【【พระเครื่องทั่วประเทศ สายพุทธคุณ สายเสน่ห์】】อัพเดทหน้า 14!!!

รายการที่ 17 พระคำข้าวรุ่น 2 หลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง

###ปิดรายการนี้###

 

รายการที่ 18 พระคำข้าวรุ่น 2 หลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง

###ปิดรายการนี้###

 

รายการที่ 19 พระคำข้าวรุ่น 2 หลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง

###ปิดรายการนี้###

 

รายการที่ 20 พระหางหมาก หลวงพ่อฤษีลิงดำ วัดท่าซุง

###ปิดรายการนี้###

 

รายการที่ 21 ขุนแผนรุ่นแรก หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ปี2522 (พิมพ์เล็ก)

เนื้อผงพุทธคุณ หลังยันต์พุทซ้อน
มี 3 พิมพ์
1. พิมพ์ใหญ่ กว้าง 2.5 ซม. สูง 4.8 ซม.
2. พิมพ์กลาง กว้าง 1.8 ซม. สูง 3.3 ซม.
3. พิมพ์เล็ก กว้าง 1.4 ซม. สูง 2.5 ซม.
แท่งดินสอที่ใช้ลงสูตรลบผง นำดินสอพองสีขาวบริสุทธิ์ มาผสมกับวัตถุมงคล เช่นดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง ไคลโบสถ์ ไคลเสมา ผงเกสรดอกไม้ 108 ฯลฯ รวมกับวัตถุอาถรรพ์ เช่น ดิน 7 โป่ง ดิน 7 ป่าช้า ดินหลักเมืองต่างๆ ว่านเมตตาต่างๆ น้ำ 7 ท่าน้ำ น้ำมัน 7 รส 7 กลิ่น ฯลฯ ...นำมาเสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ผึ่งแดดให้แห้ง นำมาบดเป็นผง ผสมรวมกับดินสอพองบริสุทธิ์ เติมน้ำแป้งกระแจะจันทร์ ผสมน้ำ 7 ท่าน้ำ ปั้นเป็นดินสอที่ใช้ในการลงสูตรลบผง....
มวลสารผสมในการกดพิมพ์พระประกอบด้วย ใบโพธิ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ เกสรดอกไม้ 108 ใบรู้นอน 7 ชนิด เทียนชัย เทียนปิโย ว่านมงคล 108 ว่านเสน่ห์จันทร์(ขาว, แดง, เขียว) ผงที่แตกหักจากพระสมเด็จวัดระฆัง ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม ผงพระสมเด็จเกษไชโย ผงพระวัดพลับ ผงพระสามปลื้ม ฯลฯ.....
....นำมวลสารมาผสมกันด้วย น้ำมัน 7 รส 7 กลิ่น โขลกผสมผง ผู้ที่โขลกทุกๆคน ต้องรักษาศีล 5 และขณะที่โขลกต้องบริกรรมพระคาถา นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ มะอะอุฯ ไปด้วย ผู้กดพิมพ์ก็รักษาศีล 5 เช่นกัน ขณะกดพิมพ์ด้านหน้าภาวนาพระคาถา พุทธกาโร โหตุ สัมภะโวฯ ขณะกดพิมพ์ด้านหลังภาวนาพระคาถา พุทโธ พุทธตัง พุทธลาภัง ชิวาสุวัณณัง มุทุจิตตัง ปิยัง มะมะฯ
.....และพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อแพ ฯ ท่านจะกำหนดฤกษ์ยามในการปลุกเสกและพุทธาภิเษก ตามแบบอย่างโบราณปฏิบัติ ธรรมเนียมปฏิบัติ ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ทุกขั้นตอน......

มีเกร็ดเล็ก ๆ เล่าต่อกันว่า พระพิมพ์ขุนแผนรุ่นนี้ ภายหลังลูกศิษย์ลูกหานำเอาผงไปให้ผู้หญิงกิน จึงโดนหลวงพ่อตำหนิและภายหลังก็ไม่มีการสร้างวัตถุมงคลในลักษณะพระพิมพ์พระขุนแผนอีกเลย



ปิดรายการนี้

 

รายการที่ 22 ขุนแผนรุ่นแรก หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ปี2522 (พิมพ์เล็ก)

เนื้อผงพุทธคุณ หลังยันต์พุทซ้อน
มี 3 พิมพ์
1. พิมพ์ใหญ่ กว้าง 2.5 ซม. สูง 4.8 ซม.
2. พิมพ์กลาง กว้าง 1.8 ซม. สูง 3.3 ซม.
3. พิมพ์เล็ก กว้าง 1.4 ซม. สูง 2.5 ซม.
แท่งดินสอที่ใช้ลงสูตรลบผง นำดินสอพองสีขาวบริสุทธิ์ มาผสมกับวัตถุมงคล เช่นดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง ไคลโบสถ์ ไคลเสมา ผงเกสรดอกไม้ 108 ฯลฯ รวมกับวัตถุอาถรรพ์ เช่น ดิน 7 โป่ง ดิน 7 ป่าช้า ดินหลักเมืองต่างๆ ว่านเมตตาต่างๆ น้ำ 7 ท่าน้ำ น้ำมัน 7 รส 7 กลิ่น ฯลฯ ...นำมาเสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ผึ่งแดดให้แห้ง นำมาบดเป็นผง ผสมรวมกับดินสอพองบริสุทธิ์ เติมน้ำแป้งกระแจะจันทร์ ผสมน้ำ 7 ท่าน้ำ ปั้นเป็นดินสอที่ใช้ในการลงสูตรลบผง....
มวลสารผสมในการกดพิมพ์พระประกอบด้วย ใบโพธิ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ เกสรดอกไม้ 108 ใบรู้นอน 7 ชนิด เทียนชัย เทียนปิโย ว่านมงคล 108 ว่านเสน่ห์จันทร์(ขาว, แดง, เขียว) ผงที่แตกหักจากพระสมเด็จวัดระฆัง ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม ผงพระสมเด็จเกษไชโย ผงพระวัดพลับ ผงพระสามปลื้ม ฯลฯ.....
....นำมวลสารมาผสมกันด้วย น้ำมัน 7 รส 7 กลิ่น โขลกผสมผง ผู้ที่โขลกทุกๆคน ต้องรักษาศีล 5 และขณะที่โขลกต้องบริกรรมพระคาถา นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ มะอะอุฯ ไปด้วย ผู้กดพิมพ์ก็รักษาศีล 5 เช่นกัน ขณะกดพิมพ์ด้านหน้าภาวนาพระคาถา พุทธกาโร โหตุ สัมภะโวฯ ขณะกดพิมพ์ด้านหลังภาวนาพระคาถา พุทโธ พุทธตัง พุทธลาภัง ชิวาสุวัณณัง มุทุจิตตัง ปิยัง มะมะฯ
.....และพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อแพ ฯ ท่านจะกำหนดฤกษ์ยามในการปลุกเสกและพุทธาภิเษก ตามแบบอย่างโบราณปฏิบัติ ธรรมเนียมปฏิบัติ ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ทุกขั้นตอน......

มีเกร็ดเล็ก ๆ เล่าต่อกันว่า พระพิมพ์ขุนแผนรุ่นนี้ ภายหลังลูกศิษย์ลูกหานำเอาผงไปให้ผู้หญิงกิน จึงโดนหลวงพ่อตำหนิและภายหลังก็ไม่มีการสร้างวัตถุมงคลในลักษณะพระพิมพ์พระขุนแผนอีกเลย

###ปิดรายการนี้###

 

รายการที่ 23 ขุนแผนรุ่นแรก หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ปี2522 (พิมพ์ใหญ่)

เนื้อผงพุทธคุณ หลังยันต์พุทซ้อน
มี 3 พิมพ์
1. พิมพ์ใหญ่ กว้าง 2.5 ซม. สูง 4.8 ซม.
2. พิมพ์กลาง กว้าง 1.8 ซม. สูง 3.3 ซม.
3. พิมพ์เล็ก กว้าง 1.4 ซม. สูง 2.5 ซม.
แท่งดินสอที่ใช้ลงสูตรลบผง นำดินสอพองสีขาวบริสุทธิ์ มาผสมกับวัตถุมงคล เช่นดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง ไคลโบสถ์ ไคลเสมา ผงเกสรดอกไม้ 108 ฯลฯ รวมกับวัตถุอาถรรพ์ เช่น ดิน 7 โป่ง ดิน 7 ป่าช้า ดินหลักเมืองต่างๆ ว่านเมตตาต่างๆ น้ำ 7 ท่าน้ำ น้ำมัน 7 รส 7 กลิ่น ฯลฯ ...นำมาเสกด้วยพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ผึ่งแดดให้แห้ง นำมาบดเป็นผง ผสมรวมกับดินสอพองบริสุทธิ์ เติมน้ำแป้งกระแจะจันทร์ ผสมน้ำ 7 ท่าน้ำ ปั้นเป็นดินสอที่ใช้ในการลงสูตรลบผง....
มวลสารผสมในการกดพิมพ์พระประกอบด้วย ใบโพธิ์จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ เกสรดอกไม้ 108 ใบรู้นอน 7 ชนิด เทียนชัย เทียนปิโย ว่านมงคล 108 ว่านเสน่ห์จันทร์(ขาว, แดง, เขียว) ผงที่แตกหักจากพระสมเด็จวัดระฆัง ผงพระสมเด็จบางขุนพรหม ผงพระสมเด็จเกษไชโย ผงพระวัดพลับ ผงพระสามปลื้ม ฯลฯ.....
....นำมวลสารมาผสมกันด้วย น้ำมัน 7 รส 7 กลิ่น โขลกผสมผง ผู้ที่โขลกทุกๆคน ต้องรักษาศีล 5 และขณะที่โขลกต้องบริกรรมพระคาถา นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ มะอะอุฯ ไปด้วย ผู้กดพิมพ์ก็รักษาศีล 5 เช่นกัน ขณะกดพิมพ์ด้านหน้าภาวนาพระคาถา พุทธกาโร โหตุ สัมภะโวฯ ขณะกดพิมพ์ด้านหลังภาวนาพระคาถา พุทโธ พุทธตัง พุทธลาภัง ชิวาสุวัณณัง มุทุจิตตัง ปิยัง มะมะฯ
.....และพิธีพุทธาภิเษก หลวงพ่อแพ ฯ ท่านจะกำหนดฤกษ์ยามในการปลุกเสกและพุทธาภิเษก ตามแบบอย่างโบราณปฏิบัติ ธรรมเนียมปฏิบัติ ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ทุกขั้นตอน......

มีเกร็ดเล็ก ๆ เล่าต่อกันว่า พระพิมพ์ขุนแผนรุ่นนี้ ภายหลังลูกศิษย์ลูกหานำเอาผงไปให้ผู้หญิงกิน จึงโดนหลวงพ่อตำหนิและภายหลังก็ไม่มีการสร้างวัตถุมงคลในลักษณะพระพิมพ์พระขุนแผนอีกเลย

เปิดบูชา 900 บาท (ราคารวมค่าจัดส่ง EMS แล้ว)

 

รายการที่ 24 ขุนแผนระฆังทอง ไม่มีตะกรุด
ข้อมูลที่นำมาลง ต่อไปนี้ต้องขออนุญาตและขอบคุณคุณ "วุธ จันทบุรี" สายตรงหลวงปู่ทิม ชายหนุ่มผู้มีสายตาเฉียบคม ตัวจริงเสียงจริง ผู้อุทิศเวลา กำลังกาย กำลังทรัพย์ เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาและเกียรติคุณของหลวงปู่ทิมและครูบาอาจารย์ครับ หากผิดพลาดตกหล่นประการใดต้องขออภัยมา ณ. ที่นี้ด้วย

ใน การสร้างพระขุนแผนพรายกุมาร รุ่นระฆังทอง นี้ เป็นการสร้างที่สมบูรณ์แบบมากๆ เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิสูงมากๆ แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่คิดว่าจะมีการสร้างแบบนี้ด้วยซ้ำไป เป็นความตั้งใจของคุณวุธ โดยแท้จริง ตรงนี้ผมขออนุโมทนาบุญให้อย่างเต็มที่เลยครับ ถือว่าคุณวุธ ได้สร้างบุญกุศลอันยิ่งใหญ่มากๆ เป็นการสร้างที่จะมาทดแทนรุ่นเก่าๆโดยแท้จริง ผมจะบอกเพิ่มเติมในสิ่งที่ทุกท่านคิ้ดไม่ถึง ในรุ่นนี้หลวงปู่ทิม ท่านเต็มใจช่วยเหลือและลงมาทำของให้อย่างเต็มที่เลยครับ ที่ทุกท่านเห็นหรือฝัน หรืออะไรก็ตาม ในเรื่องของพรายกุมาร หลวงปู่ทิมท่านได้ช่วยเหลือเด็กที่ตายจากถูกทำแท้ง คลอดมาตาย ตายจากอุบัติเหตุต่างๆ โดยวิญญาณ เร่ร่อนไม่มีใครเลี้ยงดู ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ไม่มีใครทำบุญกุศลให้ ไม่มีที่พึ่ง หลวงปู่อยู่ข้างบนเห็นหมดอะไรเป็นอะไร ท่านจึงอยากให้เด็กๆเหล่านี้ ได้สร้างบุญ สร้างกุศล สร้างบุญบารมี ได้เลื่อนภพเลื่อนภูมิ ได้มีคนเลี้ยงดู และได้ไปผุดไปเกิดใหม่ได้ ถ้าบุญกุศลเพียงพอ ดังนั้นหลวงปู่จึงคัดเด็กๆที่อยู่ในโอวาท และพร้อมที่จะลงมาสร้างบุญสร้างกุศลให้กับตนเอง โดยมีเด็กๆมากมายที่พร้อมจะลงมา ก็ต้องถูกคัดเลือกก่อน จึงมีเด็กๆ ที่เป็นกุมารมาประจำอยู่ในองค์พระทุกองค์ องค์ล่ะ 1 ตน จะมีทั้งชายและหญิง ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย อายุตั้งแต่ 7-14 ขวบ ทั้งหมด ที่ลงมาประจุในองค์พระของรุ่นนี้ (ซึ่งผมได้ Mail แจ้งให้คุณวุธ ทราบไปตั้ง 2 อาทิตย์แล้วครับ) เพราะไม่อยากให้เอิกเกริก แต่พอมาอ่านที่ท่านโพสกัน ผมกลัวจะสับสน เพราะพูดไปคนล่ะทาง ตามแต่ตัวเองประสบมา ก็เลยแจ้งให้ทราบแบบคร่าวๆ น่ะครับ ผมคงไม่กล้าพูดอะไรมาก บางอย่างก็พูดไม่ได้ บางอย่างก็พอพูดได้ (เพราะเขากำหนดมาให้พูดได้เป็นบางเรื่อง) ไม่สามารถฝืนกฏที่เขากำหนดไว้ เพราะเป็นเรื่องที่รู้เฉพาะตน ไม่สามารถแสดงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ ถ้าท่านรู้จักอาจารย์ หรือผู้ที่สมาธิญาณชั้นสูง หรือหลวงปุ่หรือพ่อที่เก่งๆ ลองเอาพระชุดนี้ไปให้ท่านดูซิครับ ท่านก็รู้ เพียงแต่ว่า เขาจะบอกท่านได้มากน้อยแค่ไหนเท่านั้นครับ ใครมีพระชุดนี้ถือว่าโชคดีมากๆครับ พรายกุมารที่อยู่ในองค์พระ ช่วยท่านได้หลายเรื่องเลยน่ะครับ เพียงแต่ไม่เกินกรรมของท่าน เขาช่วยท่านได้แน่นอนครับ
แต่ทราบหรือไม่ ครับว่า มีวัตถุมงคลที่นอกจากเจตนาการสร้างที่บริสุทธิ์ มวลสารดีเยี่ยม พระที่ปลุกเสกก็ระดับสุดยอดทั้งนั้น ที่แน่ๆ คือ หลวงปู่บัว หลวงปู่นาม หลวงพ่อสาครและหลวงพ่อสิน รวมทั้งพระเกจิเก่งๆ อีกหลายรูป ได้ปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นนี้ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นที่ "สุดยอด" ดีทั้งนอกและในอย่างแท้จริง

มวลสารต่างๆที่ใส่ในพระขุนแผนรุ่นระฆังทอง พอสังเขป
1. ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม จาก 3 ลูกศิษย์
2. น้ำพระพุทธมนต์ที่สรงพระเขี้ยวแก้วจากศรีลังกา
3. น้ำมนต์เดือนเพ็ญที่สรงรูปปั้นหลวงปู่ทิมในคืนลอยกระทง
4. ผงจินดามณีหลวงพ่อเจือ
5. ข้าวตอกพระร่วง
6. ผงจากพระหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส
7. น้ำมันพระเจ้าตาก
8. ผงว่านดอกทอง
9. ผงหลวงพ่อรวย วัดตะโก
10. ผงเถ้าอังคารหลวงปู่ทิม
11. ผงพรายหลวงพ่อแย้ม
12. ผงหลวงพ่อมี
13. ผงว่านมงคล 108
14. ผงหลวงพ่อเกษม
15. ผงหลวงพ่อสุ่น วัดแหลมสิงห์
16. แร่วิเศษ ของทนสิทธ์ต่าง ๆ นำมาตำป่นรวมกัน
17. ผงวิเศษเขาอ้อ ขุนพันธรักษ์ราชเดช
18. ผงจากพระพุทธรูปในพระอุโบสถหลังเก่าของวัดละหารไร่มาเป็นตัวผสม
19. ผงดินในถ้ำขุนแผน เมืองกาญจนบุรี
20. น้ำมนต์ในวิหารหลวงปู่ทิม

พิธีปลุกเสกพระขุนแผนพรายกุมารรุ่น ระฆังทอง และรายชื่อพระที่ปลุกเสก
1. พิธีหล่อระฆังวัดละหารไร่ หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ 16 ม.ค. 2553
2. พิธีที่เมืองกาญจน์ หลวงพ่อพยุงค์ ศิษย์พ่อเฒ่ายิ้ม วัดขุนแผน 25 ก.พ. 2553
3. พิธีเสาร์ห้า วัดหนองกรับ หลวงพ่อสาคร 20 มี.ค. 2553
4. พิธีวัดวังสรรพรส หลวงพ่อฟู วัดบางสมัครและเกจิรวม 9 รูป 8 เม.ย. 2553
5. พิธีวัดน้อยชมภู่ หลวงปู่นาม สุพรรณบุรี 10 เม.ย. 2553 “หลวงปู่นามบอกว่า หลวงปู่ทิมเก่ง ท่านลงมาช่วยทำให้ด้วย พระนี่ดีแล้ว ดีดี”
6. พิธีบวงสรวงพระอาจารย์คง และขุนแผนแสนสะท้านที่วัดแค อ.ชินพรเป็นเจ้าพิธี พระครูปลัดธรรมวงศานุวัตร เจ้าอาวาสวัดแค และพระลูกวัดสวดเจริญพระพุทธมนต์รวม 11 รูป 11 เม.ย. 2553
7. พิธีชินบัญชร ญสส.วัดบวร หลวงพ่อบัว วัดเกาะตะเคียน จ.ตราด ปลุกเสกเดี่ยว 25 พ.ค. 2553
8. พิธีวัดละหารใหญ่ หลวงพ่อสิน ปลุกเสกเดี่ยว 7 วัน 17-23 มิ.ย. 2553
9. พิธีบวงสรวงพระเจ้าตากสินมหาราช ณ.ค่ายตากสิน จ.จันทบุรี พิธีพุทธาภิเษกและเทวาภิเษก หลวงพ่อเขียน วัดกระทิง และพระเกจิต่างๆรวม 32 รูป 24 มิ.ย. 2553
10. พิธีวัดกลางเก่า ต. ตรอกนอง อ.ขลุง จ.จันทบุรี พระครูปภัสสรสุทธิธรรม (เจริญ ปภสฺสโร) เจ้าคณะอำเภอขลุง สายธรรมยุต ศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต 29 มิ.ย.- 7 ก.ค. 2553
*** ตะกรุดทองคำ ปลุกเสกครบ 10 พิธี
• ไม่มีตะกรุด ปลุกเสกตั้งแต่ พิธีเมืองกาญ เป็นต้นมา ( พิธีที่ 2 – 10 )
• ตะกรุดเงิน (เพื่อนกด) ปลุกเสก พิธีเสาร์ 5 เรื่อยมา ( พิธีที่ 3 – 10 )
• ตะกรุดเงิน(เพื่อนกด) ตอกโค๊ต ส ที่ตะกรุด ปลุกเสก พิธีวัดวังสรรพรส เรื่อยมา ทาน้ำมันอาถรรพ์ไว้ทุกองค์ นำผงเสาร์ 5 มาเป็นส่วนผสม( พิธีที่ 4 – 10 )
• ตะกรุดเงิน โค๊ตฝังที่ใต้ขอบ (วุธจันทบุรีกดพิมพ์) ปลุกเสก พิธีวัดวังสรรพรสเรื่อยมา นำผงเสาร์ 5 มาเป็นส่วนผสม( พิธีที่ 4 – 10 )
• ชุดบรอนซ์ 3 กษัตริย์ ตอกโค๊ตตัวทที่กล่องทุกกล่อง ตอกโค๊ตเมล็ดงาตัว ยะ ที่ตะกรุดทุกองค์ เข้าพิธีวัดวังสรพพรสเป็นปฐมฤกษ์( พิธีที่ 4 – 10 )
• ขุนแผนชุดสีสรรค์ มีทั้งตะกรุดทองคำ และ ตะกรุดเงิน มีทั้งหลังยันต์ออริจินัล และ หลังยันต์รุ่นใหม่ ทำไว้แจกผู้ร่วมช่วยเหนื่อยด้วยแรงกาย ปลุกเสกตั้งแต่เมืองกาญเป็นต้นมา( พิธีที่ 2 – 10 ) พระชุดนี้มีจำนวนไม่มาก ทุนตะกรุดทองเป็นส่วนตัวผม กะว่าเหลือจากแจกฟรีแล้วก็จะนำมาให้ทำบุญเข้าวัด น่าจะเป็นวัดหลวงปู่นาม
• ส่วนขุนแผนชุดสองหน้าทั้งเงินและทองแดง เข้าพิธีวัดวังสรพพรสเป็นปฐมเรื่อยมา( พิธีที่ 4 – 10 )

จำนวนการสร้างพระขุนแผนรุ่นระฆังทอง มีดังนี้
1. ขุนแผนไม่มีตะกรุด จำนวนการสร้าง 920 องค์
2. ขุนแผนตะกรุดทองแดง จำนวนการสร้าง 500 องค์
3. ขุนแผนชุดบรอนซ์ 3 กษัตริย์ ใส่ตะกรุดทองแดง บรอนซ์ ทองคำ เงิน นาค สร้าง 100 ชุด 1 ชุด 3 องค์ จำนวนการสร้าง 300 องค์(สามกษัตริย์) มวลสารเข้มข้น ผสมว่านดอกทอง
4. ขุนแผนตะกรุดเงิน จำนวนการสร้าง 392 องค์ มวลสารเข้มข้น
5. ขุนแผนตะกรุดทองคำ จำนวนการสร้าง 333 องค์
6. ขุนแผนพิมพ์ 2 หน้า ตะกรุดเงิน จำนวนการสร้าง 108 องค์
7. ตะกรุดทองแดง พิมพ์ 2 หน้า จำนวนการสร้าง 48 องค์ เป็นส่วนหนึ่งในการแจกฟรีสำหรับผู้ช่วยค่าบล็อค และ ผู้ที่ส่งมวลสารมาช่วย)

###ปิดรายการนี้###

 

รายการที่ 25 ขุนแผน 3 มหาเฮี้ยนนางอกแตก ขนาด 2.8x3.8 ซ.ม.
ด้านหลังฝังบรรจุตะกรุด 1 ดอก

มวลสารอาถรรพณ์วิเศษ ที่นำมาสร้าง พระขุนแผน รุ่นนี้ประกอบด้วย

ผงขี้เถ้าเด็กตายวันเสาเผาวันอังคาร ผงมหาภูติเป็นของอาจารย์ฆราวาสฝ่ายเขมร (เป็นผงที่มีคุณค่าทางมหาเสน่ห์สูงสุด ผงนี้ปลิวไปบ้านใคร คนในบ้านนั้นรักเราทั้งบ้าน) ผงมหาละลวย ว่ากันว่า ขูดผงนี้ ให้สาวกินคำว่าไม่สำเร็จไม่มี ผงตะกอนจาก การหุงสีผึ้งเมตตา 7 ราตรี ว่านมหาเสน่ห์อีก 108 ชนิด อาทิเช่น ว่านเจ้าชู้,ว่านตามชู้,ว่านจูงนาง,ว่านนางล้อม,ว่านขุนแผน,ว่านมหาเสน่ห์,ว่านกาหลง,ว่านดอกไม้ทอง ที่มีส่วนผสมมากที่สุด ในการสร้างขุนแผน รุ่นนี้ นำมวลสารนี้มากดพิมพ์ เป็นขุนแผนเจ้าชู้ 3 มหาเฮี้ยนนางอกแตก หลวงพ่อกอย ท่านได้ทำพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกลงอาคม ในฤกษ์ แห่ง มหาเมตตา มหาเสน่ห์มิรู้สิ้น จะเป็นที่นิยมก้องกังวานไกล กระแสแห่ง ความเมตตา มหาเสน่ห์สว่างไสวสุดพรรณา ท่านได้ตั้งธาตุ เรียกธาตุ ลงอาการ 32 ลงอักขระ 16 ลงหัวใจ 108 ลงมหานิยม 108 ลงมหาเสน่ห์ 108 ลงนะผูก จิตลงนะผูกใจ ลงนะเรียกคน นะสำเร็จ ลงด้วย นะมหาเสน่ห์มิรู้สิ้น มนต์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดนี้ ทำให้ คนลุ่มหลงรุมรัก จนหมดหัวใจ การปลุกเสกนี้เพื่อเป็น การบรรจุกระแสจิตโดยอำนาจ พระคาถา และ มนต์ตราลงไปใ นขุนแผนเจ้าชู้ 3มหาเฮี้ยน เพื่อให้เกิดมโนมหิทธิ อธิษฐานจิต ให้ขุนแผนบังเกิดอิทธิฤทธิ์ในทางเมตตามหาเสน่ห์ ดำเนินไป ตามหลักของ กสิณ ทำให้เกิดนิมิตเห็นสาวสวยครวญถวิลอาวรณ์หาชายคนรัก ปานว่าจะอกแตกตายร้อนรนอยู่มิได้ ถือว่าเป็นการปลุกเสกตาม หลักวิชาอันศักดิ์สิทธิ์ และ หลังจากนั้นได้นำมา แช่น้ำมันพรายหัวใจสตรี และ ลงอักขระนะอกแตกเพิ่มความขลังทุกๆองค์ ทำให้เกิด เมตตาตลอดเวลา เห็นหน้าก็ ใจอ่อน เป็นของจริง ของแรง ใช้ได้ผลเร็วขอให้มี เชื่อมั่นพุทธคุณใช้ใน เรื่องเมตตา มหาเสน่ห์เป็นยอดอันเป็นผล ให้เป็นที่จับจิตหลงใหลเสน่ห์แก่เพศตรงข้าม ค้าขายดีด้วยถ้าผู้ใดได้พกขุนแผนรุ่นนี้คิดจะรักใครไม่มีคำว่า.ผิดหวังให้เห็น. บูชาได้ทั้งหญิงและชาย

พระคาถาบูชา

ตั้งนะโม 3 จบ นะเมตตา โมกรุณา พุทปรานี ธายินดี ยะเอ็นดู นะโมพุทธายะ สุนะโมโล มานิมามา
ก่อนออกจากบ้านให้นำขุนแผนมาแตะหน้าผากท่องคาถา 7 จบ

###ปิดรายการนี้###

 

รายการที่ 26 พระเนื้อผง หลวงพ่อแสง หลังเจดีย์ พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดมณีชลขันธ์ ปี 2518

เมื่อเอ่ยถึง "วัดมณีชลขัณฑ์" จ.ลพบุรี ทำให้หวนนึกถึง "หลวงพ่อแสง" หรือ "หลวงปู่แสง" อดีตพระคณาจารย์ชื่อดัง ปัจจุบันวัตถุมงคลเอกลักษณ์ท่านได้รับความนิยมหลายพิมพ์หลากรุ่น

"หลวงปู่แสง" ถูกกล่าวขวัญถึงในเรื่องการจัดสร้างพระเจดีย์เก่าแก่แห่งวัดมณีชลขัณฑ์ เป็นพระเจดีย์ทรงไม้สิบสองเหลี่ยม สีขาว สูงตระหง่านเสียดฟ้า ภาพของพระเจดีย์ที่ตัดกับขอบฟ้าครามยามหน้าหนาว ลุเข้าสู่ฤดูกาลลมร้อนพัดผ่าน เกิดเป็นภาพสวยงามยิ่งนัก แต่มุมมองของภาพพระเจดีย์ที่ตัดกับขอบฟ้าหน้าฝนที่มีกลุ่มเมฆทะมึนเต็มท้องฟ้า มีประกายสายฟ้าพาดผ่านเมฆเป็นระยะๆ ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก

ชาวเมืองลพบุรีเชื่อกันว่าเป็นเพราะภาพที่เห็นเป็นพลังความศรัทธาที่ชาวเมืองลพบุรีได้เห็นกันมาตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีประวัติและเกิดเป็นตำนานแห่งการสืบทอดต่อลูกหลานถึงปัจจุบัน

วัดมณีชลขัณฑ์ หรือแต่ก่อนนั้นชาวเมืองลพบุรีเรียกกันแต่เดิมว่า "วัดเกาะแก้ว" เหตุแห่งการเรียกขานยึดเอาลักษณะของภูมิประเทศก่อเกิดที่กลางท้องทุ่งพรหมาสตร์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี แต่วัดเกาะแก้วก็มิได้มีประวัติบันทึกเอาไว้ว่าได้ก่อตั้งมาแต่เมื่อใด ต่อมาทางราชการได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดมณีชลขัณฑ์" ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงถึงปัจจุบัน

"พระเจดีย์หลวงปู่แสง" ตามหลักฐานนั้นต้องมีและเกิดก่อนวัดมณีชลขัณฑ์แน่นอน ตามที่มีการเล่าขานสืบทอดกันต่อๆ มาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลวงปู่แสงและสมเด็จพระ พุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งท่านได้เมตตาเล่าสู่เหล่าศิษย์ได้รับฟัง และได้มีการเล่าขานสืบต่อๆ มาว่า

ในขณะที่หลวงปู่แสง พระอาจารย์ของสมเด็จโต ได้บำเพ็ญจิตตภาวนาอยู่ที่วัดชีป่า ซึ่งปัจจุบันคือ "วัดชีป่าสิตาราม" ท่านได้ก่อสร้างพระเจดีย์ที่เกาะแก้ว ตามคำบอกทางนิมิตของรุกขเทวดา ให้ท่านไปสร้างพระเจดีย์ครอบครองดวงแก้วมณีโชติ ที่เกาะกลางท้องทุ่งพรหมาสตร์ สมเด็จโตยังได้รับการถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติภาวนาและพุทธาคมจากหลวงปู่แสงอีกด้วย

ด้านประวัติที่มีการบ่งบอกเกี่ยวกับการสร้างพระเจดีย์ของหลวงปู่แสง ตามพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวเสด็จประพาสมณฑลอยุธยาเมื่อปีขาล พุทธศักราช 2421 ความว่า "ขรัวแสงคนทั้งปวงนับถือกันว่าเป็นผู้มีวิชา เดินตั้งแต่เมืองลพบุรีเช้าลงไปฉันเพลที่กรุงเทพฯ เป็นคนกว้างขวางเจ้านายขุนนางรู้จักหมด ได้สร้างพระเจดีย์สูงไว้องค์หนึ่งที่วัดเกาะแก้ว ตัวไม่ได้อยู่วัดนี้ หน้าเข้าพรรษาอยู่ที่วัดอื่น ออกพรรษาแล้วมาปลูกโรงอยู่ริมพระเจดีย์ ซึ่งก่อเองไม่ยอมให้คนอื่นช่วยเหลือ ราษฎรที่นับถือพากันเรี่ยไรอิฐ ปูน พระเจดีย์องค์นี้เจ้าของกระทำแล้วเสร็จตลอดไปหรือที่จะพึ่งผู้อื่นช่วยเหลือเมื่อตายแล้วไม่ได้ถามดู ของเธอก็สูงดีอยู่"

หลวงปู่แสงท่านรอบรู้ทางด้านวิชาอาคมยิ่งนัก มีหลักฐานได้บันทึกไว้เช่นกัน ในหนังสือคำชมโบราณสถานของกรมศิลปากรยังได้กล่าวถึงคุณวิเศษความว่า "พระอาจารย์แสงเดิมอยู่ที่วัดชีป่า ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นผู้วิเศษทางด้านวิปัสสนา ได้เที่ยวธุดงค์ไปถึงเมืองหงสาวดี นับได้ว่าชาวเมืองลพบุรีเลื่อมใสศรัทธาเป็นผู้ที่มีคุณวิเศษแท้จริง"

หลวงพ่อแสง ท่านรอบรู้ทางด้านวิชาอาคมยิ่งนัก มีหลักฐานได้บันทึกไว้เช่นกัน ในหนังสือคำชมโบราณสถานของกรมศิลปากรยังได้กล่าวถึงคุณวิเศษความว่า "พระอาจารย์แสง เดิมอยู่ที่วัดชีป่า ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นผู้วิเศษทางด้านวิปัสสนา ได้เที่ยวธุดงค์ไปถึงเมืองหงสาวดี นับได้ว่าชาวเมืองลพบุรี เลื่อมใสศรัทธาเป็นผู้ที่มีคุณวิเศษแท้จริง"

จากประวัติและตำนานแห่งการเล่าขานในอดีตปัจจุบัน ได้ปรากฏรูปธรรมของท่านอย่างชัดเจน กล่าวคือผู้คนในยุคหลังได้มีโอกาสได้กราบไหว้องค์จำลองของท่านรวมทั้งยังได้มีโอกาสนำเอารูปเคารพ ที่เรียกกันว่าวัตถุมงคลของท่านนำไปบูชาติดตัว ปกป้องคุ้มครอง เพื่อความเป็นสิริมงคลในทุกๆ ด้าน

ถึงท่านจะเป็นพระคณาจารย์รุ่นเก่า แต่รูปเหมือนหลวงพ่อแสงปรากฏเป็นรูปธรรมครั้งแรกเมื่อปี 2506 ณ วัดชีป่าสิตาราม และเมื่อปี 2529 รูปเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของท่านปรากฏเป็นรูปธรรมที่วัดมณีชลขัณฑ์ ปัจจุบันประดิษฐานภายในวิหารเคียงข้างพระเจดีย์ มีพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไป เคารพกราบไหว้ขอพร ประสบกับความสำเร็จ ประสบการณ์นั้นมีอยู่มากมายที่เกิดขึ้นด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ของท่าน

วัตถุมงคลในรูปลักษณ์ของหลวงพ่อแสง ปรากฏเอกลักษณ์รูปแบบเหรียญครั้งแรกก็คือ "เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแสงปี 2511" วัดชีป่าสิตาราม จังหวัดลพบุรี มีเนื้อโลหะ เนื้อเงินตอกโค้ด เนื้ออัลปาก้า และเนื้อทองแดงผิวไฟ

จนถึงปี 2518 ได้มีการจัดสร้างพระเนื้อผงหลวงพ่อแสง และปี 2529 ได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลในนามของหลวงพ่อแสงอีกครั้งหนึ่ง ประกอบด้วย รูปเหมือนลอยองค์เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแสงเนื้อทองคำ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และเนื้อทองแดงรมดำ ซึ่งวัตถุมงคลทั้งหมด ได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษกอย่าง ถูกต้อง ตามตำรับโบราณ และพระคณาจารย์ที่อธิษฐานปลุกเสกแต่ละคราวนั้น เป็นพระที่มีชื่อเสียง มีมนต์ขลังทางด้านพุทธาคมแห่งยุคทั้งสิ้น

เมื่อปี 2537 วัตถุมงคลในนามของหลวงพ่อแสงเกิดขึ้นอีกครั้ง ณ วัดชีป่าสิตาราม ที่นิยมก็คือ พระรูปเหมือนหลวงพ่อแสง นักสะสมเรียกว่า "รูปหล่อรุ่น ขุดสระ" วัตถุมงคลรุ่นนี้ได้เกิดประสบการณ์ต่อผู้บูชามากมาย

สำหรับวัตถุมงคลที่นิยมมากๆ สร้างขึ้นเมื่อปี 2503 เป็นเหรียญรูปไข่ด้านหนึ่งเป็นรูปพระพุทธปางห้ามสมุทร มีข้อความเขียนว่า "หลวงพ่อแสง ปี ๒๕๐๓" อีกด้านหนึ่งเป็นรูปพระเจดีย์ เขียนว่า "เจดีย์หลวง พ่อแสงลบบุรี" จุดสังเกตคำว่า "ลพบุรี" แกะบล็อกผิดเป็น "ลบบุรี" ปัจจุบันสนนราคายังไม่สูงมากนัก แต่หายากมาก ว่ากันว่าพลานุภาพเปี่ยมล้นเรื่องโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

นับเป็นสิ่งมงคลพุทธคุณขลังอีกรุ่น

###ปิดรายการนี้###

 

รายการที่ 27 พระเนื้อผง หลวงพ่อแสง หลังเจดีย์ พิมพ์สี่เหลี่ยม วัดมณีชลขันธ์ ปี 2518

มื่อเอ่ยถึง "วัดมณีชลขัณฑ์" จ.ลพบุรี ทำให้หวนนึกถึง "หลวงพ่อแสง" หรือ "หลวงปู่แสง" อดีตพระคณาจารย์ชื่อดัง ปัจจุบันวัตถุมงคลเอกลักษณ์ท่านได้รับความนิยมหลายพิมพ์หลากรุ่น

"หลวงปู่แสง" ถูกกล่าวขวัญถึงในเรื่องการจัดสร้างพระเจดีย์เก่าแก่แห่งวัดมณีชลขัณฑ์ เป็นพระเจดีย์ทรงไม้สิบสองเหลี่ยม สีขาว สูงตระหง่านเสียดฟ้า ภาพของพระเจดีย์ที่ตัดกับขอบฟ้าครามยามหน้าหนาว ลุเข้าสู่ฤดูกาลลมร้อนพัดผ่าน เกิดเป็นภาพสวยงามยิ่งนัก แต่มุมมองของภาพพระเจดีย์ที่ตัดกับขอบฟ้าหน้าฝนที่มีกลุ่มเมฆทะมึนเต็มท้องฟ้า มีประกายสายฟ้าพาดผ่านเมฆเป็นระยะๆ ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก

ชาวเมืองลพบุรีเชื่อกันว่าเป็นเพราะภาพที่เห็นเป็นพลังความศรัทธาที่ชาวเมืองลพบุรีได้เห็นกันมาตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีประวัติและเกิดเป็นตำนานแห่งการสืบทอดต่อลูกหลานถึงปัจจุบัน

วัดมณีชลขัณฑ์ หรือแต่ก่อนนั้นชาวเมืองลพบุรีเรียกกันแต่เดิมว่า "วัดเกาะแก้ว" เหตุแห่งการเรียกขานยึดเอาลักษณะของภูมิประเทศก่อเกิดที่กลางท้องทุ่งพรหมาสตร์ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี แต่วัดเกาะแก้วก็มิได้มีประวัติบันทึกเอาไว้ว่าได้ก่อตั้งมาแต่เมื่อใด ต่อมาทางราชการได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดมณีชลขัณฑ์" ได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงถึงปัจจุบัน

"พระเจดีย์หลวงปู่แสง" ตามหลักฐานนั้นต้องมีและเกิดก่อนวัดมณีชลขัณฑ์แน่นอน ตามที่มีการเล่าขานสืบทอดกันต่อๆ มาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลวงปู่แสงและสมเด็จพระ พุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งท่านได้เมตตาเล่าสู่เหล่าศิษย์ได้รับฟัง และได้มีการเล่าขานสืบต่อๆ มาว่า

ในขณะที่หลวงปู่แสง พระอาจารย์ของสมเด็จโต ได้บำเพ็ญจิตตภาวนาอยู่ที่วัดชีป่า ซึ่งปัจจุบันคือ "วัดชีป่าสิตาราม" ท่านได้ก่อสร้างพระเจดีย์ที่เกาะแก้ว ตามคำบอกทางนิมิตของรุกขเทวดา ให้ท่านไปสร้างพระเจดีย์ครอบครองดวงแก้วมณีโชติ ที่เกาะกลางท้องทุ่งพรหมาสตร์ สมเด็จโตยังได้รับการถ่ายทอดแนวทางปฏิบัติภาวนาและพุทธาคมจากหลวงปู่แสงอีกด้วย

ด้านประวัติที่มีการบ่งบอกเกี่ยวกับการสร้างพระเจดีย์ของหลวงปู่แสง ตามพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อคราวเสด็จประพาสมณฑลอยุธยาเมื่อปีขาล พุทธศักราช 2421 ความว่า "ขรัวแสงคนทั้งปวงนับถือกันว่าเป็นผู้มีวิชา เดินตั้งแต่เมืองลพบุรีเช้าลงไปฉันเพลที่กรุงเทพฯ เป็นคนกว้างขวางเจ้านายขุนนางรู้จักหมด ได้สร้างพระเจดีย์สูงไว้องค์หนึ่งที่วัดเกาะแก้ว ตัวไม่ได้อยู่วัดนี้ หน้าเข้าพรรษาอยู่ที่วัดอื่น ออกพรรษาแล้วมาปลูกโรงอยู่ริมพระเจดีย์ ซึ่งก่อเองไม่ยอมให้คนอื่นช่วยเหลือ ราษฎรที่นับถือพากันเรี่ยไรอิฐ ปูน พระเจดีย์องค์นี้เจ้าของกระทำแล้วเสร็จตลอดไปหรือที่จะพึ่งผู้อื่นช่วยเหลือเมื่อตายแล้วไม่ได้ถามดู ของเธอก็สูงดีอยู่"

หลวงปู่แสงท่านรอบรู้ทางด้านวิชาอาคมยิ่งนัก มีหลักฐานได้บันทึกไว้เช่นกัน ในหนังสือคำชมโบราณสถานของกรมศิลปากรยังได้กล่าวถึงคุณวิเศษความว่า "พระอาจารย์แสงเดิมอยู่ที่วัดชีป่า ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี เป็นผู้วิเศษทางด้านวิปัสสนา ได้เที่ยวธุดงค์ไปถึงเมืองหงสาวดี นับได้ว่าชาวเมืองลพบุรีเลื่อมใสศรัทธาเป็นผู้ที่มีคุณวิเศษแท้จริง"

หลวงพ่อแสง ท่านรอบรู้ทางด้านวิชาอาคมยิ่งนัก มีหลักฐานได้บันทึกไว้เช่นกัน ในหนังสือคำชมโบราณสถานของกรมศิลปากรยังได้กล่าวถึงคุณวิเศษความว่า "พระอาจารย์แสง เดิมอยู่ที่วัดชีป่า ต.ทะเลชุบศร อ.เมือง จ.ลพบุรี เป็นผู้วิเศษทางด้านวิปัสสนา ได้เที่ยวธุดงค์ไปถึงเมืองหงสาวดี นับได้ว่าชาวเมืองลพบุรี เลื่อมใสศรัทธาเป็นผู้ที่มีคุณวิเศษแท้จริง"

จากประวัติและตำนานแห่งการเล่าขานในอดีตปัจจุบัน ได้ปรากฏรูปธรรมของท่านอย่างชัดเจน กล่าวคือผู้คนในยุคหลังได้มีโอกาสได้กราบไหว้องค์จำลองของท่านรวมทั้งยังได้มีโอกาสนำเอารูปเคารพ ที่เรียกกันว่าวัตถุมงคลของท่านนำไปบูชาติดตัว ปกป้องคุ้มครอง เพื่อความเป็นสิริมงคลในทุกๆ ด้าน

ถึงท่านจะเป็นพระคณาจารย์รุ่นเก่า แต่รูปเหมือนหลวงพ่อแสงปรากฏเป็นรูปธรรมครั้งแรกเมื่อปี 2506 ณ วัดชีป่าสิตาราม และเมื่อปี 2529 รูปเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของท่านปรากฏเป็นรูปธรรมที่วัดมณีชลขัณฑ์ ปัจจุบันประดิษฐานภายในวิหารเคียงข้างพระเจดีย์ มีพุทธศาสนิกชนและประชาชนทั่วไป เคารพกราบไหว้ขอพร ประสบกับความสำเร็จ ประสบการณ์นั้นมีอยู่มากมายที่เกิดขึ้นด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ของท่าน

วัตถุมงคลในรูปลักษณ์ของหลวงพ่อแสง ปรากฏเอกลักษณ์รูปแบบเหรียญครั้งแรกก็คือ "เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแสงปี 2511" วัดชีป่าสิตาราม จังหวัดลพบุรี มีเนื้อโลหะ เนื้อเงินตอกโค้ด เนื้ออัลปาก้า และเนื้อทองแดงผิวไฟ

จนถึงปี 2518 ได้มีการจัดสร้างพระเนื้อผงหลวงพ่อแสง และปี 2529 ได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลในนามของหลวงพ่อแสงอีกครั้งหนึ่ง ประกอบด้วย รูปเหมือนลอยองค์เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแสงเนื้อทองคำ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง และเนื้อทองแดงรมดำ ซึ่งวัตถุมงคลทั้งหมด ได้ผ่านพิธีพุทธาภิเษกอย่าง ถูกต้อง ตามตำรับโบราณ และพระคณาจารย์ที่อธิษฐานปลุกเสกแต่ละคราวนั้น เป็นพระที่มีชื่อเสียง มีมนต์ขลังทางด้านพุทธาคมแห่งยุคทั้งสิ้น

เมื่อปี 2537 วัตถุมงคลในนามของหลวงพ่อแสงเกิดขึ้นอีกครั้ง ณ วัดชีป่าสิตาราม ที่นิยมก็คือ พระรูปเหมือนหลวงพ่อแสง นักสะสมเรียกว่า "รูปหล่อรุ่น ขุดสระ" วัตถุมงคลรุ่นนี้ได้เกิดประสบการณ์ต่อผู้บูชามากมาย

สำหรับวัตถุมงคลที่นิยมมากๆ สร้างขึ้นเมื่อปี 2503 เป็นเหรียญรูปไข่ด้านหนึ่งเป็นรูปพระพุทธปางห้ามสมุทร มีข้อความเขียนว่า "หลวงพ่อแสง ปี ๒๕๐๓" อีกด้านหนึ่งเป็นรูปพระเจดีย์ เขียนว่า "เจดีย์หลวง พ่อแสงลบบุรี" จุดสังเกตคำว่า "ลพบุรี" แกะบล็อกผิดเป็น "ลบบุรี" ปัจจุบันสนนราคายังไม่สูงมากนัก แต่หายากมาก ว่ากันว่าพลานุภาพเปี่ยมล้นเรื่องโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

นับเป็นสิ่งมงคลพุทธคุณขลังอีกรุ่น

###ปิดรายการนี้###

 

สนใจรายการไหนโทรสอบถามได้ครับ 0897466318

 

รายการที่ 28 พระโพธิสัตว์กวนอิม อ.หม่อมเนื้อสีแดง หายาก

พระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก ที่ใหญ่ที่สุด ของเมืองศรีสะเกษ
เมื่อ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์
ของเมืองศรีสะเกษ อีกวันหนึ่ง เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิ
ราช สยามมกุฏราชกุมาร พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์
พระวรชายา ฯ เสด็จมาเป็น ประธานในพระราชพิธี มหาพุทธาภิเษก
วัตถุมงคล พระโพธิสัตว์กวนอิม มหาโพธิสัตว์ สุขาวดีภูมิไตรโลกาโลกนาถ
อ.หม่อมเนื้อสีแดง
ส่วนประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์นั้น ได้รับความอนุเคราะห์จาก พระพรหมวชิรญาณ
( ประสิทธิ์ เขมังกโร ) กรรมการมหาเถรสมาคม และ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา
กรุงเทพฯ
ส่วนเจ้าพิธีพุทธาภิเษก ฝ่ายสงฆ์นั้น คือ หลวงปู่เกลี้ยง วัดบ้านโนนแกด
อำเภอเมืองและ เจ้าพิธีฝ่ายฆราวาส นั้นคือ นายจักรพรรดิ โพธิสัตว์ทองคำ
( อาจารย์หม่อม ) ตามประวัติ วัดหนองตะเคียน เป็นวัดเก่าแก่ สร้างประมาณ
สมัยกรุงศรีอยุธยาต่อมาได้มีการบูรณะและขยายพื้นที่ใหญ่ขึ้น จนกระทั่ง
อาจารย์หม่อม สามารถเข้าสมาธิย้อนอดีต ทำให้ทราบว่า วัดนี้ เป็นวัดสำคัญ
ทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้เคยพาไพร่พล
มาพักทัพที่นี่ สมัยกำลังกอบกู้เอกราชของชาติไทยเรา จึงได้สร้างอนุสาวรีย์
พระเจ้าตากไว้ที่วัดนี้ ถือเป็นพิธีที่ใหญ่ที่สุดของเมืองศรีสะเกษ เท่าที่เคยมีมา
มหาโพธิสัตว์กวนอิม มหาโพธิสัตว์สุขาวดีภูมิไตรโลกาโลกนาถ อ.หม่อม
มหาพุทธาภิเษกพิธีที่ใหญ่ที่สุดของจ.ศรีสะเกษ แจกทหาร ตำรวจ ข้าราชการ
อาสาสมัคร เท่านั้นพิธีมหาพุทธาภิเษก วัตถุมงคล วัตถุมงคล
" พระโพธิสัตว์กวนอิม มหาโพธิสัตว์ สุขาวดีภูมิไตรโลกาโลกนาถ
" ที่วัดบ้านหนองตะเคียน ตำบลจาน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
พระเกจิอาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก อาทิ
1. หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมพู ,
2. หลวงปู่จันทร์หอม วัดบุ่งขี้เหล็ก ,
3. หลวงปู่ทองวรรณ วัดปากโดม ,
4. หลวงปู่ดี วัดสร้างแก้วใต้,
5. หลวงปู่หมี ปัญญาทโร ,
6. หลวงพ่อสายทอง วัดพรหมนิวาสวรวิหาร,
7. หลวงปู่นอง ธัมมโชโต วัดวังสีทอง,
8. หลวงพ่อสมจิตร วัดบ้านด่าน (ศิษย์เอกหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน)
9. หลวงปู่สำราญ อนุตตโร วัดหนองบอน

เปิดบูชา 250 บาท (ราคารวมค่าจัดส่ง EMS แล้ว)

 

รายการที่ 29 พระโพธิสัตว์กวนอิม อ.หม่อมเนื้อสีแดง หายาก

พระราชพิธีมหาพุทธาภิเษก ที่ใหญ่ที่สุด ของเมืองศรีสะเกษ
เมื่อ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์
ของเมืองศรีสะเกษ อีกวันหนึ่ง เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิ
ราช สยามมกุฏราชกุมาร พร้อมด้วย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์
พระวรชายา ฯ เสด็จมาเป็น ประธานในพระราชพิธี มหาพุทธาภิเษก
วัตถุมงคล พระโพธิสัตว์กวนอิม มหาโพธิสัตว์ สุขาวดีภูมิไตรโลกาโลกนาถ
อ.หม่อมเนื้อสีแดง
ส่วนประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์นั้น ได้รับความอนุเคราะห์จาก พระพรหมวชิรญาณ
( ประสิทธิ์ เขมังกโร ) กรรมการมหาเถรสมาคม และ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา
กรุงเทพฯ
ส่วนเจ้าพิธีพุทธาภิเษก ฝ่ายสงฆ์นั้น คือ หลวงปู่เกลี้ยง วัดบ้านโนนแกด
อำเภอเมืองและ เจ้าพิธีฝ่ายฆราวาส นั้นคือ นายจักรพรรดิ โพธิสัตว์ทองคำ
( อาจารย์หม่อม ) ตามประวัติ วัดหนองตะเคียน เป็นวัดเก่าแก่ สร้างประมาณ
สมัยกรุงศรีอยุธยาต่อมาได้มีการบูรณะและขยายพื้นที่ใหญ่ขึ้น จนกระทั่ง
อาจารย์หม่อม สามารถเข้าสมาธิย้อนอดีต ทำให้ทราบว่า วัดนี้ เป็นวัดสำคัญ
ทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้เคยพาไพร่พล
มาพักทัพที่นี่ สมัยกำลังกอบกู้เอกราชของชาติไทยเรา จึงได้สร้างอนุสาวรีย์
พระเจ้าตากไว้ที่วัดนี้ ถือเป็นพิธีที่ใหญ่ที่สุดของเมืองศรีสะเกษ เท่าที่เคยมีมา
มหาโพธิสัตว์กวนอิม มหาโพธิสัตว์สุขาวดีภูมิไตรโลกาโลกนาถ อ.หม่อม
มหาพุทธาภิเษกพิธีที่ใหญ่ที่สุดของจ.ศรีสะเกษ แจกทหาร ตำรวจ ข้าราชการ
อาสาสมัคร เท่านั้นพิธีมหาพุทธาภิเษก วัตถุมงคล วัตถุมงคล
" พระโพธิสัตว์กวนอิม มหาโพธิสัตว์ สุขาวดีภูมิไตรโลกาโลกนาถ
" ที่วัดบ้านหนองตะเคียน ตำบลจาน อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ
พระเกจิอาจารย์ร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสก อาทิ
1. หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมพู ,
2. หลวงปู่จันทร์หอม วัดบุ่งขี้เหล็ก ,
3. หลวงปู่ทองวรรณ วัดปากโดม ,
4. หลวงปู่ดี วัดสร้างแก้วใต้,
5. หลวงปู่หมี ปัญญาทโร ,
6. หลวงพ่อสายทอง วัดพรหมนิวาสวรวิหาร,
7. หลวงปู่นอง ธัมมโชโต วัดวังสีทอง,
8. หลวงพ่อสมจิตร วัดบ้านด่าน (ศิษย์เอกหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน)
9. หลวงปู่สำราญ อนุตตโร วัดหนองบอน



###ปิดรายการนี้###

 

แจ้งการโอนเงินที่อยู่ตาม PM ครับ

 

วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556 เวลาประมาณ 9:00 น. ขอเชิญร่วมงานหล่อทองเหลือง สมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ หน้าตัก 109 นิ้ว ที่ โรงหล่อพระพุทธรังษีปฎิมา อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อเป็นมหาบุญ มหากุศล และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสามแดนโลกธาตุ

หลวงตาม้า (พระอาจารย์ วรงคต วิริยะธโร) เป็นประธานในการจัดสร้างฝ่ายสงฆ์ และเป็นองค์ประธานในพิธีหล่อ ท่านสามารถมาร่วมงานบุญใหญ่ในครั้งนี้ได้จักเป็นมหากุศลยิ่งนัก และในงานมีการแจกพระผงจักรพรรดิ เหรียญพระโลหะ และ สวดจักรพรรดิตลอดงาน

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมและแผนที่
ท่านสามารถคลิ๊กเข้าไปดูได้ที่ลิงก์นี้
วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556 หล่อสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ 109 นิ้ว ณ โรงหล่อ อ.ลาดหลุมแก้ว

ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมงานบุญใหญ่หล่อพระในครั้งนี้ด้วยกันเพื่อเป็นมงคลต่อชีวีตและเป็นเสบียงบุญติดตัวไปตราบนานเท่านาน...

ผู้ที่ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมจะมีอานิสงส์ ดังนี้ คือ

๑.เป็นผู้ถึงซึ่งพุทธานุสติ
๒.เป็นผู้ปิดอบายภูมิ
๓.เป็นผู้เจริญด้วยมนุษย์สมบัติ, สวรรค์สมบัติ, นิพพานสมบัติ
๔.เป็นผู้มีปัญญาและสมาธิมั่นคง
๕.เป็นผู้มีความเจริญก้าวหน้าในกิจการทั้งปวง
๖.เป็นผู้มีฐานะมั่นคง
๗.เป็นผู้ที่ไม่มีการถอยหลังแก่ทางโลกและทางธรรม
๘.เป็นผู้สมบูรณ์แก่ฐานะอันเจริญ คือ ญาติ และบริวาร
๙.เป็นผู้เป็นที่รักแก่มนุษย์ อมนุษย์ และเทวดา
๑๐.เป็นผู้สร้างแสงสว่างแก่สรรพสัตว์

หน้า facebook ของงานหล่อสามารถเข้าไปเพิ่มคนที่ท่านอยากจะเชิญชวนหรือบอกบุญในหน้านี้ตาม Link นี้ได้ คลิ๊ก
https://www.facebook.com/events/495602590494640/

รายได้ส่วนหนึ่งที่ทุกท่านได้บูชาวัตถุมงคลผมได้นำไปร่วมทำบุญสร้างพระมหาจักรพรรดิหน้าตัก 109 นิ้วในวันพรุ่งนี้ด้วยครับ ขอทุกท่านอนุโมทนาบุญร่วมกันครับ

 

วันนี้ผมได้นำถาดทองเหลืองและแผ่นทองเหลืองนำไปร่วมหล่อพระมหาจักรพรรดิหน้าตัก 109 นิ้วเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาพร้อมทั้งร่วมถวายปัจจัยจำนวนหนึ่งเพื่อร่วมในงานบุญเพื่อสืบพระพุทธศาสนากับหลวงตาม้ามาผมขอเชิญทุกๆท่านร่วมอนุโมทนาบุญ ร่วมกันครับ

 

รายการนี้จองนะครับ

 

รับทราบการจองครับ

 

รายการที่ 30 เนื้อผงหลวงปู่ศรี มหาวีโร

เปิดบูชา 300 บาท (ราคารวมค่าจัดส่ง EMS แล้ว)