นใหม่จำเป็นต้องมีพระประธานแล้วจะให้ทำงัยดีครับ
     
  2. kimberly

    kimberly เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,627
    ค่าพลัง:
    +5,233
    ผู้รู้มีอยู่มาก แต่หายาก ผู้ทำดีตามที่รู้
    วัดต้องการ ผู้รู้ดี ทำดี ช่วยฟื้นฟู
    วัดจะน่าอยู่ ถ้ามีทั้งผู้รู้ และผู้ทำดี.
     
  3. TunB

    TunB Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +34
    อ่านแค่หน้าแรก ผมว่า ความเห็นของท่านผู้นี้ ตอบโจทย์และชัดเจน ที่สุดแล้วนะ :cool:
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    เข้ามานี่ไม่ได้ชวนใครทะเลาะ ขออภัยถ้าไม่ถูกใจ เดี๋ยวจะเปลืองตัว

    พระท่านกล่าวว่า คนที่นึกถึงพระตถาคตอย่างเดียว ไปนิพพานนับไม่ถ้วน วาดรูปเอามากราบไหว้ ยังได้เลย หินทรายที่เขาเตรียมตัว เพื่อจะหล่อพระ ยังไม่ทันได้หล่อ ก็ยกมือไหว้ได้แล้ว เพราะว่า เขาจะสร้างตัวแทน พระพุทธเจ้า กุฏฐิ พุทธะ เป็นโรคเรื้อน พระอินทร์ แสดงตัวมาจะให้ทรัพย์ นับโกฏิๆ และจะทำให้หายจากโรค เรื้อน ไม่ต้องด่า ให้กล่าวคำว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระพุทธเจ้า แค่นี้แหละ กุฏฐิพุทธ ด่าพระอินทร์ ถ่อยถอยไป เราเป็นลูกตถาคต เป็นพระโสดาบัน นี่เห็นไหมท่าน พอข้าวๆ

    การมีวัตถุมงคล ผมอยากทราบว่าใครรู้มั่ง ว่าตั้งนะโม ๓ จบปุ๊บ เขานึกถึงใคร เขานึกถึงพระพุทธเจ้า เป็นพุทธานุสติกรรมฐาน แล้ว นึกถึงพระธรรมพระอริยสงฆ์ นึกถึงครูบาอาจารย์ อนุสติทั้งนั้น บุญเกิดแก่เขาแล้วครับ อัปมาโณพุทโธ คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้ เมื่อเขานึกจะสร้างรูปพระพุทธเจ้า เขาเริ่มได้บุญ ตั้งแต่ คิดแล้วครับ ถ้าสร้าง ปุ๊บ บุญเต็มๆ ไม่อธิบายทุกคนรู้ แล้ว มีปัญญาเหมือนกัน ถ้ามีศรัธา จะสร้างสักล้านองค์ ก็ได้ครับ ทุกคนมีไม่มี อยู่ที่การกระทำ ยาจกคนจนรวย หูนวกตาบอด บ้าใบ้ พ่อค้าวานิช ราชามหากษัตย์ ล้วนการกระทำของตัวเราเองทั้งสิ้น ถ้าจะคุยให้จบ ต้อง ๓ วัน ๓ คืนโน่น ยังไม่จบเลย ใครทำความดีไม่ว่าอย่างไหน เราควรยินดีกับเขา ทำชั่วเราไม่ควร ยินดีครับ

    ขึ้นชื่อว่า คนใดในโลกนี้ ไม่มีใครไม่ผิดนั้นไม่มีเลย นอกจากพระอรหันต์ ผิดแล้ว แก้ไขคิดใหม่ทำใหม่ ไม่มีใครเขาว่า หรอกครับนอก จากดื้อแพ่ง ว่าตัวเองนั้นถูก เรียนมาจบพระไตรปิฎก แล้วเอาความรู้นั้น มาตี ความหมายเอง แค่เขาว่า ยังทนไม่ได้ แล้วจะไปรู้อะไรที่ลึกซึ้งกว่านี้เล่า

    พระพุทธรูป ถึงมนุษย์ไม่กราบไหว้ แต่ พวกวิญญาณ พวกเทพที่อยู่ใกล้ ท่านก็มากราบไหว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  5. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ตรงมวยผมให้ใส่ พระสารีริกธาตุไว้นะครับ เห็นหล่อทุกวันๆ พระพุทเจ้าสร้างได้เรื่อยๆเลยหรือ รู้อยู่ว่าท่านข้องแวะกับวัตถุมงคล ตั้งกระทู้กวนกระแสปลุกคนไม่รู้ คนรู้ว่าไม่ได้กราบสิ่งที่กราบ ไม่ควรใส่ใจ
     
  6. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "ไม่เห็นด้วย" กับข้อความของ คุณ bade ที่เขียนไว้ทางด้านบน
    สมาชิก 5 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ bade ในข้อความที่เขียนไว้ทางด้านบน
    .................................................................................................
    เราควรรับเอาแค่ 5 คนหรือ 34 คนไปด้วยนะ เอา 5 คนนี่แหละ
    การกราบไหว้รูปเคารพไม่ใช่สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าพระพุทธเจ้าต้องการให้มีโลก ที่มีแล้วก็แล้วไปไม่ควรสร้างใหม่หล่อไหม่เพราะพุทธานุสติมีมากแล้ว หากท่านสำผัสและเรียนรู้จิตวิญญาณที่ตกค้างในพระพุทธรูปหรือตกค้างในวัตถุต่างๆท่านจะรู้ว่าการยึดมั่นในวัตถุธาตุไม่ใช่ทางพ้นทุกข์อย่างแท้จริง
    ไปค้นในพระไตรปิฎกและทุกคำภี์ทุกศาสนา ไม่มีศาสนาที่แท้จริงปราถนาให้มนุสย์ตกค้างในโลกเพราะยึดมั่นในวัตถุธาตุ
    มีการเททองหล่อพระและวัตถุมงคลเป็นเครื่องชักจูงเข้าสู่ศาสนาแต่เป็นกุศโลบายที่อันตรายมากเพราะคนที่หลงยึดติดอาจเป็นทุกข์
    ควรถือว่าพระเครื่องและพระพุทธรูปคือวัตถุโบราณ เป็นพุทธานุสติเท่านั้น
    คือ ใช้คำว่า ยึดถือ แต่ไม่ยึดมั่น
     
  7. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    ไม่ควรหล่อพระอีกต่อไป เพราะที่มีอยู่ก็เยอะแล้ว ไม่ใช้คำต่อต้านแต่อย่างใด อ่านดีๆ
     
  8. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    เห็นอาการของ ท่าน จขกท แล้ว บอกตรงๆว่า

    ต่อมไพนิล คงมีปัญหา..

    เห็นที่ต้องอัญเชิญ ท่าน จุ๊กกรู้ มาช่วยสั่นต่อม ให้เข้าที่


    ...... โอม จงมา จงมา จงมา ..... (deejai)(deejai)(deejai)
     
  9. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    อ่านไปอ่านมาผมว่าจขกท.ก็เริ่มจะสับสนอยู่ว่าควรหรือไม่

    เห็นจขกท.บอกว่าการสร้างพระพุทธรูปทำให้คนยึดติดวัตถุ ขัดขวางทางไปนิพพาน แบบนี้ก็เป็นบาป แต่บางทีจขกท.ก็บอกว่ามือใหม่จะสร้างก็สร้างไป หรือใครจะสร้างก็ไม่ห้าม บางทีก็บอกว่าผู้ที่เข้าถึงธรรมแล้วไม่ควรสร้าง หรือสร้างมากพอแล้วต่อไปไม่ต้องสร้างอีก

    ตกลงจขกท.มองว่าการสร้างพระพุทธรูปเป็นบุญหรือเป็นบาปกันแน่ครับ

    หรือมองว่าเป็นบาปแต่จะสร้างก็ได้งั้นหรือ ปกติถ้าสิ่งที่เป็นบาปก็ไม่ควรจะทำนี่ครับ

    แต่สำหรับผม มองว่าการสร้างพระพุทธรูปนั้นได้บุญ ควรสร้าง การกราบไหว้พระพุทธรูปก็สมควร ดังนั้นจะพุทธหน้าใหม่หน้าเก่าก็สมควรทำ จะบรรลุแล้วหรือยังไม่บรรลุก็ทำได้

    เหตุผลที่ผมเชื่อเช่นนั้นเพราะพระอรหันต์ที่ท่านบรรลุธรรมท่านก็ทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แล้วจะบอกว่าเป็นการขัดขวางทางไปนิพพานได้ยังไง

    แน่นอนว่าแค่สร้างพระพุทธรูปอย่างเดียวคงไปไม่ถึงพระนิพพาน ต้องปฎิบัติตามหลักธรรมด้วย แต่อย่างที่เคยบอกว่า ทาน ศีล ภาวนาก็เกื้อหนุนกันไปไม่ได้ขัดแย้งกัน

    ที่สำคัญต้องแยกศาสนาพุทธออกจากศาสนาอื่น ศาสนาอื่นเขาสอนให้คนไม่กราบไหว้รูปเคารพก็เรื่องของเขา อาจเพราะเขานับถือพระเจ้าซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามีลักษณะเช่นไรเลยไม่รู้จะปั้นยังไง อย่างคริสต์ก็เลยใช้ไม้กางเขนแทน อิสลามก็ยังบูชาก้อนหินที่เมกกะ แต่ศาสนาเราไม่ได้ห้ามนะครับ ถ้าไม่กราบพระพุทธรูปจะให้กราบอะไร

    ผมเองกลับเป็นห่วงจขกท.นะ มีหลายคนที่ปฏิบัติภาวนาแล้วหลงผิดไปเองก็มี ควรหาครูบาอาจารย์คอยชี้แนะด้วย
    ที่บอกว่าต้องถามเทวดาก่อนนั้นแสดงว่าไม่มีปัญญาพิจารณาเองหรืออย่างไร อย่าทำแบบศาสนาพราหมณ์ที่อ้างว่าติดต่อกับเทวดาได้แล้วสอนคนแบบผิดๆ หรือสมัยก่อนอ้างว่าติดต่อกับเทพองค์นั้นองค์นี้ได้แล้วเกิดพิธีบูชายัญฆ่าสัตว์ตัดชีวิตสังเวยเทวดากลายเป็นบาปไม่รู้ตัวได้นะครับ บางทีนิมิตก็มีทั้งจริงทั้งลวงต้องระวังให้ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  10. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ฝากถึงคุณผีอีแพง
    ความคิดคล้ายเพื่อนผมเลย แต่ก่อนเพื่อนผมก็บอกว่าไปทำบุญกับพระอรหันต์ทำไม ท่านมีคนมาทำบุญด้วยเยอะแล้ว แทนที่จะไปทำบุญกับพระที่ขาดแคลน หรือไปเลี้ยงเด็กกำพร้าดีกว่า

    ก็คงต้องฝากไปอ่านเรื่องอานิสงส์ของการทำบุญว่าอะไรได้มากได้น้อย
    http://www.kanlayanatam.com/sara/sara68.htm
    อย่างพระท่านเทียบว่าการทำทานก็เหมือนปลูกข้าว ถ้านาดีก็ย่อมได้ผลมาก

    ในทางกลับกัน ถ้าพระท่านมีศีลมีธรรมก็ย่อมมีคนศรัทธาไปทำบุญมาก แต่หากทำตัวไม่เหมาะสมก็ไม่มีคนไปทำ

    การทำบุญกับผู้มีศีลมีธรรม ยิ่งโดยเฉพาะพระอริยะท่านเข้าใจเรื่องกรรมเป็นอย่างดี บางทีเราทำบุญกับท่าน ท่านก็นำไปต่อยอดให้ได้บุญมากขึ้นเช่นเอาไปสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล หรือนำไปช่วยผู้ที่เดือดร้อนอย่างแท้จริง ท่านไม่เก็บไว้ให้ตัวเองหรอกครับ

    และไม่ควรบอกว่าพระพุทธรูปมีมากแล้วเอาไปช่วยคนอื่นดีกว่า ผมกลับมองว่าธรรมมะนั้นช่วยทุกคน ต่อให้เอาเงินไปแจกหากผู้นั้นไม่มีธรรมก็ย่อมมีแต่ทุกข์ แต่หากมีธรรม ต่อให้เงินน้อยก็สุขได้ ดังนั้นธรรมทานจึงมีอานิสงส์อย่างมาก

    ปล. เพื่อนผมที่เล่าให้ฟัง เดิมชอบทำบุญทำทานแก่ผู้อื่นมาก แต่ไม่รู้จักภาวนา ตอนนี้พอแนะนำให้ทำบุญกับพระอรหันต์เลยรู้จักวิธีการภาวนา ตอนนี้ก้าวหน้าไปไกลกว่าผมซะอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  11. mikycar offroad

    mikycar offroad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +255
    อ้างอิง :
    :แค่บอกว่าควรจะหันมาหล่อพระในใจมากกว่าหล่อพระภายนอกได้แล้ว: ขึ้นหัวข้อนี้แต่แรกก็ไม่มากความ...ผมถึงบอกว่ามันเป็นดาบสองคม ธรรมะถ้าพูดก็ต้องให้ชัด การหยิบยกธรรมะมากล่าวสอน สมัยก่อนเขาไม่พูดให้เข้าใจได้หลายอย่าง เพราะธรรมะหรือพระพระธรรมคำสอน ต้องสั้นกระชับได้ใจความ ทะลุแจ้แทงตลอด
    ผู้คนเข้าถึงง่าย สมัยนี้ก็ดูเอา พูดกำกวม แฝงอีคิว+อีโก้ ยกบารมีหลวงปู่นั่นหลวงปู่นี่มาโปรด ก็สมเด็จโตที่ท่านอารธนามาให้โปรด ท่านก็ทั้งสร้างพระใหญ่ และปลุกเศกพระเครื่องพิมพ์สมเด็จ (แบบที่ท่านว่า ยึดติด+อาบัติ) สมเด็จโตท่านสร้างพระเครื่องแจกอยู่เรื่อยมาจนเกือบสิ้นอายุท่าน และยังสร้างบรรจุไว้อีกหลายวัด ผมก็เลยสงสัยว่าพระธรรมที่สมเด็จโตท่านมี กับพระธรรมที่ท่านศึกษาอยู่และนำมาโปรดแด่ผู้อื่นอยู่ในเวลานี้ท่านได้ของจริง ของแท้มา หรือของเทียมที่ปรุงแต่งกันขึ้นเองเพราะเห็นว่ามันถูกกับจริตของตนเป็นยิ่งนักก็เลยนำมายึดมั่นถือมั่น (อันนี้ควรไตร่ตรอง)
     
  12. จุ๊กกรู้

    จุ๊กกรู้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +47
    อิ อิ อิ เล่นด้วยคน

    ยิ่งอ่าน ยิ่งสะใจปนฮาดี

    มันก็แค่แนวคิดที่อิงตามหลักวิทยาศาสตร์ของคนๆหนึ่ง เพียงแต่เขาแสดงออกมาอย่างสุดโต่งเกินคนแถวนี้จะรับได้เท่านั้นเอง

    ที่ชวนอนาถคือพวกฮาร์ดคอร์ นับถือศาสนากันแบบอิงหลักการงมงาย หลงใหลคัมภีร์ หลงรูปบูชา
    ถึงขนาดประนาม จขกท.ว่าเป็นกรรมหนักเหลือแสนราวกับไปฆ่าใครตาย ตกนรกหมกไหม้บรรลัยกัลป์


    ตั้งสติกันหน่อยน่า นาซ่าเขาบุกไปแลนดิ้งถึงพื้นดาวอังคารแล้วนะ ไม่ยักมีมนุษย์ดาวอังคารวโผล่มายิงลำแสงต่อต้านอากาศยาน
    จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับเขาก็ไม่ได้เป็นตัวตัดสินนรก-สวรรค์หรอก

    ไม่ว่าศาสดาในศาสนาไหนๆ ท่านก็ไม่เคยสั่งสอนหรือส่งเสริมให้สร้างรูปบูชาตัวเอง
    ศาสดาที่ไหนทำตัวแบบนี้ศาสนามันก็ไม่ยืนยงมาได้เป็นพันๆปีร๊อกก
    ท่านสอนให้ปฏิบัติตามหลักธรรมที่สอนสั่งมาต่างหาก
    เรื่องคัมภีร์พิสดาร รูปบูชานี่ มันโดนตัดต่อแต่งเติมพันธุกรรมเอาหลังจากศาสดาตายไปแล้วทั้งนั้น

    พวกที่ยัดเยียดเอานรกมาประเคนให้ จขกท. นั่นแหละ ความคิดนรกตัวจริง 5555555

    นิทานเซ็นยังเคยมีเรื่องเล่าถึงพระเซ็นลากเอาพระพุทธรูปไม้มาเผาด้วยซ้ำ
    แต่นั่นท่านแสดงธรรมกับพระด้วยกันที่ระดับภูมิธรรมพอจะเข้าใจได้
    ไม่ใช่ไม่รู้กาลเทศะเหยียบพระพุทธรูปโชว์ชาวโลกอยากดังแบบโล้นเษม

    คิดได้แบบนี้กันเยอะๆ พวกอลัชชีสร้างโบสถ์วิหารกุฏิเป็นร้อยล้านพันล้าน พระห้อยคอเป็นหมื่นเป็นแสน คงจะกระเป๋าแห้งไปได้เยอะ
    พวกที่แห่มากดไม่เห็นด้วยกับความเห็นนี้ ไม่รู้ว่ามันได้อ่านจนจบหรือเปล่า หรืออ่านหนังสือกันไม่แตก จับประเด็นไม่ได้ สติปัญญาไปไม่ถึง ยังไม่ได้อัพเกรด เลื่อนระดับ ข้ามมิติ ฯลฯ

    แค่แนวคิดของคนธรรมดาไม่เด่นดังคนนึง มันไม่ได้ทำให้รูปเคารพบูชาสูญหายไปจนหมด คนแห่กันเลิกไหว้พระหลอกน่า
    ตรงกันข้าม ทุกวันนี้มันยิ่งจะงมงายหนักข้อสวนทางกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้วยซ้ำ
    ถึงขั้นมีการไหว้พีระมิด เทวรูปสฟิงค์กันแล้ว

    ต่อไปที่กำลังมาแรง อาจจะพัฒนาถึงขั้นสร้างรูปบูชามนุษย์ต่างดาว มหาเทพต่างมิติกันด้วยซ้ำ
    กร๊ากกกกก


    :cool:
    (||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)(||)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  13. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    ทุกอย่างก็ขึ้นกับความพอดีความเหมาะสมนั่นแหละครับ

    การสร้างพระพุทธรูปเป็นสิ่งที่ดีได้บุญ การจะไปห้ามคนทำบุญนั่นก็ไม่เหมาะสม
    ส่วนการที่เน้นวัตถุจนเกินไปโดยไม่ได้มุ่งระลึกถึงพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง หรือการเคารพพระพุทธรูปแบบผิดๆอย่างที่หลายท่านยกมาก็เห้นด้วยว่าไม่เหมาะสม ยิ่งหลอกลวงให้คนมาสร้างพระพุทธรูปแบบนั้นก็เป็นบาป

    ทางสายกลางนั่นแหละครับคือทางไปนิพพาน จะตึงไปหรือหย่อนไปก็ต้องรู้จักแยะแยะพิจารณา

    ปล. - อย่างหลวงตาบัวท่านก็ไม่ได้สอนว่าให้สร้างรูปปั้นท่าน แต่ผู้ที่เคารพศรัทธาก็พร้อมใจกันสร้างถวายท่าน นั่นเพราะยึดหลักธรรมเรื่องการเคารพบุคคลผู้ที่ควรแก่การเคารพ และหลักธรรมเรื่องกตัญญู ดังนั้นการที่ท่านไม่บอกก็ไม่ได้แปลว่าท่านห้ามนะครับ หรือพระบางท่านพอลูกศิษย์ไปขออนุญาตท่านก็ให้ ผมจึงไม่เห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร
    - บางครั้งก็ไม่ควรคิดเองเออเองตามความไม่รู้ของเรานะครับ ผู้รู้จริงนั้นมีอยู่ อย่าไปสอนคนอื่นแบบผิดๆไม่เช่นนั้นจะเป็นกรรมได้
    - และแยกคำสอนของศาสนาอื่นก่อน จะเอามาปนกันไม่ได้ ไม่เช่นนั้นศาสนาอื่นสอนว่าพระเจ้ามีจริง ชาวพุทธต้องเชื่อตามงั้นหรือ
    - ถ้าไม่มีพระพุทธรูป ผมว่าจะยิ่งมีคนไปกราบอะไรแปลกๆกันมากขึ้นนะ ถ้าเข้าใจเรื่องฐานของจิต เวลาเกิดปัญหาขึ้นบางคนก็ยึดบทสวด ยึดพระที่ห้อยคอ แต่หากฝึกมาดีแล้ว หาฐานของจิตได้แล้ว จิตก็พร้อมจะไปสู่ฐานได้ แล้วถ้าคนยังฝึกมาไม่ดีจะไม่ให้เค้าหาอะไรมาเป็นที่พึ่งเลยเหรอครับ ผมว่าหลักธรรม ก็คือธรรมชาตินั่นแหละ ถ้าเขาใจคนก็จะเข้าใจธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  14. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571

    :cool::cool:

    เห็นด้วย



    สมัยก่อนไม่มีกล้องถ่ายรูป ก็สร้างรูปเหมือนแทน




    และเขาก็ กราบไหว้ บุคคลในรูป ไม่ใช้กราบไหว้ กระดาษสีที่อัดรูป
    เขากราบไหว้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม้ได้กราบ หิน กราบทองเหลือง




    ส่วนใคร จะเอาจิตไปผูกกับ วัตถุ มันก็เรื่องของเขา บัวมี 4 เหล่า ถึงไม่สร้างพระพุทธรูป เดี๋ยวเขาก็เอาจิตไปผูกกับ อย่างอื่นอยู่ดี เป็นกรรมของเขา




    ปล่อยวาง เถอะท่าน จขกท .....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  15. ผีอีแพง

    ผีอีแพง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +117
    34 คนที่เห็นนั้นนะเกือบทุกคนก็คนเดียวกันทั้งนั้นค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขามีจุดประสงค์อะไ ร?น่าจะมาป่วน แต่คนอื่นถึงเขาจะไม่เห็นด้วยแต่เขามีมารยาทค่ะ ไม่เห็นด้วยเขาก็ชี้แจงเขาก็พูดไม่ทำอะไรลับหลังหรอกค่ะ คนๆๆนี้ไม่มีใครอนูโมทนาให้ตัวเองเขาก็จะเปลี่ยนชื่อไปมามากดให้ตัวเอง ไม่พอใจใครก็จะเปลี่ยนชื่อไปมากดไม่เห็นด้วยแต่ไม่กล้าออกมาแสดงความเห็นเพราะแสดงออกมาใครๆๆเขาก็รู้ว่าเป็นคนพาล ไม่มีความคิด แสดงแต่ความคิดเหมือนเด็กๆๆ คอยแต่จะหาเรื่อง ไม่มีการศึกษา ไม่ต้องบอกก็รู้นะค่ะว่าเขียนถึงใคร
     
  16. ผีอีแพง

    ผีอีแพง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +117
    คราวที่แล้วเห็นมีสมาชิกท่านหนึ่งท่านพูดว่า ถ้าเราไม่สร้างศาสนาคงจะหายไปหมด อันที่จริงประเด็นนี้ก็น่าคิดนะค่ะ ก็ถูกของเจ้าของกระทู้ที่พูดเหมือนกัน แต่เราก็ต้องมองต่อไปว่า ทุกวันนี้เรามีพระพุทธรูปมากกว่าเมื่อสองพันปีก่อนกี่เท่าตัวค่ะ นับล้านเท่าตัวเลยใช่ไหม?ค่ะทั้วโลก แต่เราก็รู้กันว่านี่คือยุคเสื่อม คำถามคือทำไม? ยิ่งเรามีวัตถุมากเรากับยิ่งจับสาระที่ถูกต้องไม่ได้ ไม่ใช่เราไม่รุ้คำสอนนะค่ะ เรารู้แต่เราไม่เคยลงมือทำเลย นี่แหละที่น่าคิดคือพอจะลงมือเราก็พูด คำสอนนี้ดีจัง แต่ถ้าให้ฉันทำนะ โอ้มันไม่ง่ายเลยนะ เห็นไหม?ค่ะว่าจุดเสื่อมมันอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ควรสร้างหรือไม่สร้าง ไม่ว่าจะสร้างหรือไม่สร้างก็ค่าเท่ากันนั้นแหละค่ะในประเด็นนี้ ดั้งนั้นประเด็นจึ่งน่าจะเป็นว่าทำไม?เราไม่ลงมือทำกันมากกว่าประเด็นนี้
     
  17. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    - ถ้าได้อ่านตาม link ก็จะทราบว่าการให้ทานได้บุญน้อยกว่าศีล ศีลได้บุญน้อยกว่าภาวนา ดังที่คุณผีอีแพงบอกนั่นถูกแล้ว แต่อย่างที่บอกไป สำหรับฆราวาสนั้น ทาน ศีล ภาวนาก็ทำควบคู่กันไปนั่นแหละ แต่หากเป็นพระไม่มีภาระทางโลกเน้นเรื่องศีล สมาธิ ปัญญาไปได้เลย

    แต่ที่ไม่ได้เทียบเรื่องทานกับภาวนาเพราะต้องการชี้เรื่องที่คุณหยิบยกมาว่าทำไมไม่ทำทานกับเด็กยากไร้ดีกว่าไปทำกับพระซึ่งมีกินมีใช้อยู่แล้ว

    ก็หากท่านต้องการจะไปนิพพานอย่างรวดเร็ว ไม่อยากเสียเวลาก็ควรต้องอาศัยการทำบุญที่ได้อานิสงส์มากไม่ใช่หรือ

    - พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านก็มักน้อยสันโดษอยู่แล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าท่านบรรลุขั้นใดก็ดูจากการประพฤติปฏิบัติเอาก็ได้ว่าท่านมีศีลมีธรรมหรือไม่ ส่วนท่านจะประกาศตนหรือไม่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรู้ พระอรหันต์บางท่านแม้แต่ขนหรือผมก็เป็นพระธาตุตั้งแต่ก่อนนิพพาน คนใกล้ชิดก็ย่อมรู้ ปัจจุบันก็ยังมีพระอรหันต์อยู่ พระอรหันต์ที่มรณภาพกระดูกเป็นพระธาตุให้เห็นก็มีอยู่ ท่านเคยรับรองใครไว้ก็เสาะแสวงหาตามนั้นได้เลย ไม่ต้องมานั่งคาดเดาเห็นถูกเป็นผิดกันหรอกครับ ว่าแต่ลองไปพบหาท่านเหล่านั้นหรือยังถึงได้บอกว่าไม่มีพระอรหันต์หรีอไม่ใช่พระอรหันต์
    (ท่านพุทธทาสท่านยังไม่ได้อรหันต์ท่านจึงไม่ให้คนไปเปรียบเทียบท่านกับพระอื่น แต่ถึงแม้ไม่ได้อรหันต์ก็เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบรูปหนึ่ง)

    - ที่ผมยกเรื่องธรรมทานมาให้ดูก็เพียงชี้ให้เห็นว่ายิ่งมีวัดมากเท่าไหร่ความสงบร่มเย็นก็มากขึ้นเท่านั้น การที่คนเราจะมีเมตตาต่อกัน ไม่เบียดเบียนกันก็เพราะมีหลักธรรมประจำใจ ดังนั้นยิ่งมีวัดมากก็ยิ่งดี แต่เห็นด้วยว่าหากมีเพียงปริมาณแต่ไม่มีคุณภาพก็เปล่าประโยชน์(หรือกลายเป็นโทษเพราะเอาคำสอนไปบิดเบือนให้คนหลงเชื่อแบบผิดๆก็อันตราย) ผมจึงเห็นว่าการสนับสนุนพระที่ดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

    - สรุป การทำทานก็ต้องพิจารณาเช่นกัน ใช่ว่าเอาเงินไปให้ผู้อื่นแล้วจะได้บุญเสมอไป การแก้ปัญหาความยากจนจึงไม่ใช่เพียงแค่การนำเงินไปแจกหรอกนะครับ ถ้าแก้ไม่ตรงจุดคนจนก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนการแก้ปัญหาขอทานก็ไม่ใช่เพียงแค่ให้เงินนะครับ ส่วนบางคนมีเงินแต่ไม่มีธรรมก็ทุกข์อยู่ดี ผมจึงเห็นว่าการช่วยคนให้มีธรรมเป็นประโยชน์กว่า

    ปล. เข้าใจครับว่าบางคนไม่เคยได้พบพระอรหันต์เลยไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมอธิบาย พระบางวัดก็ไม่ได้ทำหน้าที่สงฆ์ จนดูเหมือนนั่งกินนอนกินรออาหารจากคนมาใส่บาตรไปวันๆยิ่งทำให้คนหมดศรัทธาและเห็นว่าเอาเงินไปให้คนอื่นดีกว่า แต่หากได้พบพระอรหันต์แล้วผมเชื่อว่าท่านจะได้รับมุมมองแง่คิดใหม่ๆเอง เหมือนสมัยพระพุทธเจ้านั่นแหละครับทั้งที่พระองค์ไม่ขัดสนก็ยังมีคนมาทำบุญกับพระองค์มากมายนั่นก็เพราะทำแล้วอานิสงส์มากนั่นเอง(โดยไม่ต้องไปหลอกลวง) จริงหรือไม่ก็ลองไปพิสูจน์กันเองละกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  18. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    พระประทานทุกวัด มีอยู่แล้ว คงไม่ต้องบอกว่าองค์ใด ส่วนพระสงฆ์ คือรองประธานผู้ที่วัดใจ วัดคือ วัดใจ ว่ากล้าไหม กล้าบวชใหม ศีลเยอะนะ คุณจะฝ่าด่านเราไปได้เหรออ
     
  19. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    ลงมาอยู่ในโลก ประสานทุกมิติให้ดี ก่อนออกความคิดเห็น เพราะว่าที่ถามเทวดาก่อนเพราะเค้าดูแลเราปกปักรักษาเราดั่งจะปลูกเรือนซักหลังควรถามผู้อยู่ ธรรมระดับนี้ ท่านไปถามครูบาท่านแล้วให้ครูบาท่านมาคุยกับผมอีกทีผมจะชี้แจงให้ว่าสิ่งที่มองเห็นไม่ใช่สิ่งที่มองเห็น ใจจริงอยากห้ามสร้างแต่เป็นอกุศลนวรณ์ คำว่าอกถศล คือไม่ก่อเกิดบุญกับผู้อื่นเิกิดบาปกับผู้อื่นผมจึง ตีหมาไม่ให้จนตรอก ท่านคงเข้าใจ
     
  20. manforlove

    manforlove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2012
    โพสต์:
    367
    ค่าพลัง:
    +216
    จริงแล้วเจตนาการตั้งกระทู้ ชี้ให้เห็นถึง การบูชารูปเคารพแทนศาสดา ไม่มีในบัญญัติใดๆ ถ้ามี แสดงว่า อรรถถาจารย์ต่อเติม ชาวพุทธ ควรพิจารณาว่าเราควรเคารพศาสดารูปแบบใด โดยกายวาจาใจ พุทธะรูปัง เป็นกุศโลบาย หรือเบ็ดล่ออันมีเหยื่อลวงที่ล้วนสมมุติทั้งสิ้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ควรห้าม ซะสามครั้ง ในอนาคตอันใกล้นี้มนุษย์จะมีอายุยืนยาวได้ 2 ทาง คือ 1 จุลชีวะจิตะนาโน(หนึ่งในสาขาพุทโธโลยี) 2.เทคโนโลยีไซบอร์คไซเบอร์ตรอน (จากมิตรภาพอันใกลโพ้น) ถ้าท่านปฏิบัติตัวอย่างเดิม จะไม่ได้พบเทคโนโลยีเหล่านี้เพราะมนุษย์จะอายุยืนเป็นหมื่นปี เพราะโลกเข้าสู่ยุคศิวิไล (ศิวิไลท์เซชั่น)คำว่าไล มาจาก คำว่า พระยูไล ศิวิ มาจาก พระศิวะ และ สมาธิ ท่านควรเข้าใจว่ามีคนมองเห็นอนาคตโลก 2 มิติทางเลือก ส่วนผมเลือกแล้ว ท่านจะตาม หรือจะนำ หากท่านนำ ผมจะดู หากท่านดู ผมจะนำ เรารู้จักปากเหว และรู้จัก ดินแดนธรรม ที่อยู่บนโลก ไม่ต้องถามว่าผมไปใหนมาบ้าง แต่ท่านจงถามท่านเองว่า ท่านเคยออกมาพบเพื่อนบ้านหรือยัง กายานุติณญาณ และ อัศสวินิมมานนรกาย ผมจะไม่สอน เพราะผมเป็นคนบ้าในสายตาท่าน
     

แชร์หน้านี้

Loading...