คลังเรื่องเด่น
-
พุทธานุสติกรรมฐาน (หลวงพ่อเทศน์โปรดเทวดาครั้งแรก)สนุกมาก
พุทธานุสติกรรมฐาน (หลวงพ่อเทศน์โปรดเทวดาครั้งแรก)ที่ดาวดึงส์
Tanat Tonguthaisri :-
Published on Mar 8, 2013
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร)
วัดจันทาราม (ท่าซุง)
พุทธานุสติกรรมฐาน
หลวงพ่อเทศน์โปรดเทวดา นางฟ้า บนดาวดึงส์ครั้งแรก -
"สติปัญญาอัตโนมัติ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"สติปัญญาอัตโนมัติ"
" .. นักภาวนาต้องอยู่กับสติ "สติเป็นสำคัญ" เราเคยทำมาแล้ว จนกระทั่งตั้งรากตั้งฐานได้แล้วถึงขั้นชุลมุนวุ่นวายฟัดกันกับร่างกาย ตัวอสุภะสำคัญมาก ซัดกันอันนี้เรียกว่า เข้าตะลุมบอน ชุลมุน เอากันเต็มเหนี่ยว
ภาระแห่งการภาวนาจุดนี้เป็นจุดที่หนักมาก สำคัญมากทีเดียว แต่เราพูดย่อ ๆ เอาเลย เป็นภาระที่หนักมากที่สุด "ในเรื่องรูปกาย สุภะอสุภะเกี่ยวกับกามกิเลส" ซัดอันนี้จนเต็มเหนี่ยว พอผ่านนี้ไปแล้ว "เรียกว่าสติปัญญาอัตโนมัติ" ในขั้นพิจารณาร่างกายเป็นขั้นชุลมุน จะเรียกว่าอัตโนมัติไม่ได้ มันชุลมุน เหมือนว่ามันเลยไป
ทีนี้พอได้จังหวะอันนี้ผ่านไปแล้ว "สติปัญญาฝึกซ้อมเรื่องร่างกายสุภะอสุภะ ฝึกซ้อมเรื่องราคะตัณหากับร่างกายอันนี้" ฝึกซ้อมกัน คือมันได้ระดับแล้วมัน "ฝึกซ้อมให้ชำนาญ" ให้ชำนาญ ๆ เรื่อยไป นี่ละ "ที่นี่เป็นสติปัญญาอัตโนมัติ อยู่ที่ไหนเป็นเลย ๆ" เรื่อย ๆ ฝึกเรื่อยเป็นเรื่อย ๆ
ยืนเดินนั่งนอน "สติปัญญานี้เป็นอัตโนมัติตลอด นี่ละความเพียรทางธรรมะเมื่อมีกำลังแล้ว ธรรมะฆ่ากิเลสก็เป็นอัตโนมัติเหมือนกัน" เหมือนกับ "กิเลสทำลายสัตว์โลกเป็นอัตโนมัติของมัน... -
ธรรมมะ เรื่อง นิรยภูมิ พระราชพรหมยาน
ธรรมมะ เรื่อง นิรยภูมิ พระราชพรหมยาน
ธรรมมะ สร้างคุณธรรม :-
Published on Sep 15, 2015
ธรรมมะ เรื่อง นิรยภูมิ พระราชพรหมยาน -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน พระธาตุ๕๐๐อรหันต์ของดีถ้ำดับเถ้าเชียงใหม่
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน พระธาตุ๕๐๐อรหันต์ของดีถ้ำดับเถ้าเชียงใหม่
ในสมัยแห่ง พระพุทธเจ้ากัสสปะ ได้มีค้างคาวหนู 500 ตัว ห้อยอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง วันหนึ่งได้มีพระเถระ 2 รูปเข้ามาบำเพ็ญสมณธรรมและสวดมนต์ (อภิธรรม) ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวก็ได้ฟังเสียงสวดมนต์ด้วยความดื่มด่ำเพลิดเพลิน ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจในความหมายแห่งบทสวดมนต์นั้นๆ ด้วยอานิสงส์นี้ ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวจึงได้ไปเกิดเป็นเทวบุตรในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นานถึง 1 พุทธันดร เมื่อจุติจากสวรรค์ก็ได้มาเกิดในโลกมนุษย์ ในกรุงสาวัตถีสมัยพระพุทธเจ้ายุคปัจจุบัน
.............ในพรรษาที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์ โปรดพระมารดาที่ชั้นดาวดึงส์ด้วย พระพุทธนิรมิต จนกว่าจะกลับ แต่พระวรกายจริงกลับเสด็จไปยังป่าหิมพานต์ แล้วโปรดพระสารีบุตรกับศิษย์กุลบุตร 500 คน (ค้างคาวหนูทั้ง 500 ตัวที่มาเกิด) กุลบุตรทั้ง 500 คนเลื่อมใสใน ยมกปาฏิหาริย์ จึงได้บวชกับพระสารีบุตร พระพุทธองค์ก็ทรงเสด็จกลับเทวโลก พระสงฆ์ทั้ง 500 องค์ได้เป็นผู้ชำนาญใน ปกรณ์ทั้ง 7 และ บำเพ็ญจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด 500 องค์ และได้พักจำพรรษาอยู่ ณ ถ้ำแห่งหนึ่ง... -
อยากเห็น "ผี" เลยเจอดี แค่ผีจับขา ถึงกับสลบ!! ผีเปรตมารับส่วนบุญทุกวันพระ ทีหลังอย่าลอง บ้ามาเยอะแล้ว คนอยู่ส่วนคน ผีอยู่ส่วนผี!!
อยากเห็น "ผี" เลยเจอดี แค่ผีจับขา ถึงกับสลบ!! ผีเปรตมารับส่วนบุญทุกวันพระ ทีหลังอย่าลอง บ้ามาเยอะแล้ว คนอยู่ส่วนคน ผีอยู่ส่วนผี!!
ผีเปรต คืนวันพระ
“คืนวันพระเริ่ม”
เมื่อ พ.ศ. 2530 หนูได้ไปทำงานที่จังหวัดสมุทรปราการเป็นงานเย็บผ้า และช่วงกลางคืนจะมีโอทีให้ทำและเป็นธรรมดาที่หนูชอบให้คนเล่าเรื่องผีให้ฟัง ซึ่งหนูก็ถามพี่เอกว่า เคยเห็นผีไหมถ้าเคยเห็นก็ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมพี่เอก ก็เล่าให้ฟังแต่พวกเราไม่ค่อยเชื่อว่าผีมีจริงหรือไม่ พี่เอกก็แนะนำว่าถ้าอยากเจอ เปรตให้ไปที่วัดชมนิมิตในคืนวันพระเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงตี 3 ซึ่งคนที่ฟังพี่เอก เล่ามี 3 คน มี จันทร์ ต้อย และหนู พี่เอกบอกว่าถ้าไปถึงวัดแล้วให้ก้มลงมองลอด ใต้ขาตัวเองแล้วจะเห็นเปรต
“นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์”
พอถึงวันพระหนูกับเพื่อนก็ได้ไปที่วัดชมนิมิต พอไปถึงรู้สึกว่ามันเงียบ อากาศเย็น ลืมบอกไปว่า ต้องอยู่คนเดียว หนูก็พูดกับจันทร์และต้อยว่าเรามาด้วย กัน 3 คน แต่จันทร์ เป็นผู้ชายให้จันทร์เป็นคนลงมือดีกว่านะ เรามารอจันทร์อยู่ข้าง วินมอเตอร์ไซค์ประมาณสัก10 นาทีได้ ก็ได้ยินเสียงคนร้องขึ้นมา ซึ่งเราก็จำได้ว่า... -
"พุทโธ บุญเกิดทางใจ"
"พุทโธ บุญเกิดทางใจ"
" .. ท่านพระอาจารย์(หลวงปู่มั่นฯ)สอนว่า "อิริยาบถทั้ง ๔ คือ ยืน เดิน นั่ง นอน นั้นนะสร้างบุญขึ้นมาได้" เช่น "เราเดินไปก็ระลึกพุทโธไป เรานั่งอยู่ก็ระลึกพุทโธ เรานอนอยู่ก็ระลึกพุทโธ" พยายามทำให้มันติดต่อ "ทำการทำงานก็ระลึกพุทโธอยู่"
อย่างท่านฯ ไปสอนชาวบ้านนอกนะ ถึงฤดูทำไร่ เขาไปดายหญ้า "สับจอบสับเสียมลงดิน ก็ให้ระลึกพุทโธ เวลาเกี่ยวข้าวก็เหมือนกันแหละ เกี่ยวกอหนึ่งก็พุทโธ เกี่ยวกอสองก็พุทโธ" หมายความว่า "งานที่เราทำก็ได้ บุญเราก็ได้" อันนี้เป็นลักษณะของบุคคลผู้มีปัญญา ทำการงานทุกอย่าง "อย่าทิ้งพุทโธ เพราะเหตุไร เพราะว่าบุญเกิดทางใจ"
"บุญนั้นไม่ได้เกิดแต่การบริจาคทานอย่างเดียว บุญเกิดจากการรักษาศีล บุญเกิดจากการภาวนา" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การเจริญภาวนา เป็นบุญที่สามารถทำได้ไม่เลือกบุคคล" ไม่ว่าจะเป็นคนแก่คนเฒ่าหรือเด็ก หญิงหรือชาย หรือคนเจ็บป่วยก็ตาม สามารถทำได้
คนที่มีสติปัญญา "ยืน เดิน นั่ง นอน ก็เป็นบุญแล้ว" ทำการทำงานก็เป็นบุญ ทุกสาขาอาชีพที่เป็นอาชีพบริสุทธิ์ "ถ้าเราระลึกพุทโธคราวใด บุญก็เกิดขึ้นคราวนั้น" ไม่ต้องหาไกล คนมีปัญญาไม่ต้องหาไกล หาอยู่ในกาย... -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน หินพระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า เขาสามร้อยยอด ของดีที่หายาก
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน หินพระธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า เขาสามร้อยยอด ของดีที่หายาก
หินพระธาตุ เขาสามร้อยยอดนั้นเป็นหินที่อยู่ตามถ้ำต่างๆ บนภูเขาสามร้อยยอด ซึ่งมีอยู่หลายถ้ำ และหลายถ้ำอยู่บนเขาสูงต้องปืนขึ้นไปสกัดหินพระธาตุลงมา คิดดูครับ แบกหินพระธาตุที่มีน้ำหนักหลายกิโลกรัม ออกจากถ้ำและลงมาจากเขา แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้หินพระธาตุมา ลักษณะหินพระธาตุแต่ละถ้ำจะมีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ของถ้ำนั้นๆ หินพระธาตุแต่ละก้อนนั้นมีเพียงหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้น "ไม่มีซ้ำ" เพราะหินแต่ละก้อนมีลวดลาย มีชั้นหิน มีจำนวนเม็ดพระธาตุและสี ไม่เหมือนกัน (อาจมีคล้ายแต่ไม่เหมือน)
*ปัจจุบันทางอุทยานสั่งห้ามไม่ให้มีการนำหินพระธาตุ ลงมาจากเขาสามร้อยยอดแล้ว หินพระธาตุสวย ๆ จึงหายากและราคาสูงขึ้นทุกวัน
ข้อมูลส่วนใหญ่ที่นำเสนอ ผมไม่ได้เขียนหรือพิมพ์เอง แต่เป็นการรวบรวมข้อมูลจากเว็บไซด์ต่างๆ หลายเว็บ นำมาเรียบเรียงรวมกัน และต้องขอขอบพระคุณเจ้าของข้อมูลทุกๆท่าน ณ ที่นี้ด้วย
หินพระธาตุ เขาสามร้อยยอดนั้น ตามความเชื่อ เชื่อกันว่าคือ... -
อะไรเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
อะไรเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
มนุษย์จริงๆ แล้วมาจากไหน
และอะไรเป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติ
โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
ที่ว่าจะมีไฟบรรลัยกัลป์มา เพราะว่าคนมีจิตบาปมาก
ศีล ๕ ทำไม่ค่อยจะครบ เช่น ปาณาติบาต เป็นต้น
อายุมันจะน้อยลงทุกที จนกระทั่งอายุถึง ๑๐ ปี เป็นอายุขัย
ตอนนี้เกิด “มิคสัญญี” ไม่มีการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน
จะรบราฆ่าฟันกันมาก พระอาทิตย์ท่านรำคาญเต็มที่
โผล่มาทีละ ๒ ดวง ๓ ดวง ๔ ดวง ตายหมด
ทีนี้ถึง ๗ ดวง น้ำในมหาสมุทรก็แห้ง ต้นไม้แห้งกรอบจัด
ผลที่สุดเป็นไฟลุก ไฟไม่ได้ไหม้มาจากไหน
อาศัยน้ำแห้ง ต้นไม้แห้งกรอบเต็มที่
ความร้อนหนัก ก็เกิดไฟลุกขึ้นก็ล้างกันเสียทีหนึ่ง
เมื่ออารมณ์สงสัยเกิดขึ้น ฉันก็อดที่จะอยากรู้ตามความเป็นจริงไม่ได้
ในที่สุด คืนวันหนึ่งฉันนั่งคุมกรรมฐานอยู่
ความสงสัยเรื่องรู้เลยธงเกิดขึ้นมาขวางจิต
จึงถามท่านผู้รู้ที่เป็นสัพพัญญวิสัย ท่านทรงพยากรณ์ให้ทราบดังนี้
หลังจากกึ่งพุทธกาลไปแล้ว ๔,๐๐๐ ปี จะมีไฟล้างโลก
ล้างแต่โลกมนุษย์เท่านั้น ไม่ลุกลามไปถึงเทวดา
ท่านบอกว่ามันเริ่มความเร่าร้อนตั้งแต่ก่อนกึ่งพุทธกาล... -
"รักษาใจ รักษาความคิดให้งดงาม" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"รักษาใจ รักษาความคิดให้งดงาม"
" .. "รักษาใจให้ดีที่สุด รักษาความคิดที่จะเกิดขึ้นในใจให้ดีที่สุด" อย่าให้เป็นความคิดที่จะนำให้ทำบาปอกุศลใด ๆ ทั้งสิ้น "มีสติอย่าให้ความคิดไม่ดีเกิดได้ในจิตใจ" เพียงเท่านี้ก็จะสามารถป้องกันไม่ให้พูดไม่ดีได้ "สามารถป้องกันไม่ให้ทำไม่ดีได้และการไม่พูดไม่ดีก็ตาม การไม่ทำไม่ดีก็ตาม เป็นคุณสมบัติวุดวิเศษของความเป็นมนุษย์"
ดังนั้น "การรักษาใจให้งดงามด้วยความคิดที่งดงามจึงเป็นความสำคัญอย่างยิ่งของเราท่านทั้งหลาย" ผู้เกิดแล้วเป็นมนุษย์ด้วยอำนาจของบุญเพราะการรักษาใจให้งดงาม มีความคิดที่งดงาม "ก็เท่ากับเป็นการควบคุมกายวาจาให้งดงามด้วย"
ใคร่ขอให้เข้าใจความหมายของคำงดงาม ที่นำมาใช้ในที่นี้ว่า "มิได้มีความหมายธรรมดา ๆ เหมือนความสวยงาม อะไรทำนองนั้น แต่มีความหมายที่ลึกกว้าง" มิใช่งดงามธรรมดา
ซึ่งความถูกต้องเป็นเช่นนั้น "ใจที่พ้นจากความคิดที่จะนำให้เกิดบาปอกุศลคือเกิดการพูดชั่วทำชั่ว ต้องเป็นใจที่งามพิเศษอย่างแท้จริง" ควรที่ผู้ใฝ่ดีมีปัญญาทั้งหลายจะพากันพยายามรักษาใจของตนให้มีความงามนั้น เพื่อได้เป็นผู้งามพร้อมในวันหนึ่งได้มีตนเป็นที่พึ่งที่แท้จริง... -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน แร่ข้าวตอกพระร่วงแร่ศักดิ์สิทธิ์แห่งสุโขทัย
"ข้าวตอกพระร่วง" หรือ "หินข้าวตอกพระร่วง" คือหินมีมีลักษณะสี่เหลี่ยมมีความแกร่ง พบมากบริเวณเขา พระบาทใหญ่ ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย ตำนานของสุโทัยมีกล่าวไว้ว่า ข้าวพระร่วง ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวเมืองสุโขทัยมาแต่ช้านาน ลักษณะรูปร่างสี่เหลี่ยมตามธรรมชาติ มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่ ตามตำนานเล่าขานต่อกันมาว่าเกิดจากวาจาสิทธิ์ของพระร่วงเจ้า ผู้ครองแคว้นสุโขทัยในสมัยก่อน ขณะทรงออกผนวชอยู่ที่วัดเขาพระบาทใหญ่ในวันตักบาตรเทโว เมื่อได้ฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ข้าวที่เหลือก้นบาตรท่านได้โปรยลงบนลานวัด และทรงอธิษฐานขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่ง พร้อมทั้งมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน ด้วยอำนาจและอิทธิ์ฤทธิ์ของพระองค์ท่าน ข้าวนั้นก็กลายเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ และท่านคงอธิษฐานให้ผู้ที่วาสนากับท่านได้มีไว้ครอบครอง ในภายภาคหน้า
ภายหลังมีการขุดค้นพบ และชาวบ้านต่างก็นำไปบูชา ต่างมีประสบการณ์กันมากในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิคุณโดดเด่นทางด้านถอนแก้พิษได้สารพัด ใช้พกตัวสามารถคุ้มครองป้องกันภัย แคล้วคลาดจากภยันตราย และยังเป็นเมตตามหานิยม อย่างเอกอุอีกด้วย... -
"ตัวรู้" ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล
ในทางปฏิบัติที่ว่า ปฏิบัติจิต ปฏิบัติใจ โดยให้ใจอยู่กับใจ
นี้ก็คือ ให้มีสติกํากับใจให้เป็นสติถาวร ไม่ใช่เป็นสติคล้ายๆ หลอดไฟที่จวนจะขาด
เดี๋ยวก็สว่างวาบ เดี๋ยวก็ดับ เดี๋ยวก็สว่าง แต่ให้มันสว่างติดต่อกันไปตลอดเวลา
เมื่อสติมันติดต่อกันไปอย่างนี้แล้ว ใจมันก็มีสติควบคุมอยู่ตลอดเวลา
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "อยู่กับตัวรู้ตลอดเวลา"
ตัวรู้ก็คือ "สติ" นั่นเอง หรือจะเรียกว่า "พุทโธ" ก็ได้
พุทโธที่ว่า รู้ ตื่น เบิกบาน ก็คือตัวสตินั่นแหละ
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
จากหนังสือ "อตุโล ไม่มีใดเทียม" -
สาธุอย่างแรง!! "หลวงปู่มั่น"ใช้คาถารักษาไข้ป่า เห็นผลทันตา!! "หลวงปู่เจี๊ย"เมตตาบันทึกไว้เพื่อลูกหลานต่อๆไป
สาธุอย่างแรง!! "หลวงปู่มั่น"ใช้คาถารักษาไข้ป่า เห็นผลทันตา!! "หลวงปู่เจี๊ย"เมตตาบันทึกไว้เพื่อลูกหลานต่อๆไป
คาถารักษาไข้ป่าของหลวงปู่มั่น หลวงปู่เจี๊ยะได้บันทึกไว้
ท่านพระอาจารย์มั่นป่วยเป็นมาลาเรีย เรา(พระเจี๊ยะ,หลวงปู่เจี๊ยะ) เป็นพระคิลานุปัฏฐาก(พระผู้ดูแลพระที่อาพาธ)ประจำองค์ท่าน ปกตินิสัยท่านไม่ชอบเกี่ยวกับหยูกยาอะไร แม้ท่านจะอยู่ในวัยชราธาตุขันธ์กำลังร่วงโรยก็ตาม ท่านยังหนักหน่วงในธรรมโอสถ เป็นเครื่องประสานธาตุขันธ์อยู่ตลอดเวลา
ตามปกตินิสัยใจคอท่านพระอาจารย์มั่น เวลาท่านป่วยหนักคับขับทางธาตุขันธ์ร่างกายเข้าที่จนมุม ท่านมักคิดค้นด้วยสติปัญญาไม่ลดละ ในเวลาป่วย ท่านจะมีอุบายพิจารณาธรรมในขณะเดียวกัน ท่านถือว่า
“ทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นในกายเป็นเรื่องของสัจธรรมโดยตรง ต้องพิจารณาให้รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ได้ ไม่ปล่อยให้ทุกข์ย่ำยีเปล่าๆ เพื่อเป็นการฝึกซ้อมสติปัญญา ให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ว่าสติปัญญาที่เคยอบรมและซักซ้อมมาเป็นเวลานาน ขณะเข้าสู่สงครามคือความทุกข์ทรมาน ใจจะไม่มีความหวั่นเกรงต่อความจริง ไม่มีความสะท้านหวั่นไหวกับพายุ คือโทษทุกข์ที่เข้ามาทับถม... -
ตำนานเล่าขาน...พระพุทธรูปสองเศียร !? พระพุทธรูปที่ผนึกสองศรัทธา ในพระองค์เดียว เหตุเพราะความยากจน ?
ตำนานเล่าขาน...พระพุทธรูปสองเศียร !? พระพุทธรูปที่ผนึกสองศรัทธา ในพระองค์เดียว เหตุเพราะความยากจน ?
พระพุทธรูปสองเศียร Two headed Buddha
ศิลปะจีน ราวคริสต์ศตวรรษที่ 13-14
ค้นพบอยู่ในสถูป เมื่อปีค.ศ. 1909
จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ในเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก ประเทศรัสเซีย
มีตำนานเล่าขานว่า สมัยนั้น มีชายสองคนผู้ศรัทธา และอุทิศให้กับคำสอนในพระพุทธศาสนาเสมอมา วันหนึ่งพวกเขาทั้งคู่ต่างฝันเห็นพระพุทธเจ้าพร้อม ๆ กัน แต่เนื่องจากยากจนไม่สามารถสร้างพระพุทธรูปตามความฝันได้สององค์จึงให้ช่างสร้างองค์พระพุทธรูปขึ้นองค์เดียว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นถึงความศรัทธาของชายทั้งสอง ด้วยพระเมตตาจึงปรากฏเป็นสองเศียร แต่บ้างก็เล่าว่าเหตุที่มีสองเศียรเพราะ ชายทั้งสองขอให้ช่างปั้น ปั้นให้โดยมีหน้าตาตามความฝันของแต่ละคน ซึ่งรูปปั้นทำจากวัสดุเรียบง่าย อาทิ ฟาง และศิลปินได้ให้รอยยิ้มแห่งความปรารถนาดีและเห็นอกเห็นใจ บนพระพักตร์พระพุทธองค์
ที่มา : akshardhool.com
เรียบเรียงโดย
จินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์
-------
http://www.tnews.co.th/contents/321467 -
ย้อนรอยตำนาน!! "เมืองลับแล ผีบดบัง" ความลี้ลับ ที่มองไม่เห็น ความพลัดพรากของคู่รัก เพียงแค่ เผลอโกหก อย่างไม่เจตนา!!
ย้อนรอยตำนาน!! "เมืองลับแล ผีบดบัง" ความลี้ลับ ที่มองไม่เห็น ความพลัดพรากของคู่รัก เพียงแค่ เผลอโกหก อย่างไม่เจตนา!!
ตำนานเมืองลับแล (ผีบังบด เมืองลี้ลับที่ถูกซ่อนเร้น)
เรื่องลี้ลับเล่าขานของตำนานพื้นบ้าน มีมาแต่อดีตเรื่องราวเก่าแก่ที่เล่ากันสืบทอดต่อกันมา "อำเภอลับแล หรือ เมืองลับแล" เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นชุมชนโบราณมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย1 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยเสด็จมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2444 ความเป็นมาของคำว่า “ลับแล” นั้น ตามข้อสันนิษฐานของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ว่าเดิมชาวเมืองแพร่ เมืองน่าน หนีข้าศึกและความเดือดร้อนมาซุ่มซ่อนตั้งชุมชนอยู่บริเวณนี้ เนื่องจากเป็นที่ป่ารก หลบซ่อนตัวง่ายและ ภูมิประเทศเป็นเมืองอยู่ในหุบเขามีที่เนินสลับกับที่ต่ำ คนต่างเมืองถ้าไม่คุ้นเคยกับภูมิประเทศจะหลงทางได้ง่าย อำเภอลับแลนอกจากจะมีโบราณสถานที่น่าสนใจมากมายแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองล้านนา เช่น ผ้าตีนจก ไม้กวาด เป็นแหล่งปลูกลางสาด และทุเรียนหลง-หลินลับแล ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของจังหวัด หลักฐานทางประวัติศาสตร์... -
เคยเกิดที่ทิเบตเยอะมาก - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
+++ เคยเกิดที่ทิเบตเยอะมาก +++
พระอาจารย์เล่าว่า "#ในอดีตอาตมาเคยเกิดที่ทิเบตเยอะมาก ทิเบตเป็นดินแดนของพุทธศาสนา โดยเฉพาะของมหายาน แล้วก็แปลงเป็นวัชรยาน #ศาสนานี้พระภิกษุส่วนใหญ่มีแนวคิดในการเกิดใหม่เพื่อสร้างบารมี ซึ่งเรียกง่าย ๆ #ก็คือมาสายพุทธภูมิ เพราะฉะนั้น...การเวียนว่ายตายเกิดจึงเป็นเรื่องปกติ
ถ้าครอบครัวไหนมีลูกชาย #ต้องส่งลูกชายไปบวชอย่างน้อย ๑ คน #ถ้าครอบครัวนั้นไม่มีลูกชาย เมื่อลูกสาวแต่งงานแล้ว #พ่อจะไปบวชเอง เพราะฉะนั้น...#คนทิเบตก็เลยบวชพระเกือบทั้งประเทศ พอบวชเข้าไปครูบาอาจารย์ที่ท่านมีทิพจักขุญาณ ก็จะมาดูอดีตชาติให้ว่าเคยศึกษาเล่าเรียนมาถึงระดับไหน แล้วก็ส่งไปหาครูบาอาจารย์ระดับนั้น ทบทวนความรู้สักหน่อยหนึ่ง แล้วก็เรียนระดับสูงกว่าขึ้นไปได้เลย #ก็แปลว่าของเขาไม่ต้องเรียนย้อนของเดิม #มีแต่ขึ้นหน้าอย่างเดียว"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.(หลวงพ่อเล็ก สุธัมมปัญโญ)
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐
******************************************************************** -
"วิธีภาวนาคือรวมใจ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
"วิธีภาวนาคือรวมใจ"
" .. ใจคนเราตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยรวมอยู่ในจุดเดียวสักที "หัดภาวนาก็คือรวมใจให้อยู่ในจุดเดียว" คนเราเกิดขึ้นมาวุ่น "คิดนึกตลอดวันยังค่ำไม่มีพักผ่อนเลย" เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราพักใจบ้าง
กายกับใจมีลักษณะคล้ายกัน "กายถ้าเราทำงานตลอดเวลาไม่มีการพักผ่อนนอนก็เหน็ดเหนื่อย ใจของเราถ้าหากมีแต่คิดปรุงแต่งส่งส่ายตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน" นานเข้าก็เรียกว่า "โรคเส้นประสาทกลายเป็นบ้าไป" หากไม่รู้จักสำรวมใจ
พระพุทธเจ้า "สอนให้เรารู้จักสำรวมใจ สงบอารมณ์ให้อยู่ในจุดเดียว" ให้กำหนดลมหายใจเข้า ออก หรือมิฉะนั้นก็ให้กำหนดเอา "พุทโธไว้ที่ใจ" เอาสติคุมให้อยู่ในอารมณ์อันเดียวกันนั้น "ใจคือผู้นึกว่า พุทโธ แล้วเอาสติตามกำหนด" คือตามรักษาคุมอันนั้นไว้ไม่ไห้หนีจากนั้น
"ถ้าหากมันหนีไปจากนั้นก็เอามารวมกันไว้ไม่ให้หนี" นาน ๆ เข้ามันก็ค่อยซาค่อยอ่อนกำลังลงไป ในที่สุดมันก็จะมารวมอยู่ในจุดเดียว "เปรียบเหมือนกับสัตว์ที่เราจับมาจากป่า เอามาทีแรกมันก็พยายามดิ้นรนเสียจนหมดเรี่ยวแรง อีกหน่อยมันก็ค่อยอยู่" ใจของเราก็เช่นเดียวกัน .."
"ถามตอบ ต่างประเทศ ๕"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง ฤาษีสอนลูกภาคเหนือ (8Hr.)
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง ฤาษีสอนลูกภาคเหนือ
Buddhism Channel :-
Published on May 21, 2017
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง ฤาษีสอนลูกภาคเหนือ -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน แร่ทรายทองเศรษฐี ทนสิทธิ์มงคลจากธรรมชาติ
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน แร่ทรายทองเศรษฐี ทนสิทธิ์มงคลจากธรรมชาติ
แร่ทรายทองหรือ ทรายทองเศรษฐี เป็นแร่มงคลที่นิยมนำมาเป็นมวลสารกับพระเครื่อง ถือเป็นแร่ศักดิ์สิทธิ์ ขุดพบได้ใต้ถ้ำแห่งหนึ่งจังหวัดกาญจนบุรี ที่เดียวและมีน้อย เกิดจากการทำเหมือง พบแร่ชนิดนี้อยู่ใต้บ่อถ้ำอีก โดยแร่ทรายทองมีลักษณะเป็นทรายปนเกล็ดสีทองแดง โดยมีแร่ธาตุประกอบหลากหลายชนิดเช่น ทองแดง เหล็ก และอื่นๆปนทราย ได้อย่างลงตัว
เป็นแร่มงคลชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นผงทรายหลายปนกับเกล็ดแผ่นทองคล้ายทองคำเปลว ได้ทำการตรวจสอบ แล้วว่ามีส่วนผสมของแร่หลายชนิด เช่นทองคำ ทองแดง และอื่นๆ แก้วทรายทองตัวนี้ถือเป็นของมงคลศักสิทธิ์ ของบรมครูปู่ฤาษี แก้วทรายทองนี้ขุดพบได้ใต้ถ้ำแห่งหนึ่งหลังจากการระเบิดถ้ำขุดลงไปพบบ่อทรายแร่ทองเศรษฐีนี้อยู่ในบ่อใต้ถ้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกอัศจรรย์ที่ไม่เคยมีพบมาก่อน เมื่อขุดเข้าไปก็พบว่าเป็นบ่อแร่ทองเจ้าของสัมประทานจึงทำพิธีขอขมาและขอนำมาทำเป็นมวรสารพระเครื่อง... -
เผยเรื่องราวน่าสะพึงกลัว!! "ประตูผี แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์" เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อผู้คนล้มตายเป็นเบือในอดีตที่ผ่านมา!!
เผยเรื่องราวน่าสะพึงกลัว!! "ประตูผี แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์" เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อผู้คนล้มตายเป็นเบือในอดีตที่ผ่านมา!!
เรื่องราวของวัดสระเกศ (ภูเขาทอง) นั้น ในอดีตเป็นเคยศูนย์รวมของแร้งนับพันอันเนื่องมาจากโรคห่าระบาดเมืองในช่วงรัชกาลที่ 2 มีคนตายหลายหมื่นคนในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน กลายเป็นเมืองแห่งคนตาย ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยซากศพ
วัดสระเกศซึ่งเป็นสถานที่จัดการศพก็ยังไม่สามารถเผาศพหรือฝังได้ทันจนศพกองพะเนินมากมาย จึงต้องขุดหลุมขนาดใหญ่แล้วฝังศพไปในหลุมเดียวกัน และเมื่อมีซากศพเป็นอาหาร ฝูงแร้งก็มาอาศัยที่วัดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก
และนอกจากคนที่ตายด้วยโรคห่า ศพอื่นๆเริ่มถูกมากองรวมกันไว้ที่วัดแห่งนี้ และสาเหตุที่ต้องเป็นวัดสระเกศก็เพราะ เมื่อสมัยก่อนนั้นมีกฎห้ามเผาศพกันในเมือง และประตูเมืองที่สามารถนำศพผ่านได้ก็มีอยู่ประตูเดียวที่เรียกกันว่าประตูผี ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดสระเกศมากที่สุดนั่นเอง
และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 และรัชกาลที่ 5 ก็ยังคงมีโรคระบาดเกิดขึ้นและมีคนตายเป็นจำนวนมากซ้ำอีกครั้ง และวัดสระเกศก็ยังคงประสบปัญหาเผาศพไม่ทันเหมือนเดิม และมีแร้งมาจิกกินศพอีกเช่นเคย... -
ไม่เชื่อต้องพิสูจน์!! นักวิทย์ทดสอบ "พระหิมาลัย" แสดงอภินิหาร "เร่ง-หรี่" อุณหภูมิในร่างกาย ก่อนเจอผลทดลองที่ทำให้วิทยาศาสตร์สั่นสะเทือน!!
ไม่เชื่อต้องพิสูจน์!! นักวิทย์ทดสอบ "พระหิมาลัย" แสดงอภินิหาร "เร่ง-หรี่" อุณหภูมิในร่างกาย ก่อนเจอผลทดลองที่ทำให้วิทยาศาสตร์สั่นสะเทือน!!
ในหนังสือ “Living with the Himalayan Masters” (อยู่กับคุรุแห่งหิมาลัย) ผู้เขียนคือ “สวามีรามา” (ซึ่งเป็นโยคี) ได้เล่าถึงปาฏิหาริย์อันเหลือเชื่อที่เขาได้พบเห็นบนภูเขาหิมาลัย
สวามีรามาเล่าว่า เขาเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่นิ่งๆ นาน ๘-๑๐ ชั่วโมง โดยไม่กะพริบตา ทันใดนั้น ร่างของชายคนนั้นก็ค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นด้วยความสูงประมาณสองฟุตครึ่ง ถึงแม้สวามีรามาจะได้รับการปลูกฝังให้คิดแบบวิทยาศาสตร์ และรู้ว่าการที่ชายคนนั้นนั่งสมาธิแล้วลอยได้คงจะเป็นผลมาจากการฝึกโยคะแบบ “ปราณยามะ” (ฝึกลมปราณเพื่อให้ตัวเบา) แต่ภาพอัศจรรย์ที่เห็นก็ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้และพยายามจะพิสูจน์หาความจริงให้กระจ่าง
ลอยได้ว่าเหลือเชื่อแล้ว ชายคนนั้นยังทำสิ่งที่เหลือเชื่อยิ่งกว่าอีก!!
เขาได้ใช้พลังจิตเปลี่ยนวัตถุชนิดหนึ่งให้กลายเป็นอีกชนิดหนึ่ง อาทิเช่น เปลี่ยนก้อนหินเป็นก้อนน้ำตาล เปลี่ยนเม็ดทรายเป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์
เจอแบบนี้...สวามีรามาถึงกับอุทานว่า... -
"หลวงปู่จันทร์ เขมิโย กับ ปลาพระโพธิสัตว์"
"หลวงปู่จันทร์ เขมิโย กับ ปลาพระโพธิสัตว์"
หลายคนคงจะสงสัยว่า "การเกิดมาเพื่อบำเพ็ญบารมีเพื่อจะไปเป็นพระพุทธเจ้า ในพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นั้น มีจริงหรือไม่" ลองอ่านเรื่องนี้แล้วพิจารณาดู
เหตุเกิดที่จังหวัดนครพนม ณ วัดศรีเทพประดิษฐาราม "โดยท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์" (หลวงปู่จันทร์ เขมิโย) ท่านเล่าเอาไว้ว่า "มีอยู่คืนหนึ่งท่านกำลังทำสมาธิกรรมฐาน ก็ปรากฏภาพนิมิตขึ้นในสมาธิ เป็นภาพของแอ่งน้ำกำลังแห้งมีปลาอยู่หกตัว เป็นปลาหมอ ๓ ตัว ปลาดุก ๓ ตัว กำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่" ท่านจึงกำหนดจิตถามว่า เป็นคู่เวรคู่กรรมมาทวงหนี้เวรกรรมหรือไม่
ปลาเหล่านั้นตอบว่า "พวกเราเป็นพระโพธิสัตว์มาเกิดเป็นปลาเพื่อบำเพ็ญบารมี แต่ถูกกระแสกรรมทำให้ถูกนายบุญช่วย สุวรรณทรรภ จับมาขังเอาไว้ในตุ่มน้ำในสวนกล้วยติดหลังวัด ตอนนี้น้ำกำลังแห้ง ถ้าตายก่อนจะหมดโอกาสบำเพ็ญบารมี"
หลวงปู่จึงถามว่า เหตุใดจึงมาปรากฏในข่ายฌานสมาธิของท่าน
ปลาโพธิสัตว์เหล่านั้นตอบว่า "พวกเราตั้งจิตอธิษฐานว่า ด้วยกุศลผลบุญที่บำเพ็ญเพียรเพื่อปรารถนาพุทธภูมิในอนาคต ขอให้เราได้ปรากฏในข่ายฌานของผู้ทรงศีล... -
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต
เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา :-
Published on Jan 31, 2017
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เล่าเรื่อง สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน พระธาตุข้าวบิณฑ์พระธาตุพุทธนิมิตที่ทรงมหาพุทธานุภาพ
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน พระธาตุข้าวบิณฑ์พระธาตุพุทธนิมิตที่ทรงมหาพุทธานุภาพ
พระธาตุข้าว (ข้าวบิณฑ์)
.............ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อโปรดเวไนยสัตว์ วันหนึ่งได้เสด็จมาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแม่ระมิงค์เพื่อไปโปรดพวกละว้า พวกละว้าเหล่านั้นอยู่ในภาวะอดอยาก ผืนดินแห้งแล้งทำการเพาะปลูกไม่ได้ผล ต้องหาหัวเผือกหัวมันมาต้มผสมกับข้าวกินเป็นอาหาร เมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จมาถึงที่นั่น พวกละว้าก็เอาข้าวผสมมันซึ่งเป็นโภชนาหารของตนมาใส่บาตร
.............พระบรมโลกนาถก็ทรงรับแล้วฉันภัตตาหารเช้า ณ ที่นั้นซึ่งเรียกว่า ดอนน้อย เสร็จแล้วก็ทรงให้ศีลให้พรพวกละว้าทั้งหลาย หลังจากนั้นจึงทรงนำข้าวที่เหลือก้นบาตรไปเทคว่ำไว้และแสดงปาฏิหาริย์ให้ข้าวนั้นกลายเป็นหิน(เป็นพระธาตุข้าวดังที่เห็นในปัจจุบันนี้) พวกละว้าเมื่อเห็นดังนั้นก็เกิดเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก พระพุทธองค์จึงทรงให้ศีล 5 และแสดงธรรม และรับสั่งให้พวกละว้ารักษาดอนน้อยไว้ให้ดี และให้รักษาศีล 5 ไว้เป็นปกติ ถ้ารักษาได้ก็เหมือนอยู่ใกล้พระพุทธองค์ ถ้ารักษาไม่ได้ก็เหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้าจักรวาล... -
พระอริยเจ้าเหนือโลก!! "หลวงตาเชย" ละสังขารในท่าสมาธิ กระดูกเปลี่ยนเป็นพระธาตุสามกษัตริย์ ทำตัวเหมือนคนบ้า อาศัยในโกดังโลงศพ!!
พระอริยเจ้าเหนือโลก!! "หลวงตาเชย" ละสังขารในท่าสมาธิ กระดูกเปลี่ยนเป็นพระธาตุสามกษัตริย์ ทำตัวเหมือนคนบ้า อาศัยในโกดังโลงศพ!!
หลวงตาเชย วัดราษฎร์บำรุง ชลบุรี
ขรัวตาเชย? โดยปกติท่านไม่ค่อยพูดกับใคร ทั้งยังชอบทำอะไรแผลง ๆ จนคนหลายคนเรียกท่านว่า ?ขรัวตาเชยบ้า? หรือ ?พระบ้า? ท่านนุ่งจีวรเก่า ๆ สกปรก ๆ เดินไปไหน หมาเห่ากันเกรียวกราว แล้วก็เดินตามท่านเป็นฝูง ๆ ท่านชอบเก็บเศษกระดาษหรือหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ขาด ๆ ตามข้างถนน ที่จำวัดของท่านอยู่ในโกดังเก็บโลงศพ และมักจะบ่นว่า ?แหม ไอ้พวกนี้หวงโลงจัง ตายไปแล้วก็ยังหวงอีก? ส่วนมากท่านจะใช้เวลาบำเพ็ญเพียรวิปัสสนาธุระ บางคราวก็เงียบอยู่เป็นวัน ๆ เลย พออกมาเวลาไหนก็หาข้าวฉัน แม่ครัวที่นั่นไม่ค่อยชอบท่าน และมักจะแกล้งท่านอยู่เสมอ ก็บอกว่าหมดแล้ว เหลือแต่ข้าวแมวที่คลุกไว้ในจาน จะกินก็เอาซี ท่านก็ไม่ว่าอะไร เอาข้าวแมวไปล้างน้ำแล้วก็เอามาฉัน บางทีท่านก็จะนั่งกับดินอยู่กลางไร่กลางนาที่ไม่มีผู้คนเดินผ่านไปมา ฝนตกแดดร้อนจ้าเพียงไร ท่านก็นั่งเฉยอยู่อย่างนั้น ชาวบ้านที่มองไปแต่ไกลก็จะเห็นว่า ท่านนั่งอยู่กลางแดดกลางฝน ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปใกล้... -
อาถรรพ์ธรณีประตู!! ความน่ากลัวที่มองไม่เห็น โบราณเตือนนักเตือนหนา!! แม้แต่ มรว.คึกฤทธิ์ ยังกล่าวถึง ในนิยาย "สี่แผ่นดิน"!!
อาถรรพ์ธรณีประตู!! ความน่ากลัวที่มองไม่เห็น โบราณเตือนนักเตือนหนา!! แม้แต่ มรว.คึกฤทธิ์ ยังกล่าวถึง ในนิยาย "สี่แผ่นดิน"!!
คนสมัยก่อนห้ามมิให้เหยียบธรณีประตู เพราะที่ธรณีประตูนั้นเป็นที่สถิตของพระภูมิประตู (พระภูมิมีอยู่ ๙ องค์ เช่น พระภูมิบ้านเรือน พระภูมิประตูและหัวกระได พระภูมินา เป็นต้น) การเหยียบธรณีประตูจึงเท่ากับเป็นการลบหลู่พระภูมิประตูนั่นเอง (ในบางท้องถิ่นเชื่อว่าธรณีประตูมี “ผีธรณี” รักษาอยู่“ซองคำถาม” เข้าใจว่าน่าจะมีความหมายเดียวกันกับพระภูมิประตู)
ใน “สี่แผ่นดิน” อมตนิยายของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็กล่าวถึงความเชื่อเรื่องนี้ไว้ในตอนที่แม่พาพลอยเข้าวังเป็นครั้งแรกว่า ที่ประตูวังชั้นในมีหญิงแก่บ้างสาวบ้าง เรียกว่า โขลน ทำหน้าที่เฝ้าประตูวัง ใครที่ก้าวข้ามไม่พ้นเผลอเหยียบธรณีประตูจะต้องถูกตีหรือต้องกราบขอขมาธรณีประตูนั้น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์บรรยายธรณีประตูที่ประตูวังชั้นในไว้ว่า
“ธรณีประตูนั้นทำด้วยไม้เหลี่ยมค่อนข้างใหญ่... มีรอยคนมาปิดทองไว้บ้างเป็นระยะ ๆ และใกล้ ๆ ขอบประตูนั้นก็มีธูปปักอยู่ที่ริมขอบประตู”... -
“ภาวนาไม่มีสติแบบมึงนี่กูนั่งขี้นั่งเยี่ยว สติกูยังดีกว่ามึงนั่งภาวนาเสียอีก”ด้วยพูดของหลวงปู่เจี๊ยะจึงทำให้พระอาจารย์เด่นนั่งสมาธิได้สำเร็จ
“ภาวนาไม่มีสติแบบมึงนี่กูนั่งขี้นั่งเยี่ยว สติกูยังดีกว่ามึงนั่งภาวนาเสียอีก”ด้วยพูดของหลวงปู่เจี๊ยะจึงทำให้พระอาจารย์เด่นนั่งสมาธิได้สำเร็จ
พระอาจารย์เด่นเล่าว่าระหว่างช่วงปลายปี ๒๕๑๙ สมเด็จพระญาณสังวรฯ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร พระองค์ท่านได้นิมนต์ หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ให้ไปอบรมศีลธรรมญาติโยมที่วัดญาณสังวราราม อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี..
พระอาจารย์เด่นถึงกับกล่าวว่า “ พระเณรวัดอโศฯหวยท่านอาจารย์เจี๊ยะมาลงที่เรา อาจารย์เจี๊ยะท่านบอก เฮ้ยเด่น.! มึงไปจำพรรษากับกูอยู่ชลบุรี กูบอกท่านทอง ( หลวงพ่อทอง จันทสิริ ) จะเอามึงกับเณรเขียว ( พระอาจารย์เขียว วัดถ้ำจุนโท อ.แม่สอด จ.ตาก ) ไปจำพรรษาด้วยกันที่วัดญาณฯ เรากับท่านเขียวเลยได้ตามอาจารย์เจี๊ยะไปจำพรรษาที่วัดญาณฯชลบุรี ปี ๒๕๒๐ ”..
ระหว่างพระอาจารย์เด่นท่านจำพรรษาอยู่ที่ วัดญาณสังวราราม อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แต่ละคืนเวลาหลวงปู่เจี๊ยะท่านเดินผ่านกุฏิที่พระอาจารย์เด่นท่านพักอยู่ หลวงปู่เจี๊ยะท่านมักจะเอาก้อนหินหรือไม่ก็ท่อนไม้ขว้างปาใส่ที่พักของพระอาจารย์เด่นแล้วท่านก็จะตะโกนถาม “ เฮ้ยเด่น.! มึงทำอะไรอยู่วะ ”..... -
"เอากบไปปล่อย" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
"เอากบไปปล่อย"
" .. ชีวิตของเด็กวัด ก็ต้องรับโอวาทและปฏิบัติรับใช้ตามความประสงค์ของครูบาอาจารย์ มีอยู่คราวหนึ่ง "พระได้สั่งให้เด็กชายจันทร์ศรีนำกบที่อยู่ในถังใต้ถุนศาลาไปปล่อย" (เป็นกัปปิยโวหารของพระ ตามพระธรรมวินัย ในความประสงค์จริง ๆ คือ "ให้นำไปปล่อยลงหม้อต้มน้ำ" เพื่อประกอบเป็นอาหารเพล)
"แต่เด็กชายจันทร์ศรีกลับนำไปปล่อยในป่าไผ่" ด้วยความปีติ ดีใจที่ได้ช่วยชีวิตสัตว์ ครั้นกลับมาพระก็ถามหากบในขณะที่จะฉันอาหารเพล เด็กชายจันทร์ศรีก็กราบเรียนไปตามตรงที่ได้นำกบไปปล่อยจึงโดนดุและจะถูกลงโทษ
ท่านเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญใน ขณะนั้นว่า ..
"พอฝนตกก็ไปจับกบมาขังไว้" หลวงปู่ยังเป็นเด็กอยู่ ยังไม่ได้บวชเณร พระก็สั่งว่า "บักน้อย มึง เอากบไปปล่อย" หลวงปู่ก็เข้าใจว่า "หมายถึงให้เอาไปฆ่า" แต่ก็ไม่ยอมฆ่า "กลับเอาไปปล่อยในป่าไผ่" พอกลับมาพระก็ถาม หลวงปู่ก็ตอบว่า "ก็บอกให้ผมไปปล่อย ผมก็เอาไปปล่อยซิ" พระก็ถือไม้เรียวจะทำโทษ หลวงปู่ก็วิ่งไปหาเจ้าอาวาสอาจารย์เป๊ะ เล่าให้ท่านฟัง ท่านก็เลยเรียกพระมาดุ" .. "
"สุริยาส่องฟ้า จันทร์ศรีส่องธรรม"
หลวงปู่จันทร์ศรี จฺนททีโป... -
ปิดรับบริจาค ร่วมถวายเครื่องทรงจักรพรรดิ และ ตุงสุริยัน-จันทรา ณ.พระมหาเจดีย์ชเวดากอง และพระธาตุอินแขวนประเทศพม่าในวันอาสาฬหบูชา
ขอเรียนเชิญญาติธรรมทุกท่าน ร่วมถวายเครื่องทรงจักรพรรดิ ณ.พระมหาเจดีย์ชเวดากอง และ ร่วมถวายตุง เงิน-ทอง(สุริยันจันทรา) ที่พระมหาเจดีย์พระบรมธาตุอินแขวน ประเทศพม่าในวันอาสาฬหบูชา
วันที่ 8 กรกฎาคม 2560 เพื่อน้อมถวายเป็น
พุทธบูชา-ธรรมบูชา-สังฆบูชา
เนื่องด้วยทางพระมหาเจดีย์จะมีพิธีถวายผ้าห่มพระในช่วงเช้าพรรษา ทางคณะจึงได้ติดต่อไปเพื่อถวายเครื่องทรงจักรพรรดิแด่พระพุทธรูปรอบพระมหาเจดีย์ชเวดากอง เพื่อถวายคู่กับผ้าห่มพระประธานในช่วงเข้าพรรษา และถือโอกาสในวันอาสาฬหบูชานี้ ถวายตุงสุริยัน-จันทราที่พระบรมธาตุอินแขวน โดยมีพระคุณเจ้าเป็นตัวแทนหมู่พระภิกษุสงฆ์รับเครื่องบูชาทั้งหมดในครั้งนี้ เพื่อเป็นสักขีพยานและถวายเป็นสมบัติของพระศาสนาสืบต่อไป
ท่านสามารถร่วมเป็นเจ้าภาพ(ตุงสุริยัน-จันทรา) หรือ (เครื่องทรงจักรพรรดิ) ตั้งแต่บัดนี้ถึงต้นเดือนกรกฎาคม ติดต่อสอบถามได้ที่ 090-9861646 (คุณโต) ท่านสามารถเดินทางไปเองและนัดพบกันที่ลานอธิษฐานพระมหาเจดีย์ชเวดากอง ในวันที่8(วันอาสาฬบูชา
เจ้าภาพเครื่องทรงจักรพรรดิชุดละ 4000บาท(ถ้าท่านเจ้าภาพต้องการพลอยสีอื่นๆ สามารถ... -
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน คชกุศ สุดยอดเครื่องรางธรรมดาที่อานุภาพไม่ธรรมดา
เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน คชกุศ สุดยอดเครื่องรางธรรมดาที่อานุภาพไม่ธรรมดา
คชกุศ หมายถึง ขอบังคับช้าง
ขอช้าง หรือ ตะขอช้าง หรือ ขอสับช้าง(ภาษาเหนือ) แล้วแต่จะเรียก เป็นหนึ่งในมงคลแปดประการของ ศาสนาพราหมณ์ ซึ่งหมายความถึงการมีอำนาจในการควบคุมเหตุการณ์ต่างๆไว้ได้ เป็น สัญลักษณ์แสดงถึง อำนาจ เบ็ดเสร็จ ในการควบคุม เช่น พระพิฆคเณศ จะมีปางหนึ่งที่ถือ คชกุศ ขอช้าง ขอสับช้าง หรือตะขอช้าง อยู่ด้วย
มีผู้รู้กล่าวว่า เป็น เครื่องรางที่วิเศษ แต่หาได้น้อยเต็มที เพราะเข้าใจกัน เพียงว่า เป็นแค่เครื่องใช้อย่างหนึ่งเท่านั้น คชกุศ ขอช้าง ขอสับช้าง หรือตะขอช้างเป็นของอาถรรพ์ที่ เเรงครู สูงมาก ชนิดหนึ่งหากสร้างถูกต้อง ตามตำราที่ระบุไว้ เรียกว่า “พระครูประกำ”อาจารย์สูงสุดของวิชา คชศาสตร์ 4 ท่าน ลูกศิษย์ด้วยขอช้างคือ “ พระ คชศาสตร์ ”
คชกุศ ขอช้าง ขอสับช้าง หรือตะขอช้าง เป็นของ ศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือกันในหมู่ ผู้ศึกษาพระเวทย์ที่รู้ลึกรู้จริง ว่าเป็นของมงคล ที่หาได้ยากยิ่ง และมีอานุภาพสูง หลายประการคือ เป็นของ
โภคทรัพย์ จากการเป็นของอ หมายถึงการเกี่ยว การเหนี่ยวรั้งไว้ อีกประการคำว่าขอก็คือได้...
หน้า 372 ของ 413