ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. malee123

    malee123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,843
    ห่างหายไปนานนน เป็นเดือน ๆ บางท่านอาจคิดว่ายังมีชีวิตอยู่อีกหรือ นึกว่าไปเซอะแล้วพี่เรา ก็เกือบไปค่ะ ป่วยเหมือนกัน เริ่มป่วยหลังคุณสาวสักวันหรือสองวันอ่ะ วันนี้พอมีเวลาเลยเข้ามาอ่านกระทู้บ้าง ขอส่งเสียงบ้าง เพื่อยืนยันว่า ยัง ... ยังอยู่

    อ่านพบกระทู้ของคุณสาว โอย....โดนใจจัง 555 ถูกใจจริง ๆๆๆ แบบเดียวกันเปี้ยบ ป่วยครั้งนี้มีการขึ้นไปอ้อนหน้าแข้งพระหลาย ๆ องค์ ที่ขาดเสียไม่ได้ก็หลวงพ่อของพวกเราด้วย ดีนะที่รอดลงมาได้ ไม่ถูกยันตกลงมา ขำ ขำมาก ๆ catt3
     
  2. spthong2000

    spthong2000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +3,967
    อนุโมทนาบุญกับคณะชุมชนมโนมยิทธิ ไม่ทันร่วมบุญเพราะไม่ได้เข้าดูข่าวสารหลายวัน อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านอีกครั้งครับ
     
  3. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    รายงานการเจ็บป่วยที่ผ่านมา

    เอามาลงไว้ในกระทู้นี้ด้วย จริงๆไปเขียนไว้ในเว็บชุมชนฯค่ะ

    สวัสดีค่ะ วันนี้ได้ฤกษ์รายงานการเจ็บป่วยที่ผ่านมาสามอาทิตย์ให้อ่านกันเล่นๆ แต่แฝงไว้ด้วยกฏแห่งกรรมนะ อ่านแล้วพิจารณาด้วย อย่าอ่านเอามันส์อย่างเดียว

    เริ่มจากเมื่อสามอาทิตย์ก่อนโน้นไปธุระข้างนอกในวันอาทิตย์ ก็ไปพบเจอคุณหนิง น้องเบน และอีกหลายๆคนด้วย มีกิจต้องไปทำกัน ส่วนเรื่องว่าเจ็บป่วยได้ยังไงอันนี้ไม่ขอเล่า เนื่องจากเป็นเรื่องไม่คาดคิด และก็ไม่มีใครมีเจตนาร้าย อีกทั้งผลกรรมเก่ามาให้ผลพอดี เลยเกิดกรรมหมู่ขึ้น ป่วยกันทั่วหน้า โดนกันไปหลายเด้ง คนแรกที่มีอาการออกก่อนเลยคือน้องเบน มาบ่นๆว่าครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ หนาว ปวดหัว ก็เลยให้น้องเบนเอาน้ำมนต์มาดื่ม พอเริ่มใกล้ค่ำ ดิฉันเริ่มมีการระคายคอแล้วก็เริ่มไอ ตอนแรกก็ยังไม่เอะใจว่าจะป่วย แต่ทำไมเริ่มไอถี่ขึ้นๆ ก็เริ่มจะแปลกใจแล้ว พร้อมทั้งมีน้องอีกคนมาไอพร้อมกันกับดิฉันเลย แถมได้ออกไปอาเจียรด้วย หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนขับรถกลับก็ไอมาตลอดทาง พอไอแล้วจะสูดลมหายใจเข้า มันสูดไปได้แค่นิดเดียว เข้าไปลึกๆไม่ได้เพราะเหมือนหลอดลมมันไม่รับ หายใจไม่ออกซะงั้น ก็เลยได้แค่พรืดนิดเดียวก็ต้องผ่อน เป็นแบบนี้ไปตลอดทาง แล้วก็เกิดอาการเจ็บแสบท้อง ปวดท้องมากอยากถ่าย ทนขับรถกลับบ้านจนถึงบ้าน ดีว่ารถไม่ติด ไม่งั้นคงแย่ มาถึงบ้านก็วิ่งเข้าห้องน้ำถ่ายซะหมดแรง แล้วก็เจ็บแสบทั่วกระเพราะและช่วงท้องมาก พร้อมทั้งก็ไอตลอด ตอนแรกคิดว่าเจ็บแสบท้องเพราะไอ แต่ก็คิดว่าเพิ่งจะไอเอง จะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบไวขนาดนั้นเหรอ ไม่น่าใช่ อีกอย่างมันแสบท้องข้างในกระเพาะ (รู้ เพราะว่าเป็นโรคกระเพาะมาก่อนจะรู้อาการ) แต่ว่าเจ็บแสบแบบทรมานมาก เหมือนโดนน้ำกรดกัดกระเพาะเลย พออาบน้ำเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอน เนื่องจากเริ่มมีอาการไข้ หนาว แล้วเจ็บร้าวไปทั้งตัว ได้โทรหาน้องเบนว่า เป็นยังไงบ้างแล้วก็เล่าให้น้องฟังว่า เป็นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคุณหนิงจะเป็นยังไงบ้าง ไว้พรุ่งนี้ต้องถามดู

    พอล้มตัวลงนอนก็ขึ้นไปกราบพระที่นิพพาน ถามพระว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านว่าให้อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร เพราะเขาตามมาทวง ดิฉันก็อุทิศให้ไป แต่ในใจก็สงสัย เออ..ที่เราเจ็บป่วยมันเพราะสิ่งที่เราไปมานี่นา ทำไมถึงมาเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวร (บอกใบ้ให้หน่อยว่าสิ่งที่พวกเราได้รับ มันเป็นพิษค่ะ ดีว่าขอบารมีพระไว้ก่อนตั้งแต่แรก ไม่งั้นคงได้เดี้ยงกันไปแน่ๆ) แล้วก็หลับไป แต่ไม่ได้หลับสบายหรอกค่ะ ทั้งคืนทรมานกับอาการป่วยมากๆ แล้วเหมือนเคลิ้มๆฝันเห็นเหล็กไหลน้ำเต็มไปหมด (เพิ่งได้เหล็กไหลน้ำมาด้วยพอดี) แล้วในฝันจิตรับรู้ว่า เหล็กไหลน้ำกำลังช่วยปรับธาตุให้เรา นึกถึงเมื่อครั้งไปเกาะล้านแล้วไปเจอเหล็กไหลงอก ตอนนั้นก็โดนปรับธาตุไปหนหนึ่ง เล่นเอาแย่เหมือนกัน

    อาการเจ็บป่วยที่เป็นก็ให้ไปนึกถึงเมื่อครั้งที่จะไปร่วมงานหล่อพระที่ศูนย์พุทธศรัทธาเมื่อเดือนสิงหาคม ครั้งนั้นก่อนที่จะไปได้เกิดเจ็บป่วยแบบกระทันหันในตอนกลางคืนเหมือนกัน โดนไปหนัก เจ้ากรรมนายเวรมาทวง ครั้งนี้ก็คิดว่าเหมือนกันเลย แต่หนักกว่า ตอนเช้าตื่นมาอาการก็หนักกว่าเมื่อคืน มีเสลดเป็นก้อนๆ ไออย่างหนัก เจ็บร้าวไปทั้งเนื้อทั้งตัว แล้วได้มาคุยกับคนอื่นๆว่าก็เป็นเหมือนกัน ก็มีคนแนะนำว่าให้หาโยเกิรต์หรือนมเปรี้ยวมาดื่มขับพิษ ดิฉันก็ไปดื่มนมเปรี้ยวเพราะซื้อติดตู้เย็นไว้พอดี แต่ขอโทษมันอ้วกออกหมดกินอะไรก็ไม่ได้ มีน้องอีกคนบอกว่าให้ไปหาสมุนไพรรางจืดมากินแก้พิษ เราก็ว่างั้นเดี๊ยวมาจะเดินไปตลาดใกล้บ้าน เพราะว่าจะมีพี่ผู้ชายคนหนึ่งเอายาสมุนไพรมาขายประจำ แต่ดิฉันจะซื้อแต่พวกขมิ้นชัน ไพล ส่วนยาอื่นๆไม่ได้ซื้อเพราะไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไร พอครั้งนี้จะไปซื้อ เหมือนชะตากรรมกลั่นแกล้ง พี่เขาไม่มาค่ะ ดิฉันเดินไปตลาดทุกวันทั้งอาทิตย์ไม่เคยเจอพี่เขาเลย พอตอนหายแล้ว พี่เขาถึงมาค่ะ ณ ตอนนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแล้ว

    ต้องผิดหวังจากการที่ไม่ได้รางจืดกลับมาบ้าน อาการเจ็บป่วยก็แย่ลง จนลูกชายต้องบอกว่าไปหาหมอเลยเดี๋ยวนี้ แต่เราก็ดันทุรังว่า ไม่เป็นไร รอดูอาการก่อน ยื้อกันกับลูก จนลูกต้องยอมแพ้ความดื้อของเรา แต่ลูกบอกว่าถ้าไม่ดีขึ้น ต้องไปหาหมอนะ เราก็บอกว่า โอเค ที่ไม่อยากไปหาหมอเพราะต้นเหตุที่ทำให้ได้รับพิษนี่แหละ ขืนบอกหมอไปรับรองว่าได้จับเอ๊กซเรย์ ตรวจเลือด กันใหญ่โตแน่ แต่เชื่อเหอะมันจะต้องไม่เจออะไร จะเสียเงินเปล่าๆ ตกตอนกลางคืนตอนนี้เริ่มเสลดออกมาเป็นเลือดแล้ว ในช่องจมูกก็เกิดอาการเจ็บแสบ ข้างในตั้งแต่คอลงไปถึงกระเพาะ เจ็บแสบทรมานไปหมด แถมด้วยอาการปวดหัวอย่างรุนแรง เจ็บจนหัวจะระเบิด เป็นเฉพาะซีกซ้าย บริเวณหน้าผาก คิ้ว ตาข้างซ้ายนี่รู้เลยว่ามันบวม โดนไม่ได้เลย เจ็บอย่างแรง ท้ายทอยแถวบริเวณกกหูด้านซ้ายก็บวมเจ็บไปหมด อาการไอก็ยังอยู่ ทรมานมากมาย จนต้องเอาจิตขึ้นไปข้างบน ไปสนทนากับสมเด็จองค์ปฐมท่าน ถามท่านว่า

    ดิฉัน - สมเด็จเจ้าคะ มันเกิดอะไรกันขึ้น ที่พวกเราป่วยพร้อมกันแบบนี้

    สมเด็จ - เป็นกรรมเก่าที่เคยทำกันมา มันมาให้ผลตอนนี้พอดี

    ดิฉัน - แล้วทำกรรมมาแบบเดียวกันเลยเหรอคะ อยู่ในเหตุการณ์เดียวกันทั้งหมดเลยเหรอคะ เป็นกรรมอะไรคะ

    สมเด็จ - ก็กรรมตั้งแต่สมัยสงครามยกทัพจับศึกเมื่อก่อน แต่ไม่ใช่กรรมเดียวกัน แต่ละคนก็แตกต่างกันไป แต่ว่ามาให้ผลพร้อมกันพอดี

    ดิฉัน - แล้วของลูกเป็นกรรมอะไรคะ

    จากนั้นก็เห็นภาพในสมัยหนึ่งที่ตัวเองเกิดเป็นผู้ชายเป็นแม่ทัพ ได้สั่งให้คนกรอกยาพิษพม่า บางคนก็ให้เอาคีมเหล็กบีบหัว ที่เห็นคนหนึ่งโดนข้างซ้ายเลย แล้วตอนที่คีมมันบีบเข้าหัวพม่า ดิฉันก็เกิดอาการเจ็บปวดที่หัวอย่างรุนแรงจนแทบจะทนไม่ได้เลย คงจะเจ็บปวดเหมือนพม่าคนนั้นโดน จำไม่ได้ว่าสลบหลับไปตอนไหนไม่รู้ ช่วงตอนที่รู้สึกตัวก็ได้ไปสนทนากับสมเด็จองค์ปฐม ท่านก็บอกว่า

    สมเด็จ - เห็นไหมว่าไม่มีใครหนีกฏแห่งกรรมพ้น กรรมมันให้ผลไม่ผิดตัวหรอก

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ แม้แต่พระก็ยังช่วยเราไม่ได้

    สมเด็จ - ช่วยได้ในส่วนที่ไม่เกินกฏของกรรม ไม่ก็ให้เบาบางลงได้ แต่ไม่ช่วยให้หนีกรรมได้ ใครทำกรรมสิ่งใดไว้ก็จะต้องได้รับผลของกรรมนั้น

    ดิฉัน - ทรมานมากเลยค่ะ นี่ยังดีนะคะที่ว่าลูกได้มโมมยิทธิ ยังขึ้นมาข้างบนสนทนากับพระได้ ทำให้ลืมเรื่องการเจ็บป่วยของสังขารไปได้หน่อย แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มโนนี่ ถ้าจะให้แยกกายกับจิตคงลำบากน่าดู เกิดเวทนาแล้วคงทำใจให้สงบไม่ได้แน่ๆ

    สามสี่วันแรก อาการหนักมากๆ กินอะไรก็ไม่ได้ ยาก็หาเอาที่มีอยู่ในบ้าน เช่น ยาฟ้าทะลายโจร มะรุม อะไรพวกนี้กินแก้ขัดตาทัพไปพลางๆพอให้ไปดักพิษบ้าง เสลดเป็นเลือดจนกลัวเหมือนกัน ข้างในก็เจ็บระบมไปหมด แล้วสมัยเรียนมัธยมเคยไอจนกลายเป็นปอดอักเสบ แล้วเราก็เลยคิดว่าตอนนี้จะเป็นไปด้วยไหม เพราะในใจลึกๆรู้ว่าพิษที่ได้รับมาอ่ะ มันอันตรายขนาดไหน ใจก็คิดว่าต้องไปหาหมอดีไหม แต่ก็ขึ้นไปถามพระข้างบน ท่านก็แย้มพระโอษฐ์แบบเมตตาแล้วก็บอกว่าไม่ต้องไปหรอก ไม่เป็นอะไร ดิฉันก็เลยไม่ไป แต่ลูกชายแล้วก็น้องหนึ่งที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลก็พยายามจะลากไปโรงพยาบาลให้ได้ แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาเรื่อย แล้วก็เป็นอะไรที่แปลกที่ว่าพี่คนที่เคยเอายาสมุนไพรมาขายทุกวัน ช่วงที่ดิฉันป่วย ไม่เคยเจอพี่เขาเลย เหมือนกรรมจะทำให้เราต้องได้รับผลอย่างเต็มที่ ไม่งั้นจะไม่หมดกรรมต่อกัน ดิฉันได้ไปขอขมาโทษต่อเจ้ากรรมนายเวรและขออโหสิกรรมต่อกัน ซึ่งเขาก็ยินดีอโหสิกรรมให้ ดิฉันก็ได้อุทิศบุญให้พวกเขาไป ก็สรุปว่าเจ็บปางตายอยู่หนึ่งอาทิตย์

    -----------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน
     
  4. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อาทิตย์ที่สองก็เริ่มดีขึ้น เสลดไม่เป็นเลือดแล้ว ปวดหัวยังมีบ้างแต่น้อยลง อาการเจ็บปวดข้างในก็ลดลงมาก แต่ก็ยังหายใจได้ไม่เต็มที่ หายใจถี่ หอบ ทำอะไรมากๆไม่ได้ เพราะจะหายใจไม่ทัน ต้องนั่งๆนอนๆอย่างเดียว ไออยู่ตลอด อาการก็ทรงๆทรุดๆอยู่ทั้งอาทิตย์ ต้องพยายามทรงจิตตัวเองไว้ให้ดี อ้อ ตอนอาทิตย์แรกที่เริ่มไอ ก็หามะนาวมาผสมน้ำผึ้ง เกลือ น้ำอุ่นชงดื่มตลอดทั้งวัน ใช้มะนาววันละหกลูก แต่ก็ไม่หายไอ ฮา

    อาทิตย์ที่สามเริ่มดีขึ้นมาก แต่ว่าก็ยังไออยู่ แล้วก็ไอทีแบบนอนสต๊อป ไอทีน่ากลัว ถ้ามีใครอยู่ใกล้เขาต้องหนีเพราะกลัวติดโรคแน่ๆ ก็เลยคิดว่าจะไม่ไปบวชที่ศูนย์พุทธศรัทธาในวันพ่อ เพราะกลัวจะมีปัญหากับญาติธรรมคนอื่นๆ แต่ใจก็อยากไปมาก ไปคุยกับคุณหนิงว่า อาการไอยังไม่ดีขึ้น ไม่อยากไปบวชเดี๋ยวจะรบกวนคนอื่น คุณหนิงก็บอกว่า ก็ยังไอเหมือนกัน แต่ว่าจะไป ก็เลยตกลงกันว่า งั้นไปก็ได้ แต่ขออยู่ด้านนอกไม่เข้าในศาลานะ แยกห้องนอนกันเองสามคน มี ดิฉัน คุณหนิง น้องเบน เพราะยังป่วยกันทั้งหมด ช่วงนั้นดิฉันไอมากจนเกร็งหน้าท้องทำให้เริ่มเจ็บท้องน้อย ก่อนวันที่จะไปศูนย์หนึ่งวัน ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็ไอเลย (เป็นปกติทุกวันตั้งแต่ป่วย) ไอครั้งนี้เจ็บท้องน้อยจี๊ดเลย เจ็บมาก ต้องพยายามกดท้องตัวเอง แล้วจะหยุดไอก็ไม่ได้ เพราะร่างกายมันไอเอง การทรมานอันใหม่เริ่มขึ้นอีกแล้ว ลุกขึ้นไปอาบน้ำก็ยังไอ เจ็บท้องหนักมาก เสร็จแล้วเดินไปตลาดก็เดินไปแบบกระย่องกระแย่ง เพราะว่าเจ็บท้อง ทนเดินไป ไปซื้อกับข้าวเสร็จกะว่าจะซื้อของอย่างอื่นต่อ มันไม่ไหวแล้ว มันเจ็บทนจะเดินไม่ไหว ก้าวขาก็แทบไม่ออก เจ็บจนร้องไห้ออกมาเอง จะไอก็ต้องไม่พยายามออกแรงไอเพราะมันกระเทือนท้องน้อยทนไม่ไหว ก็ได้แต่กระแอมๆเอา ทนเดินกลับมาถึงบ้าน มาถึงบ้านก็ทรุดลงไปกองเลย แบบว่าไม่ไหวแล้ว โทรหาคุณหนิง แต่คุณหนิงไม่ได้รับสาย เลยติดต่อไปหาน้องหนึ่งที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลบางนา โชคดีวันนี้น้องหนึ่งเอารถมาทำงาน ก็เลยมารับไปโรงพยาบาล พอดีว่าหมอมีธุระต้องออกไปข้างนอก แต่ว่าน้องหนึ่งคุยถามอาการไว้ก่อนแล้วพอท่านเห็นว่าเรามาตรวจก็เลยอยู่ตรวจให้ก่อน แล้วทีนี้หมอก็สงสัยว่าจะเป็นอะไรที่มดลูกหรือเปล่า เพราะอาการเจ็บทำไมมันเหมือนไม่ได้เจ็บที่กล้ามเนื้ออย่างเดียว เลยส่งต่อให้หมอสูติช่วยดูอีกที หมอสูติท่านให้ไปซาวด์ดู แต่ไม่เห็น ท่านก็เลยว่าให้ไปกินน้ำเยอะๆ ปวดฉี่เมื่อไหร่มาหาหมอซาวด์อีกที

    ก็เลยต้องมานั่งใกล้ตู้น้ำดื่ม ดื่มแต่น้ำๆๆๆๆ ดื่มเข้าไป ตอนแรกยังไม่ปวด แล้วมันจะใกล้พักเที่ยง น้องหนึ่งก็ว่า กินอีกเยอะๆ เดี๊ยวหมอไปทานข้าวแล้วนานนะ แหม ถ้ามันสั่งได้ก็ดีนิ นี่มันสั่งไม่ได้นี่นา ระหว่างที่นั่งรอให้ปวดฉี่ ด้วยความที่กลัวว่าจะเป็นอะไรร้ายแรงหรือเปล่าก็ขึ้นไปถามพระ ท่านก็ว่าไม่เป็นอะไร ยังไปถามพระอาจารย์ปู่ชีวกด้วยเพื่อความมั่นใจ ท่านก็ว่าไม่เป็นอะไร แต่ก็เวียนถามอยู่นั่นแหละ จนพระอาจารย์ปู่ชีวกท่านว่า "นี่ถ้าฝึกมโนมยิทธิให้มันทรงตัวดีๆ ก็ไม่ต้องมานั่งสงสัยถามตลอดยังงี้หรอก" แป่ว..โดนอีกดอก ฮา คราวหลังเลยไปถามน้องเล็ก ก็ว่าไม่เป็นไร แต่พอมันเจ็บแต่ละครั้งก็อดสงสัยไม่ได้ อิอิ จนน้องลูกจันทร์ผู้ซึ่งไม่ค่อยพูดมาก ได้มาบอกว่า "คุณแม่ขา คุณแม่ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณแม่ไม่ได้เป็นอะไร ไม่ต้องกลัวผ่าตัดนะคะ เดี๋ยวก็หายค่ะ" ก็เลยสงบจิตได้หน่อย

    สุดท้าย หมอก็ไปพักเที่ยง ทีนี้เอาละซิ เริ่มปวดฉี่แล้วก็เข้าห้องน้ำไม่ได้ ไม่งั้นต้องได้กินกันอีกรอบ ปาไปอีกกี่ชั่วโมงอีกละ ก็ทนรอ เห็นหมอมาแต่ว่าหมอเดินขึ้นห้องผ่าตัด เวรกรรมของแกยัยสาวเอ๊ย จะนานแค่ไหนเนี่ย ทนๆๆๆจนขนลุกไปทั้งตัวแระ อากาศก็เย็น โอย ทรมานแท้ๆ ใจก็คิด เมื่อก่อนเคยไปแกล้งใครไม่ให้เข้าห้องน้ำหรือเปล่าฟะ ทำไมถึงได้มาโดนแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ไปย้อนดูหรอก ก็พยายามทนๆ ขนาดย้ายเข้าไปรอหมอในห้องเพราะอากาศมันเย็นน้อยกว่าข้างนอก จนจะทนไม่ไหวแล้ว กะว่า เป็นไงเป็นกันวุ้ย จะไปห้องน้ำแล้ว ไม่งั้นฉี่ราดแน่ๆ พอดีเห็นหมอเดินมาที่ห้อง หมอถามว่า ปวดฉี่หรือยัง บอกหมอว่า ปวดจนจะไปเข้าห้องน้ำแล้วค่ะ พอซาวด์ดูผลปรากฏว่าไม่เป็นอะไร หมอบอกมดลูกปกติ ไม่มีเนื้องอก ขนาดก็ปกติ แสดงว่ากล้ามเนื้ออักเสบ เดี๋ยวเอายาไปกิน โห..ดีใจเจงๆ

    แต่หมอก็สั่งมาว่า ให้เอายามากินดูก่อน ถ้าสองวันแล้วอาการเจ็บไม่ดีขึ้น ต้องไปตรวจฉี่เพราะอาจจะเป็นนิ่ว ก็เลยโทรไปบอกคุณหนิงว่า ไปศูนย์ไม่ได้แล้วละ ต้องรักษาตัวก่อน ยาแก้ไอหมอก็ให้มาด้วย กินแล้วง่วงมากมายหลับทั้งวันทั้งคืน การงานไม่ต้องได้ทำ กินจนยาจะหมดแต่อาการไอก็ยังเหมือนเดิม แถมไอหนักกว่าเก่าอีก แต่อาการเจ็บท้องหายไป ช่วงที่ป่วยก็ได้หยุดสอนมโนไปด้วยสามอาทิตย์ มีคนโทรมาทุกอาทิตย์แต่ก็ขอเลื่อนไปก่อนเพราะว่าไม่สบาย เพิ่งจะเริ่มกลับมาสอนใหม่อาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไออยู่ ถ้าจะเป็นโรคไอร้อยวัน อิอิ

    -----------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน<!-- google_ad_section_end -->
     
  5. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    พอหลังจากที่เห็นคนที่เขาไปงานบวชที่ศูนย์แล้วก็มีงานหล่อพระชำระหนี้สงฆ์ทันใจด้วย ก็รู้สึกน้อยใจเหมือนกันว่าทำไมเราไม่ได้ไป ก็เลยคืนหนึ่งขึ้นไปหาท่านพ่อท้าวเวชสุวรรณก็ไปบ่นกับท่าน

    ดิฉัน - ทำไมลูกถึงไม่ได้ไปงานสร้างพระกับเขาละ อะไรมารจะขวางกันขนาดนั้น

    ท่านพ่อ - รู้ได้อย่างไรว่ามารขวาง ทำไมไม่คิดบ้างว่า อาจจะเป็นเทพพรหมดลบันดาลให้เจ้าไม่ได้ไป

    ดิฉัน - อ้าว แล้วจะห้ามทำไมละ

    ท่านพ่อ - ก็ถ้าไปแล้วเกิดเจ็บหนักมาอีก ไม่ได้สอนมโนอีกจะทำยังไง สร้างพระกับสอนให้คนไปนิพพานได้ อันไหนบุญมากกว่ากัน

    ดิฉัน - สร้างพระ (จริงๆทราบว่าสอนคนให้ธรรมะเป็นทานบุญมากกว่า แต่แกล้งแหย่ท่านเล่น)

    ท่านพ่อ - มะเหงกแน่ะ สร้างพระ (อันนี้เป็นคำพูดสำหรับความผูกพันของพ่อกับลูกนะคะ) มีที่ไหน สร้างพระจะบุญมากกว่าให้ธรรมะเป็นทาน

    ดิฉัน - ทราบแล้วค่ะ ก็แหย่ท่านพ่อเล่น แต่ถ้าไปศูนย์ลูกก็ได้ไปสอนที่โน่นเหมือนกันนา ก็ได้บุญตรงนี้เหมือนกัน

    ท่านพ่อ - คนอื่นก็มีอยู่ ขาดเจ้าสักคนไม่เป็นไรหรอก รักษาตัวให้ดีก่อนเถอะ

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ

    จากนั้นก็สนทนาอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็ขึ้นไปกราบพระศาสดาสมณโคดมกัน เจอหน้าพระองค์ท่าน ท่านก็ถามว่า

    พระศาสดา - ว่าไง รามาวตี วันนี้มากับพ่อเรอะ ถูกใจหรือยัง วันนี้ได้ใส่ชุดเป็นนางฟ้า ทุกทีเป็นชุดวิสุทธิเทพ ทีนี้ก็รู้แล้วซิว่าไม่ใช่มาด้วยสัญญา (ไม่ต้องแปลกใจค่ะ คือดิฉันเห็นตัวเองชุดนั้นทุกวัน เลยกลัวว่าจะขึ้นไปแบบสัญญาความจำ เลยโดนท่านว่ามา อิอิ)

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ ทราบแล้วเจ้าค่ะ

    พระศาสดา - อ้อ..มาก็ดีแล้ว เรื่องสร้างพระอ่ะ ว่ายังไง

    ดิฉัน - (คิดในใจ แว๊กกก ตายละ) แหะ แหะ ยังไม่ได้เริ่มเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน จะทำยังไง บล๊อคอีก อะไรเยอะแยะ ดูหนทางมันยากจังเลยค่ะ

    พระศาสดา - แล้วได้เริ่มหรือยังละที่ว่าดูว่ามันยากน่ะ

    ดิฉัน - ยังเลยค่ะ

    พระศาสดา - ไปเริ่มซะก่อนซิ แล้วเดี๋ยวอะไรๆก็จะมาเองนั่นแหละ เจ้าไม่เริ่มโครงการแล้วคนอื่นๆเขาจะมาช่วยเจ้าได้ยังไง เริ่มซะแล้วเดี๋ยวเทพพรหมก็ช่วยเจ้าเองแหละ

    ดิฉัน - เจ้าค่ะ จะพยายามค่ะ

    แล้วก็สนทนาอะไรอีก จนหลับไปเลยค่ะ ฮา

    ---------------------------------------------------------------------

    มโนมยิทธิเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน โปรดอย่าเชื่อในทันทีตามกฏกาลามสูตร โปรดใช้ปัญญาพิจารณาในการอ่าน
     
  6. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ก่อนหน้าวันคล้ายวันเกิดก็ได้ฝันไป

    ก็ฝันว่า เพื่อนๆกำลังทำงานกันอยู่ แล้วเรากับพี่เจย์ก็เลยจะเดินไปสมทบ ระหว่างทางที่เดินไป เราก็มองไปทางขวามือ แล้วเห็นพระองค์หนึ่งนั่งอยู่ไกลๆท่านกวักมือเรียกเรา ตอนแรกก็งง ท่านเรียกเราหรือเปล่าหว่า แล้วก็หันไปดูอีกที ก็เห็นท่านกวักมือเรียกเราอีก ทีนี้ก็เลยบอกพี่เจย์ว่า "พี่เจย์เดี๋ยวขอตัวก่อนนะ พระท่านเรียกอ่ะ" แล้วก็เลยเดินไปหาท่าน พอใกล้จะถึง ท่านก็ถามว่า "เกิดปีมะแมใช่ไหม" ก็ตอบท่านว่า "ค่ะ" แล้วท่านก็พูดอะไรออกมาอีกประโยค (จำไม่ค่อยได้แระ แต่คล้ายๆว่า จะมีคำว่าดีอยู่ในประโยคนั้นด้วย) แล้วท่านก็ว่า ถ้า"อยากรู้อะไรอีก พรุ่งนี้ให้มาขึ้นครูนะ (ไหว้ครู) เพราะหลวงพ่อจะทำพิธีตุ๊แหล่ว(ไม่รู้แปลว่าอะไร) สืบชะตาต่ออายุตามแบบพม่า สืบทอดธรรมเนียมต่อไป" ไอ้เราก็อึ้งๆไปพัก ก่อนที่จะบอกว่า "แต่หนูอ่ะเป็นสายหลวงพ่อฤาษีค่ะ" (ขนาดในฝันยังไม่ลืมครูบาอาจารย์ ฮาา เหนียวแน่นเว้ย) ท่านก็บอกว่า "ก็ไม่เป็นไร ก็เตรียมของมาละกัน" ที่ท่านบอกมีดอกไม้ แล้วอะไรอีกจำไม่ได้แล้ว เราก็คิดจะไปหาที่ไหนหว่า ก็ไปเห็นกลุ่มลูกศิษย์ท่านกำลังนั่งทำดอกไม้แล้วก็อะไรอีกเยอะแยะ เขาก็ว่า สั่งได้นะ แล้วไปๆมาๆเหมือนเขาเอาสายสิจญ์มาทำพิธีผูกเรียกขวัญที่เหมือนทางเหนือทำ แต่แทนที่จะผูกข้อมือ กลับผูกไว้ที่นิ้วเราทุกนื้วอ่ะ แล้วนิ้วก้อยเราในฝันใส่แหวนไว้ เขาก็บอกว่า เอาแหวนออกก่อน เราก็ถอดออก นิ้วมือข้างขวามีสายสิจญ์ผูกทุกนิ้วเลย อิอิ แล้วก็ตื่น

    เมื่อกี้ไปหาหลวงปู่ที่วัดใกล้บ้านก็เลยเล่าให้ท่านฟัง ถามท่านว่า ฝันดีหรือไม่ดี หลวงปู่บอกว่า น่าจะดีนะ ดี ก็เออ โล่งอก
     
  7. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    น้องแป๊ะ เป็นหมอกลัวผีได้ไงเนี่ย แหม..
     
  8. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อ้าว..พี่ลีก็ป่วยเหรอคะ แหม ป่วยกันหลายคนเลยรอบนี้ ก็ว่าเห็นพี่ลีเงียบๆ

    พี่ลีมีอยู่ครั้งหนึ่ง ขึ้นไปวิหารพระศาสดาแล้วไปขอนอนซุกๆอยู่แถวๆนั้น แต่ว่าวันนั้นดันเห็นมีเทพพรหมอยู่กันเต็มไปหมดเลย ดูแล้วเราไปนอนขดเป็นแมวอยู่แถวนั้นก็กระไรอยู่ เลยต้องรีบลาพระศาสดาไปนอนที่วิมานตัวเอง ฮา
     
  9. tia1911

    tia1911 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +938
    เรื่องการสร้างพระ ผมจำได้ว่ากำหนดเป็นปางรำพึง คุณสาวตั้งใจจะสร้างเป็นเนื้่อปูน หรือ เนื้อทองเหลือง และ สูงกี่เมตรครับ

    ถ้าคุณสาวไม่ค่อยว่าง แบ่งเบาให้ผมช่วยเหลือบ้างก็ได้ ถึงแม้ผมจะไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้เลย แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 ธันวาคม 2010
  10. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณค่ะพี่ไพโรจน์ พระเป็นปางรำพึงค่ะ ส่วนเรื่องเนื้อปูน หรือ เนื้อทองเหลืองนี่ยังไม่สรุป แต่องค์พระที่พระท่านบอกมาสูง 10 เมตร ไม่รวมฐานดอกบัวค่ะ ก็ว่าจะพยายามหาข้อมูลเรื่องบล๊อคด้วยค่ะ เพราะพระยืนนี่ถ้าจะหาบล๊อคยากอยู่ ยังไงก็ขอบคุณพี่ไพโรจน์ด้วยนะคะที่กรุณาช่วยเหลือ
     
  11. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ฮา... พี่ Wati คะ ..ให้พี่ล่วงหน้าไปก่อน หนิงกำลังจะตามไปค่ะ แค่ขึ้นเลข ๕ เอง..แป็บเดียวก็ไล่พี่ทัน..

    ๕๕๕ เป็นแค่ตัวเลขเองพี่ เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีวันถอยหลัง รอวันตัวเลขหยุดค่ะ

    =========

    ท่านพี่มาลงเรื่องกรรมหมู่ที่ประสบมา..เดี๋ยวเอามาเสริม..
     
  12. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ฟังกรรมท่านกัปตันไปแล้ว ขอย้อนเล่าให้ฟังสักนิดนะคะ

    ข้อความจากท่านกัปตัน "เริ่มจากเมื่อสามอาทิตย์ก่อนโน้นไปธุระข้างนอกในวันอาทิตย์ ก็ไปพบเจอคุณหนิง น้องเบน และอีกหลายๆคนด้วย มีกิจต้องไปทำกัน ส่วนเรื่องว่าเจ็บป่วยได้ยังไงอันนี้ไม่ขอเล่า เนื่องจากเป็นเรื่องไม่คาดคิด และก็ไม่มีใครมีเจตนาร้าย อีกทั้งผลกรรมเก่ามาให้ผลพอดี เลยเกิดกรรมหมู่ขึ้น ป่วยกันทั่วหน้า โดนกันไปหลายเด้ง คนแรกที่มีอาการออกก่อนเลยคือน้องเบน มาบ่นๆว่าครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ หนาว ปวดหัว ก็เลยให้น้องเบนเอาน้ำมนต์มาดื่ม พอเริ่มใกล้ค่ำ ดิฉันเริ่มมีการระคายคอแล้วก็เริ่มไอ ตอนแรกก็ยังไม่เอะใจว่าจะป่วย แต่ทำไมเริ่มไอถี่ขึ้นๆ ก็เริ่มจะแปลกใจแล้ว พร้อมทั้งมีน้องอีกคนมาไอพร้อมกันกับดิฉันเลย แถมได้ออกไปอาเจียรด้วย หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนขับรถกลับก็ไอมาตลอดทาง พอไอแล้วจะสูดลมหายใจเข้า มันสูดไปได้แค่นิดเดียว เข้าไปลึกๆไม่ได้เพราะเหมือนหลอดลมมันไม่รับ หายใจไม่ออกซะงั้น ก็เลยได้แค่พรืดนิดเดียวก็ต้องผ่อน เป็นแบบนี้ไปตลอดทาง แล้วก็เกิดอาการเจ็บแสบท้อง ปวดท้องมากอยากถ่าย ทนขับรถกลับบ้านจนถึงบ้าน ดีว่ารถไม่ติด ไม่งั้นคงแย่ มาถึงบ้านก็วิ่งเข้าห้องน้ำถ่ายซะหมดแรง แล้วก็เจ็บแสบทั่วกระเพราะและช่วงท้องมาก พร้อมทั้งก็ไอตลอด ตอนแรกคิดว่าเจ็บแสบท้องเพราะไอ แต่ก็คิดว่าเพิ่งจะไอเอง จะทำให้กล้ามเนื้ออักเสบไวขนาดนั้นเหรอ ไม่น่าใช่ อีกอย่างมันแสบท้องข้างในกระเพาะ (รู้ เพราะว่าเป็นโรคกระเพาะมาก่อนจะรู้อาการ) แต่ว่าเจ็บแสบแบบทรมานมาก เหมือนโดนน้ำกรดกัดกระเพาะเลย พออาบน้ำเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอน เนื่องจากเริ่มมีอาการไข้ หนาว แล้วเจ็บร้าวไปทั้งตัว ได้โทรหาน้องเบนว่า เป็นยังไงบ้างแล้วก็เล่าให้น้องฟังว่า เป็นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคุณหนิงจะเป็นยังไงบ้าง ไว้พรุ่งนี้ต้องถามดู

    พอล้มตัวลงนอนก็ขึ้นไปกราบพระที่นิพพาน ถามพระว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านว่าให้อุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวร เพราะเขาตามมาทวง ดิฉันก็อุทิศให้ไป แต่ในใจก็สงสัย เออ..ที่เราเจ็บป่วยมันเพราะสิ่งที่เราไปมานี่นา ทำไมถึงมาเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวร (บอกใบ้ให้หน่อยว่าสิ่งที่พวกเราได้รับ มันเป็นพิษค่ะ ดีว่าขอบารมีพระไว้ก่อนตั้งแต่แรก ไม่งั้นคงได้เดี้ยงกันไปแน่ๆ) แล้วก็หลับไป แต่ไม่ได้หลับสบายหรอกค่ะ ทั้งคืนทรมานกับอาการป่วยมากๆ แล้วเหมือนเคลิ้มๆฝันเห็นเหล็กไหลน้ำเต็มไปหมด (เพิ่งได้เหล็กไหลน้ำมาด้วยพอดี) แล้วในฝันจิตรับรู้ว่า เหล็กไหลน้ำกำลังช่วยปรับธาตุให้เรา นึกถึงเมื่อครั้งไปเกาะล้านแล้วไปเจอเหล็กไหลงอก ตอนนั้นก็โดนปรับธาตุไปหนหนึ่ง เล่นเอาแย่เหมือนกัน"


    ===============

    หนิงไม่รู้ว่าน้องเบน เป็นก่อน ยังคิดว่าน้องอีกคนเป็นก่อน เพราะไปเห็นน้องคนนั้น วิ่งไปอาเจียน แล้วก่อนจะแยกจากกัน น้องเบนเดินหน้าตูมๆ มาบอกว่าหนูอยากจะอ๊วก ปวดหัว เหมือนจะไม่สบาย ก็คิดว่าน้องไม่สบายจริงๆ

    ตัวเองขับรถกลับมา รู้สึกว่ามีลมในกระเพาะเยอะมาก มีอาการเรอชุดใหญ่ๆ สลับกับไอ ตลอดทาง ขับไปสักพักใหญ่ รถติดไฟแดง นอกจากกระหน่ำทั้งเรอ ทั้งไอแล้ว มาปวดแสบท้องเหมือนโรคกระเพาะจะคิดถึง ก็ยังคิดไปว่า เราไม่ได้กินข้าวมั้ง (มัวแต่กินหมูสะเตะแทน..ฮา..)

    กลับถึงบ้านยังนั่งคุยกับน้องสาว สลับกับไอเป็นระยะๆ พอสี่ทุ่มกว่าจะอาบน้ำ อาการครั่นเนื้อครั่นตัว เริ่มปรากฎ บวกกับวูบวาบ เหมือนคนจะเป็นลม ทำอะไรต่อไม่ได้ ต้องหาที่นั่ง เพื่อไม่ให้ตัวเองล้มลง พอเริ่มดีขึ้นยังฝืนอาบน้ำ เพราะคิดว่าไม่มีอะไร อากาศร้อนๆ หนาวๆ สลับกัน จึงทำให้อาการภูมิแพ้กลับมาเยือน

    จะนอนก็มีอาการหนาวสั่น อาการเวียนหัวหน้ามืด จนต้องหาเสื้อกันหนาวใส่ ห่มผ้าหนาๆ ทั้งๆ ที่แม่กับน้องสาวที่นอนด้วยกันบอกว่าอากาศร้อนจะตาย ตอนนี้เริ่มจะเอะใจว่าเราผิดปกติ มานึกถึงที่เบนบอกว่าเหมือนจะเป็นไข้ ทำให้นึกถึงเบน ท่านกัปตันและคนอื่นๆ ว่าจะเจออาการแบบนี้หรือเปล่า ตอนนั้นจะยกหูโทรหาก็ไม่ไหวแล้ว มันแย่เต็มที น้องสาวขึ้นมานอนทีหลังเห็นขดตัวในผ้าห่มที่ผิดปกติ เข้ามาจับตัวถามว่ายังไม่หายเหรอ เลยบอกน้องสาวว่าให้ปิดแอร์ด้วยไม่ไหว มันหนาวมาก น้องคงเห็นว่า ยัยนี่มันไม่ได้แกล้ง เอามือมาอังที่หน้าผากบอกว่า ตัวไม่ร้อนนะ เอายาแก้ไข้ไหม กินซาร่าไป 1 เม็ด กับยาแก้ภูมิแพ้ไป 1 เม็ด แล้วนอน

    นอนก็ไม่หลับมันปวดร้าวไปทั้งตัว ไหนจะหนาวสั่น ปวดหัวตุบๆ นอนก็ไม่หลับ สุดท้ายก็ต้องทำเหมือนท่านกัปตัน เอาจิตขึ้นไปกราบพระข้างบนแทน แรกๆ จิตไม่มั่นคง ขึ้นๆ ลงๆ (ยังห่วงสังขารตัวเองเกินไป) สุดท้ายแล้วคิดไปว่า เออ ถ้ามันจะตายไม่หายใจเพราะเหนื่อยที่จะหายใจต่อไป ก็ให้จิตออกจากกายดีๆ ไปกราบพระข้างบนดีกว่า พอคิดแบบนี้แล้วหลับไปตอนไหนไม่รู้เหมือนกันค่ะ มาตื่นเอาตอนเช้า เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด เหมือนโดนโขลงช้างมารุมเหยียบ..ไม่อยากจะลุกไปทำงานเลย เพลียมากๆ แทบจะไม่มีแรง เช้านี้ อาการหนาวสั่นเกือบจะไม่มีแล้ว อาการเวียนหัวยังมีอยู่บ้าง

    มาถึงที่ทำงานก็คุยกัน เลยรู้ว่าอาการคล้ายๆ กันหมด (กรรมหมู่) แต่ท่านกัปตันออกจะหนักกว่าคนอื่นๆ นั่งทำงานด้วยความเพลียๆ อ่อนแรง อากาศที่นี่ก็ช่างเป็นใจเย็นมากมาย นั่งไปสักพักใหญ่ (จำไม่ได้แล้วคะ ว่าช่วงเช้าหรือบ่าย) เห็นภาพในจิตเห็นเป็นหลวงปู่ท่านหนึ่ง นั่งมองด้วยความเมตตามาก สักพักท่านคายหมากที่เคี้ยวในปากท่านออกมาใส่มือท่าน แล้วยื่นมาให้บอกว่าให้กินเข้าไป จะดีขึ้น (และวันนั้นเอง เจ้านายนำพระองค์ลอยเล็กๆ รูปเหมือนหลวงปู่องค์นี้ มาให้ ซึ่งหลวงปู่องค์นี้ไม่ค่อยจะทำรูปเหมือนของท่านให้บูชา หากท่านทำก็จะทำจำนวนน้อยมาก) ก็ทำตามที่หลวงปู่ท่านสั่งค่ะ รับชานหมากจากท่านมาใส่ปาก รสชาติไม่ต้องพูดถึง หอมหวานมากๆ ไม่มีกลิ่นหมากพลูเลยสักนิด

    ช่วงบ่ายต้นๆ เพื่อนๆ ทั้งที่ทำงาน และเพื่อนๆ ที่ร่วมชะตากรรม(หมู่) บอกว่าให้กลับบ้านไปนอนได้แล้ว เพราะทนเห็นสภาพไม่ได้..ฮา. คงจะเหมือนศพเดินได้มั้งคะ เพลียจริงๆ เพลียมากๆ ดำน้ำ+อดนอน ยังไม่เพลียเท่านี้มาก่อน

    ช่วงเย็นๆ ไปกราบท่านปู่ชีวก ยังไม่ได้ถามนะคะ ท่านยิ้มให้บอกว่าไม่เป็นอะไรเดี๋ยวจะดีขึ้นเอง วันต่อมาอาการเพลียดีขึ้น แต่อาการไอ ยังมาเป็นระยะๆ จนถึงบัดนี้ ก็ยังคงมีอยู่ ไม่ได้หายขาด บทจะไอแต่ละครั้ง มาเป็นชุดๆ ไอแล้วต้องเดินหลบชาวบ้าน.. ไม่งั้น โดนมองว่าเป็น TB ป่าวเนี่ย

    พระท่านบอกมาตรงกันค่ะ ว่าเป็นกรรมเก่า ที่กระทำร่วมกันมาจึงส่งผลแก่หมู่คณะ ใครทำกรรมไว้เยอะก็ได้รับผลเยอะตามกำลังของกรรมที่ทำไว้ จึงขอน้อมรับกรรมที่กระทำไว้ค่ะ
     
  13. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,186
    ได้อ่านอาการป่วยของคุณสาวและคณะแล้ว เห็นด้วยว่ากรรมมันเล่นงานคุณหนักเหลือเกิน น่าตกใจทีเดียว เป็นขนาดนี้จะแยกกายแยกจิตคงจะยากมาก คิดเอาเองว่าคุณสาวคงจะเกิดชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายกระมัง กรรมเลยรุมเล่นงานทีเดียว ส่วนผมก็เคยเจ็บป่วยแบบเจ็บมากเหมือนกัน แต่เจ็บไม่ถึงครึ่งของคุณสาว สงสัยจะมีเวลาผ่อนส่งอีกนาน
    อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณสาวและคณะหายไวๆ และขอบุญกุศลที่คุณและคณะได้สร้างสมมา จงบันดาลให้คุณสาวและคณะพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล และเข้าถึงนิพพานในชาตินี้ด้วยเทอญ
     
  14. rungsun2503

    rungsun2503 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +1,186
    เมื่อสามสี่คืนก่อน ขณะกำลังเดินมานั่งเล่นหน้าบ้าน รู้สึกว่ากายขยายใหญ่ขึ่น ก็ลองนึกให้กายขยายใหญ่ขึ้นอีกก็ทำได้ ขนาดสูงประมาณตึกห้าชั้น แต่ภาพที่เห็นไม่ชัดเจน ดูเลือนลาง
    ลองพิจารณาดู คำตอบที่ได้คือ เพราะจิตเราไม่สะอาดสว่างใส อารมณ์จิตเราเหงาหงอยซึมเซา
    พิจารณาต่อไปอีกว่า ถ้าตายในอารมณ์นี้ เราจะไปไหน คำตอบคือ คงจะไปนั่งกอดเข่าเศร้าสร้อยอยู่ในภูมิใดภูมิหนึ่ง
    ถ้าเป็นอย่างนี้คงไม่ดีแน่ พิจารณาอีกว่า ทำไมอารมณ์จิตเราจึงเป็นเช่นนี้ คำตอบคือเรา
    ตั้งอารมณ์จิตไว้ผิดนะซิ
    ถ้างั้นต้องตั้งอารมณ์ให้เบิกบานใช่มั้ย แล้วทำอย่างไร คำตอบคือให้เอาจิตจับภาพพระซิ
    เอาภาพที่มีพระพักตร์อิ่มเอิบยิ้มแย้ม มีเมตตา ดูแล้วให้เกิดความรู้สึกเป็นสุขสบายใจ
    ได้ลองทำมา 2-3 วันแล้ว รู้สึกอารมณ์จิตได้คลายจากอาการเซื่องซึมขึ้นมาบ้าง
    จึงได้ลองเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้าง
    อย่างไรก็ตาม ผมขอให้เพื่อนที่มีความรู้ ได้ช่วยพิจารณาและชี้แนะเพิ่มเติมด้วยครับ
     
  15. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    ใช่ค่ะ จริงๆต้องเอาจิตจับพระไว้ตลอดเวลา ยิ่งเวลาไปที่ศูนย์พุทธศรัทธา จะโดนตรวจเช็คอารมณ์จาก อจ แม่ใหญ่ตลอดเวลา ถ้าท่านเห็นว่าเราไม่ทรงภาพพระ ท่านจะบอกว่า พระหายไปไหน ซึ่งพวกเราจะตื่นตัวกันมาก สำหรับดิฉันนี่ขนาดเห็น อจ แม่ไกลๆ ภาพพระจะมาทันที ฮา กลัวโดนดุ เลยจะมาแบบอัติโนมัติ
     
  16. หน่อง

    หน่อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +185
    ขอให้มีความสุขกายสบายใจครับ
     
  17. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615

    ฮา ท่านพี่ เห็นไกลๆ เหรอค่ะ ไม่ต้องเห็นไกลๆ แม่ใหญ่ก็ทราบละคะ..

    _/\_ ขอขมาค่ะ แม่ใหญ่

    ==========

    ขอบคุณนะคะ คุณ rungsun2503 แต่ละคน เริ่มฟื้นตัวมาบางแล้วค่ะ มานั่งคุยกันทีหลัง คิดไปว่าอาจจะมีการปรับธาตุต่างๆ ภายในกายเราหรือเปล่าหนอ..เพราะหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผ่านพ้นไป ความเหนื่อยกายลดลง เสมือนว่ามีกำลังดีขึ้นค่ะ
     
  18. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    ใช่ อจ แม่ใหญ่ ทราบตลอดแหละ แต่พวกเราก็ชอบลืมด้วย พอเห็นท่านแล้วถึงนึกได้ไง ฮา
     
  19. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยขอรับ
    ขอให้ทุกท่านหายป่วยกันถ้วนหน้าด้วยนะขอรับ
    มาบอกบุญขอรับ

    ได้ไปร่วมงานที่วัดท่าซุง พร้อมทั้งได้บวชพราหมณ์ ถือศีล๘ กรรมบท๑๐
    ร่วมถวายสังฆทานชุด ๒๐๐๐ บาท
    ได้ถวายปัจจัยใส่ย่ามพระหลังจากออกกรรมฐานในตอนเช้าทุกวัน ตั้งแต่วันที่ ๑๑-๑๗ เดือน ธันวาคม
    ช่วยรับส่งถ่ายอาหารจากบาตรพระในตอนเช้าขณะที่พระออกบิณฑบาตร
    ชำระหนี้สงฆ์
    ถวายปัจจัยหล่อสร้างพระเนตรติดองค์พระ

    เอาเป็นว่าบุญกุศล ที่ขาโจ๋ได้เข้าบวชพราหมณ์ที่วัดท่าซุง ได้เรื่มปฏิบัติก่อนล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ ๖ เดือน ธันวาคม จนถึง วันที่ ๑๗ เดือน ธันวาคม จากการนั่งพระกรรมฐานก็ดี เช้า กลางวัน เย็น กลางคืนเลย
    ทำวัตรเช้า เย็นก็ดี สวดมนต์ภาวนาก็ดี ถวายสังฆทานก็ดี พูดคุยธรรมกันเป็นทานก็ดี ถวายปัจจัยให้พระก็ดี ร่วมทุกบุญในหลายๆอย่างก็ดี ค่าพานครูก็ดี ค่าดอกไม้ก็ดี ชำระหนี้สงฆ์ก็ดี ทำงานให้กับวัดก็ดี โมทนาบุญกับเพื่อนๆที่ได้ร่วมงานกันก็ดี และในหลายอย่างที่บางอย่างอาจจะหลงลืมไปบ้างก็ดี ขอทุกท่านพึงโมทนา และขอให้สมหวังดั่งใจหวังกันทุกประการกันด้วยเถิดขอรับ
     
  20. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา วัดเจียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่

    ส่งข่าวงานบุญแทนน้องอ้อยแม่แจ่มค่ะ

    [​IMG]
    สืบเนื่องมาจากประมาณเดือน เมษายน ปี2553 มีการหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมขึ้นที่วัดสันป่าสัก ศรีภูมินทร์ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ขึ้น ข้าเจ้าได้รับทราบข่าวจากพี่กบ สังสารวัฏ ว่าพี่ชายของพี่กบคือพี่ต้อมพร้อมญาติพี่น้องและมิตรแก้วสหายคำได้ร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อพระในครั้งนี้ ข้าเจ้าจึงได้เดินทางไปร่วมงานและร่วมทำบุญด้วย และมีความคิดว่า อ.แม่แจ่ม บ้านเกิดเมืองนอนของข้าเจ้า ยังไม่เคยมีการหล่อพระที่ใหญ่ขนาดนี้เลยสักครั้งเดียว จึงคิดว่า ถ้าหากมีงานหล่อพระขึ้นสักครั้ง ชาวแม่แจ่มทุกคนคงจะปลื้มปิติมาก โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ ที่ไม่สามารถเดินทางไกลไปร่วมทำบุญหล่อพระตามที่ต่างๆได้

    เมื่อกลับไปแล้ว จึงได้มีการปรึกษาหารือกับท่านพระครูวีรกิจสุนทร เจ้าอาวาสวัดเจียง ซึ่งท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก โดยได้นำรูปถ่ายพิธีหล่อพระจาก อ.แม่แตง ไปให้ท่านและคณะกรรมการวัดได้ดูด้วย ทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะให้งานนี้เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดพุทธานุสติแก่พุทธศาสนิกชนที่กราบไหว้บูชา และเพื่อถวายเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาสืบต่อไป และสูงสุด คือเพื่อพระนิพพานแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องสอบถามชาวบ้านและคณะศรัทธาด้วยว่ามีความคิดเห็นเป็นเช่นไร

    เมื่อชาวแม่แจ่มทุกคนได้รับทราบ โดยมีการพูดถึงข่าวคราวเรื่องการหล่อพระองค์ใหญ่ หน้าตัก 4 ศอกใน อ.แม่แจ่ม ต่างก็พูดต่อๆกันไป และก็มีการพูดกระจายในวงกว้าง ด้วยความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีงานบุญใหญ่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่ ต่างยกมือสาธุการ น้ำตาไหลด้วยความปิติยินดี บอกว่าตั้งแต่เกิดมา บางคนอายุ 90 กว่า ยังไม่เคยมีงานแบบนี้ขึ้นในอำเภอแม่แจ่มเลย โดยเฉพาะพระองค์ใหญ่หน้าตัก 4 ศอก และยังให้ชาวบ้านได้เข้าร่วมพิธีและร่วมทำการหล่อพระด้วย ต่างก็จัดเตรียม แก้ว แหวน เงิน ทอง ไว้เป็นการใหญ่(ทางพี่กบ พี่นัน บอกว่ากระแสจิตของทาง อ.แม่แจ่ม ที่ส่งไปแรงมาก)

    และจากการประสานงานหลายๆครั้งระหว่างข้าเจ้า และทางวัด โดยท่านพระครูวีรกิจสุนทร รวมถึงคณะกรรมการวัด ในที่สุดก็ตกลงกันว่า จะทำพิธีหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมกันขึ้น ทันทีที่ได้ทราบ ข้าเจ้าก็ได้ติดต่อพี่กบ พี่ว่าน และได้ติดต่อพระอาจารย์สมชายเพื่อนัดและพูดคุยกันในเรื่องรายละเอียดต่างๆกันขึ้น โดยพี่กบได้ประสานไปทางพี่ต้อมอีกทีค่ะ

    ขณะนี้ ทางวัดได้มีการประชุมกันบ่อยๆ ถึงความคืบหน้า
    ตอนนี้ทางสล่าทางเหนือ ได้ทำการเขียนแบบแปลนฐานพระ ขนาด 6X9 เมตร โดยทำเป็น 2 ระดับ

    [​IMG]

    [​IMG]
    หมายเหตุ แบบแปลนนี้ต้องมีการปรับแก้อีกเล็กน้อยค่ะ ตอนนี้ทางสล่าได้รับทราบแล้วแต่รูปที่นำมายังไม่ได้มีการปรับแก้การขยายค่ะ

    ซึ่งขณะนี้ทางวัดได้จัดเตรียมทุกอย่างเกือบจะครบหมดแล้ว อาทิ

    1. หัวใจพระเจ้า ขนาด 5 นิ้ว

    [​IMG]

    2. เพชรพระอุณาโลม

    [​IMG]

    [​IMG]

    3. พระเนตร (พระอาจารย์สมชายจะนำมาในวันที่เดินทางมา อ.แม่แจ่มค่ะ)
    4. ผ้าห่มองค์พระ ทำด้วยผ้าตาดดิ้นทอง ปักร้อยด้วยคริสตัล (ขณะนี้พี่ว่านกำลังเร่งปักอยู่ค่ะเกือบแล้วเสร็จประมาณ90%แล้วค่ะ)
    5. สัปโทนสำหรับกั้นแดด ฝน ลงรักปิดทอง ซึ่งทางวัดได้สั่งทำไปแล้วค่ะ(ตัวอย่างจาก วัดสันป่าสัก แม่แตงค่ะ แต่ที่สั่งทำมีชั้นเดียวคือสัปโทนกว้าง1.5เมตรชั้นล่างสุดนะคะ) ส่วนองค์พระที่จะทำการหล่อ จะหล่อด้วยปูนค่ะโดยได้รับความอนุเคราะห์จากท่านพระอาจารย์สมชาย
    วัดป่าบ้านราษฏร์รักแดน ม.9 ต.บางระแนะ 2 ต.หนองแวง อ.ละหารทราย จ.บุรีรัมย์ 31170 (089-947-427) ทั้งแบบพิมพ์ ทั้งทีมงานที่จะมาช่วยงานหล่อพระ ทั้งทีมงานที่เตรียมงานบ่ายศรีสำหรับบวงสรวง ค่ะ
    [​IMG]

    6. ป้ายชื่อที่ทำด้วยหินแกรนิตพ่นอักษรสีทอง

    [​IMG]

    7. ป้ายคำไหว้พระเจ้าทันใจ ที่สั่งทำเป็นป้ายพลาสติกสีน้ำเงินแกะด้วยสติกเกอร์สีขาวค่ะ

    [​IMG]


    8. ไม้มงคล 9 อย่าง สำหรับตอกที่ฐานพระซึ่งจะทำการหล่อฐานในต้นเดือน ม.ค 54 นี้ค่ะ ได้รับมาจากพี่กบค่ะ ขอโมทนากับพี่กบด้วยนะคะ

    9. พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม พระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปัจจุบัน พระโลหิตธาตุพระทีปังกร พระพุทธเจ้า พระธาตุข้าวบิณฑ์ พระธาตุวัดปันเสา ซึ่งตอนนี้เสด็จมาประทับอยู่ที่แม่แจ่มเรียบร้อยแล้วค่ะ ด้วยความเมตตาจากพี่ว่านค่ะ

    สำหรับท่านที่ประสงค์จะร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญงานหล่อพระสมเด็จองค์พระปฐมบรมศาสดาหน้าตัก 4 ศอกในครั้งนี้ ซึ่งพี่ต้อมเคยพูดให้ฟังว่า น่าจะเป็นสมเด็จองค์ปฐมที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ^^ เนื่องจากอยู่ใกล้ดอยอินทนนท์ค่ะและคงจะเป็นสมเด็จองค์ปฐมที่อยู่สูงที่สุดในโลกด้วยเพราะประเทศอื่นๆคงไม่มีการหล่อกันอะเน๊อะ (อันนี้เป็นคำพูดของพี่ต้อมนะคะ) ก็สามารถทำได้ตามศรัทธานะคะ การทำบุญ จะเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ ที่ทำแล้วเราไม่เดือดร้อน ทำแล้วเราสุขที่ใจ มากน้อยตามกำลังของเราค่ะ

    ในรูปด้านบน จะมีเลขที่บัญชีของทางวัดอยู่ด้วย แต่เนื่องจาก บางท่านที่โอนเงินแล้วโทรไปแจ้งท่านพระครูวีรกิจสุนทร เจ้าอาวาสวัดเจียง แล้วท่านติดกิจนิมนต์อยู่ บางครั้งทางวัดต้องวิ่งไปอัพสมุดบัญชีธนาคารเพื่อที่จะได้ทราบจำนวนที่ท่านโอนมา และบางครั้งทางวัดมีการฝาก ถอนตลอด อาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันได้เกี่ยวกับยอดทำบุญโดยไม่ทราบยอดไหนเป็นยอดไหน จึงคิดว่า อาจจะยุ่งยากสำหรับทางวัดเพราะตอนนี้ท่านพระครูแจ้งมาว่ามีหลายสายโทรหาท่าน เกรงว่าเราจะไปรบกวนท่านหรือเปล่า เพราะปกติท่านจะนั่งภาวนาด้วยค่ะ

    ดังนั้นเพื่อความสะดวกแก่ทุกฝ่ายและเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงขอให้ท่านโอนเข้าบัญชีในนาม "ชุมชนมโนมยิทธิ ศิษย์หลวงพ่อฤๅษี จากเว็บพลังจิตโดยพี่สาว Me,myself และกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติโดยอาจารย์คณานันท์" จะสะดวกกว่าไหมคะ พอใครโอนแล้วแจ้งมา ทางเราก็จะมีพี่หนิงเป็นผู้เช็คยอดสมุดบัญชีธนาคารให้ เหมือนงานบุญทุกครั้งที่เราเคยทำร่วมกันมาค่ะ โดนเราจะมีการอัพแจ้งยอดบุญและจำนวนเรื่อยๆ พอมีใครโอนเงินเข้าบัญชี ก็แจ้งได้ผ่านกระทู้นี้ พี่หนิงก็จะไปเช็คยอด จากนั้นก็จะนำมาโพสต์ในกระทู้นี้ค่ะ อีกอย่างจะได้ทราบด้วยว่า ยอดทำบุญจากสมาชิกเว็บพลังจิตของเรา เป็นจำนวนเท่าไหร่ จะได้แจ้งให้ทุกท่านทราบเพื่อร่วมอนุโมทนาบุญร่วมกันด้วยค่ะ เพราะในวันงานจะมีผ้าป่าหลายกองมาก ทางวัดจะได้ประกาศว่าแต่ละกองบุญได้เท่าไหร่

    สำหรับหมายเลขบัญชี ท่านสามารถร่วมบุญโดยโอนมาได้ที่
    "ธนาคารกสิกรไทย สาขา ซีคอนสแควร์

    ชื่อบัญชี น.ส จันทนา โชติกาญจนวิทย์ และนางสุนันทา ใจดี

    เลขที่บัญชี 095-2-70865-3"

    สำหรับกำหนดการหล่อพระ จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2554 นี้ค่ะ จะมีพิธีพุทธาภิเษกด้วยค่ะ


    ในการนี้ ได้รับแจ้งจากพี่กบ สังสารวัฏว่า พี่นัน แฟนพี่กบ ขอรับเป็นเจ้าภาพ ซุ้มเรือนแก้วค่ะ จึงขออนุโมทนามา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ

    และยังมีพี่ต้อม แจ้งมาว่า จะถวายสมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิ์ หน้าตัก 29 นิ้ว จำนวน 1 องค์ ค่ะ ขออนุโมทนากับพี่ต้อมเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ทั้งยังช่วยดันงานนี้อย่างเต็มที่อีกต่างหาก ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

    และวันนี้ยังได้รับแจ้งจากพี่กบอีกว่า ในวันงานเราจะมีการถวายสังฆทานกันด้วย เป็นสังฆทานชุดใหญ่ มีพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิ์หน้าตัก 29 นิ้วที่พี่ต้อมจะถวาย มีลูกแก้วจากพี่กบ พี่ว่าน มีผ้าไตรชุดใหญ่ และมีของบริวารอีกหลายอย่าง หากท่านจะร่วมบุญก็สามารถนำสิ่งของต่างๆมาร่วมได้นะคะ หรือจะร่วมถวายปัจจัยก็ได้ค่ะ ตามแต่สะดวกค่ะ

    [​IMG]

    หลายท่านสงสัยว่า เหตุใดกัลยาณมิตรหลายท่านจึงต้องถวายปางมหาจักรพรรดิ์ จึงขอนำข้อมูลมาโพสต์เพื่อร่วมแบ่งปันรายละเอียดไปพร้อมกันนะคะ

    ที่มาของพระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ์
    พระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ์ ตามตำนานพุทธประวัติที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญเล่าให้สานุศิษย์รู้ไวว่า ในสมัยพุทธกาลมีพระมหากษัตริย์ผู้เรืองอำนาจองค์หนึ่งซึ่งเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองปัญจาลราษฐ พระนามว่า “พญาชมพูบดี” กล่าวกันว่าพร้อม ๆ กับการประสูติของพระองค์ ขุมทองในที่ต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นมามากมาย อันแสดงถึงบุญญาธิการของ พระองค์ประชาชนในเมืองจึงมีฐานะความเป็นอยู่ที่มั่นคั่งสมบูรณ์ พญาชมพูบดี ทรงมีอาวุธวิเศษ ๒ อย่าง คือฉลองพระบาทแก้ว ซึ่งเมื่อสวมเข้าไปแล้วก็จะพาพระองค์เหาะไปในที่ต่าง ๆ ได้ ทั้งยังใช้อธิษฐานแปลงเป็นนาคราชเข้าประหัตประหารศัตรูได้อีกด้วย อาวุธวิเศษอย่างที่สองคือ วิษศร ซึ่งเป็นลูกศรวิเศษใช้ต่างราชทูตหากกษัตริย์เมืองใดไม่มาอ่อนน้อมขึ้นต่อพระองค์ วิษศรนี้ก็จะไปร้อยพระกรรณพาตัวมาเข้าเฝ้าพระองค์จนได้ทำให้กษัตริย์ทั้งหลายพากันยำเกรงในพระเดชานุภาพแห่งพญาชมพูบดีรุกรานพระเจ้าพิมพิสาร ด้วยอาวุธวิเศษคู่พระกาย พระองค์ได้ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางกระทั่งถึง<O:pกรุงราชคฤห์ของพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นพุทธอุบาสกแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอาวุธวิเศษของพระองค์ก็ไม่อาจทำอันตรายแก่พระเจ้าพิมพิสารได้ด้วยอาศัยพระพุทธานุภาพ พญาชมพูบดีทรงแค้นพระทัยมาก แม้จะส่งอาวุธอย่างใดมาก็พ่ายแพ้แก่พุทธจักร และพุทธานุภาพ<O:pแห่งพระพุทธองค์ พระพุทธองค์ทรงนิมิตองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ เมื่อพระพุทธองค์ทรงเห็นว่าพญาชมพูบดีประสบความพ่ายแพ้ มีทิฎฐิมานะเบาบางลงประกอบกับทรงเล็งเห็นวาสนาปัญญาของพญาชมพูบดี ที่จะสามารถสำเร็จมรรคผลได้ จึงมีพุทธฎีกาตรัสใช้ให้องค์อินทร์แปลงเป็นราชทูตพาพญาชมพูบดีมาเข้าเฝ้า ส่วนพระพุทธองค์ทรงนิมิตองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ทรงเครื่องราชาภรณ์ล้วนแต่งดงาม ส่วนพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเถระเจ้า พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์สาวกก็เนรมิตกายเป็นเสนาบดีใหญ่น้อย ล้วนแต่น่ากรงขามทั้งเนรมิตเวฬุวัน ให้เป็นพระนครใหญ่ประกอบด้วยกำแพงถึง ๗ ชั้น และมีพุทธฎีกาตรัสสั่งให้เทวดา อินทร์ พรหม คนธรรพ์ และนาค ร่วมเนรมิตเป็นตลาดน้ำและตลาดบกพญาชมพูบดีเขาเฝ้าพระพุทธองค์ เมื่อองค์อินทร์ซึ่งเนรมิตกายเป็นราชทูตไปถึงเห็นพญาชมพูบดี และเหล่าเสนาอำมาตย์ยังถือดี จึงแสดงฤทธานุภาพเป็นที่ประจักษ์ พญาชมพูบดีไม่อาจแข็งขืนจำยอม ต้องยกพลเดินทัพเพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ เมื่อพญาชมพูบดีเดินทางเข้าเขตพระนครก็ตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่อลังการแห่งพระนครที่พระองค์ทรงเนรมิต ซึ่งแม้แต่เหล่าแม่ค้าริมทางก็ยังงดงามกว่าอัครมเหสีของพญาชมพูบดี จนชวนให้รู้สึกขวยเขินก้าวเดินไม่ตรงทาง และเมื่อผ่านมายังกำแพงพระนครแต่ละชั้นทอดพระเนตรเห็นเหล่าเสนาอำมาตย์ที่รักษากำแพงพระนครพระทัยก็ประหวั่นพรั่นกลัว พระเสโทไหลโทรมทั่วพระสกลกาย ถึงกำแพงชั้นในซึ่งเป็นแก้ว ก็ทำท่าจูงกระเบน เหน็บรั้ง ด้วยเข้าพระทัยผิดคิดว่าเป็นเสียงนางในร้องเย้ยเยาะว่ากษัตริย์บ้านนอก กระทำเชย ๆ พระองค์ก็รู้สึกได้รับอัปยศอย่างยิ่งพระพุทธองค์แสดงธรรมโปรดพญาชมพูบดี พญาชมพูบดีเมื่อทรงมาถึงต่อหน้าพระพักตร์แห่งพระบรมศาสดา ซึ่งเนรมิตกายเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ก็ยังไม่หมดทิฎฐิมานะ และเมื่อพระพุทธองค์เชื้อเชิญให้แสดงฤทธิ์เดชอำนาจและของวิเศษทุกสิ่งทุกอย่างออกมาพญาชมพูบดีก็ต้องได้รับความอัปยศยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยไม่อาจทำอันตรายพระพุทธองค์ได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อ พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าพญาชมพูคลายทิฎฐิมานะลงมากแล้ว จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพญาชมพูบดี และเหล่าเสนาอำมาตย์ที่ติดตามมาด้วยจำนวนมากให้เห็นสิ่งที่เป็นสาระและมิใช่สาระ ให้เห็นโทษแห่งการเวียนเกิด เวียนตาย ในวัฎสงสารทั้งให้เห็นคุณแห่งพระนิพพาน พญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ต่าง รู้สึกปิติโสมนัส ปลดมงกุฎและและเครื่องประดับของตนวางแทบพระบาทแห่งพระศาสดา เพื่อสักการะด้วยความรู้สึกเทิดทูล ขออุปสมบทต่อพระพุทธองค์ จากนั้นพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวก เทวดา อินทร์ พรหม คนธรรพ์ และนาคก็คลายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม พระพุทธองค์ทรงประทานอุปสมบทแก่พญาชมพูบดีพร้อมทั้งเหล่าอำมาตย์และทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้คลายความลุ่มหลงในเบญจขันธ์มีรูป เป็นต้น ว่าดั่งอุปมาดั่งพยับแดด หาสารตัวตนที่เที่ยงแท้อันใดมิได้ และแสดงธรรมเทศนาต่าง ๆ เป็นเอนกปริยาย พญาชมพูบดีและเหล่าเสนาอำมาตย์ก็ดื่มด่ำในพระอมตธรรมสลัดเสียซึ่งตัณหา อุปทาง จิตของท่านก็เข้าอรหัตผล สำเร็จเป็นพระอริยบุคคลในพระบวรพุทธศาสนา

    คาถาบูชาพระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ์นะ โม พุท ธา ยะ พระพุทธไตรรัตนญาณ มณีพนรัตน์สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆยะธาพุทโมนะ พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชาอัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรังอะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโยอะหังวันทามิ สัพพะโสพุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ

    หมายเหตุ พระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ์ องค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ที่ วัดหน้าพระเมรุ อ.พระนครศรีอยุธยาจ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาพม่าเคยใช้บริเวณวัดนี้เป็นฐานทัพ และได้ตีกรุงศรี อยุธยาแตกได้เผาวัดวาอารามหลายแห่งแต่ไม่กล้าเผาวัดนี้ เพราะเกรงกลัว<O:p
    พระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ์ นั่นเอง.

    คัดลอกมาจากกระทู้นี้ค่ะ http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...มศาสดา-วัดเจียง-อ-แม่แจ่ม-จ-เชียงใหม่.272046/<O:p<!-- google_ad_section_end -->​
    <!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...