คลังเรื่องเด่น
-
ไอ้หางกุด กับ หลวงพ่อชา
เรื่องเล่า “หลวงพ่อชา สุภัทโท กับ ไอ้หางกุด” งูจงอางแห่งวัดหนองป่าพง!!!...
ที่วัดหนองป่าพง ช่วงสร้างแรกๆ นั้นมี “งูจงอางหางกุด” อยู่ตัวหนึ่ง ซึ่ง “หลวงพ่อชา สุภัทโท” เรียกมันว่า “ไอ้หางกุด” ตอนเช้าๆ เมื่อหลวงพ่อชาออกไปบิณฑบาต มันก็จะเลื้อยตามหลังทับรอยเท้าของหลวงพ่อไปด้วย..
เช้าวันหนึ่ง ขณะที่หลวงพ่อชากำลังเดินเข้าหมู่บ้าน คนหาปลาผู้หนึ่งสังเกตเห็นรอยงูใหญ่เลื้อยตามหลังจึงวิ่งเข้าไปในหมู่บ้าน บอกเพื่อนบ้านว่า “อาจารย์ชาเอางูมาบิณฑบาตด้วย!!”
ชาวบ้านกลัวมาก ขากลับจึงสะกดรอยตามหลวงพ่อ…ก็เห็นงูใหญ่เลื้อยตามหลวงพ่อเข้าไปในวัดด้วย รุ่งเช้าชาวบ้านจึงพากันมาพูดกับท่าน
“ท่านอาจารย์ทำไมเอางูไปบิณฑบาตด้วย? ทีนี้จะไม่ใส่บาตรแล้วนะ…กลัว!!”
“อาตมาไม่ทราบ… อาตมาไม่ได้เอาไป” หลวงพ่อชาตอบ
“ไม่ได้เอาไปยังไง … ตอนออกมาทุ่งนายังเห็นรอยงูมันเลื้อยทับรอยเท้าท่านอาจารย์อยู่นี่นา!!” ชาวบ้านช่วยกันต่อว่า..
แต่หลวงพ่อชาก็ยังยืนยันว่าท่านไม่รู้อยู่นั่นเอง ชาวบ้านก็เลยพากันมาสังเกต…ก็พบว่า งูตัวนี้ตามท่านไปจากวัด พอถึงศาลพระภูมิทางเข้าหมู่บ้าน มันก็แยกเข้าไปคอยอยู่ที่นั่น จนหลวงพ่อกลับจากบิณฑบาต... -
"กัลยาณมิตร" (สมเด็จพระญาณสังวร)
"กัลยาณมิตร"
" .. "กัลยาณมิตร มีความสำคัญแก่ชีวิตทุกคนแต่น้อยคนที่มีกัลยาณมิตร" เพราะน้อยคนที่เห็นความสำคัญของกัลยาณมิตร คำกัลยาณมิตรติดปากอยู่ได้แทบทุกคน พูดถึงได้ตลอดเวลา
แต่ใช่ว่าจะเห็นค่าเห็นความสำคัญของ กัลยาณมิตร "กัลยาณมิตรจึงยากจะมีโอกาสช่วยให้เกิดความสวัสดีแก่ผู้ที่พร่ำพูดถึงอยู่ได้" ไม่ใช่ความผิดพลาด บกพร่อง ของผู้หนึ่งผู้ใดที่มีคุณสมบัติแห่งความเป็นกัลยาณมิตร "แต่เป็นความรับไม่ได้ รับไม่เป็น หรือไม่รับ" ของผู้ไม่รู้จักกัลยาณมิตร
"กัลยาณมิตรคือ ผู้พร้อมด้วยคุณสมบัติที่สามารถจะปกปักรักษาเราให้สวัสดี" พ้นจากภัยพิบัตินานาประการได้ เพราะกัลยาณมิตรจะไม่เป็นพิษเป็นภัยสำหรับเรา จะทำทุกประการให้เรารู้ทางดำเนินชีวิตอย่างปราศจากทุกข์โทษภัยไม่ว่ายิ่งใหญ่หรือเล็กน้อย
คงเคยได้พบ ได้เห็น หรือได้ยินได้ฟัง กันมาแล้วบ่อย ๆ "ที่เมื่อใครคนใดคนหนึ่งคิดพูดทำที่ผิดพลาด ที่ไม่สมควรแก่ภาวะฐานะ ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นต้นว่าเป็นผู้ไม่มีกัลยาณมิตร จึงไม่มีผู้ยับยั้งผู้ให้พ้นความผิดความเสียหาย ที่จะเกิด เพราะคิดพูดทำที่ผิด ที่ไม่สมควร" ที่ไม่น่าทำให้เกิดขึ้น... -
"เรื่องอภิญญาทำฤทธิ์นี่ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านทำได้มากกว่าคนอื่น" หลวงปู่สิม ศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านยืนยันไว้
"เรื่องอภิญญาทำฤทธิ์นี่ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ท่านทำได้มากกว่าคนอื่น" หลวงปู่สิม ศิษย์หลวงปู่มั่น ท่านยืนยันไว้
เรื่องที่ทุกท่านจะได้ทราบนี้ ได้คัดลอกมาจากหนังสือ "เสียงจากถ้ำ (นารายณ์) ฉบับพิเศษ เขียนโดย หลวงตาวัชรชัยเจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ในฐานะผู้ที่คัดลอกมาให้ทุกท่านทราบจึงขอกราบขออนุญาต และขอขมาลาโทษ หลวงพ่อวัชรชัยมา ณ.ที่นี้ แต่เผื่อเป็นการที่จะเผยแพร่ถึงความเคารพบูชาและ ความศรัทธาที่มีต่อ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ และเหล่าอริยะสงฆ์ทุกองค์ที่กล่าวถึงต่อไป จึงขอกล่าวถึงมาในที่นี้
ในครั้งนี้จะขอตัดตอนเฉพาะบางตอนที่กล่าวถึงหลวงพ่อกับหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร แห่งวัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยตรงมาถ่ายทอด ดังนี้
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร เป็นศิษย์ของพระคุณหลวงปู่มั่น ภูริทัตฺโต เป็นประทีปแก้วอีกดวงหนึ่งซึ่งส่องแสงเจิดจ้าจับใจชาวโลก แล้วก็ดับไปตามสัจธรรมที่สมเด็จพ่อของเราทั้งหลายทรงแสดงไว้ ประทีปอันบริสุทธิ์เย็นใจดวงนี้ได้มาเพิ่มความสุขให้แก่บรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ที่วัดท่าซุงถึง 3 ปี ติดต่อกัน ได้ประทับฝากฝังความทรงจำแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นไม่มีวันลืมไปได้... -
เมื่อมีญาติโยมมาถามเรื่องการทำสมาธิกับหลวงปู่สิม คำตอบที่ได้มันเป็นเช่นนี้ มาอ่านกัน!!!
เมื่อมีญาติโยมมาถามเรื่องการทำสมาธิกับหลวงปู่สิม คำตอบที่ได้มันเป็นเช่นนี้ มาอ่านกัน!!!
ในวันหนึ่งๆมีคนไปกราบนมัสการหลวงปู่เป็นจำนวนไม่น้อย คนเหล่านั้นบางคนก็ไปตั้งคำถามต่างๆนานาเอากับท่าน หลวงปู่ก็จำต้องเล่นเกมตอบคำถามไปกับเขาด้วย อย่างที่รวบรวมมาฉายเป็นหนังตัวอย่างให้ดูดังนี้
นักบ้าน : เป็นญาติโยมภาวนาจะได้สำเร็จมรรคผลหรือเปล่า หรือว่าต้องไปบวชก่อน
หลวงปู่ : พระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา ภาวนาอยู่ในหอปราสาทราชมณเฑียรได้สำเร็จมาแล้ว เป็นนักบวชถ้าไม่ตั้งใจภาวนาก็ไม่ได้สำเร็จเหมือนกัน
นักเรียนลัด : นั่งสมาธิไม่สงบ ทำยังไงให้สงบเร็วขึ้น
หลวงปู่ : ทำให้มากขึ้น ก็เท่านั้นเอง ไม่มีใครมาช่วยได้หรอก ตัวเรานั่นแหละต้องช่วยตัวเอง เหมือนขึ้นภูเขามานี่มีใครช่วยละ เราต้องเดินขึ้นมาเองใช่ไหม ทำกิจการงานอะไรก็เหมือนกันนั่นแหละ เราต้องประกอบกระทำเองจึงจะสำเร็จ จะไปรอหลวงปู่หลวงพ่อที่ไหน ตัวเราน่ะแหละเป็นหลวงปู่หลวงพ่อเสียเอง
นักเลงหุ้น : การทำสมาธิลดกรรมได้ไหม
หลวงปู่ : ได้ การทำสมาธิเป็นการทำบุญกุศล คือเราไม่ทำกรรมชั่ว ทำแต่กรรมดี จิตใจก็สูงเรื่อยๆ เห็นไหมพระพุทธเจ้า ท่านทำความดีมาหลายภพหลายชาติ... -
นายกฯไทย-อินเดีย จับมือดัน "พุทธคยา" เป็นศูนย์กลางพุทธโลก ยินดีที่มีพระอาจารย์อารยวังโสเป็นตัวแทนผู้นำจิตวิญญานชาวพุทธจากไทย
นายกฯไทย-อินเดีย จับมือดัน "พุทธคยา" เป็นศูนย์กลางพุทธโลก ยินดีที่มีพระอาจารย์อารยวังโสเป็นตัวแทนผู้นำจิตวิญญานชาวพุทธจากไทย
วันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดแสดงธรรม "จิตภาวนา....เมตตาเจโตวิมุตติ" โดยหลวงพ่อพระอาจารย์อารยวังโส เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย จ.ลำพูน จัดโดย ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ณ ห้องป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย เวลา 16:30 น.
ในวันนั้น ท่านภควันต สิงห พิศโนอี H.E. Mr. BHAGWANT SINGH BISHNOI ทูตอินเดีย ได้เดินทางมาพบพระอาจารย์อารยวังโส เพื่อหารือเรื่องการเผยแผ่พุทธศาสนาคืนสู่อินเดียและร่วมฟังธรรม ทางทีมข่าวทีนิวส์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษท่านฑูตอินเดีย ในประเด็นของการกระชับสัมพันธ์ทางศาสนาระหว่าง 2 ประเทศ ดังเนื้อหาใจความต่อไปนี้
ท่านฑูตฯได้รู้จักกับพระอาจารย์อารยวังโสอย่างไร?
ข้าพเจ้าได้รู้จักพระอาจารย์อารยวังโสมาตั้งแต่ก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาประเทศไทยเสียอีก ในแง่ที่ท่านเป็นผู้นำด้านจิตวิญญานในศาสนาพุทธ ทางรัฐบาลอินเดียได้ให้ความสำคัญกับบุคคลสำคัญด้านจิตวิญญานในศาสนาพุทธ... -
"แก่นธรรม คือสติ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
"แก่นธรรม คือสติ"
" .. ธรรมทั้งหลายมันก็อยู่นี่แหละ "แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นั้น เหล่านั้นเป็นเปลือกเป็นนอก แก่นมันก็คือสติ" ให้ทำเอา "สตินั่นแหละ ทำให้มีกำลัง เมื่อสติมีแล้วมันก็รักษาจิตของมัน" มันไม่ให้ไปออกซ้ายออกขวา สติคอยขนาบเข้ามา ๆ สติแก่กล้า จิตย่อมทนไม่ได้ เมื่อทนไม่ได้มันก็สงบลง "ครั้นสงบลงแล้วมันก็รู้"
"เดี๋ยวนี้มันไม่มีปัญญา มันก็ส่ายไปมา เพราะมันไปหลายทาง" จึงไปหลายทางเพราะเป็นอาการของมัน มันไปตามแง่ของมัน คือเวทนามันเป็นแสงของจิต สัญญาก็เป็นแสงของจิต ความปรุงนั้นก็เป็นแสงของจิต วิญญาณ เครื่องรู้ทวารทั้งหกก็เป็นแสงของจิตออกไปทั้งนั้น
"ผู้รู้แท้ ๆ ถ้าจะสมมุติว่าตนก็แม่นเจ้าจิตนั้นแหละแม่นเจ้าสตินั้นเหละที่สมมุติว่าตน" นอกจากนั้นเป็นอาการทั้งนั้น .. "
อนาลโยวาท
หลวงปู่ขาว อนาลโย -
ศีลข้อ5 กับอานุภาพของวัตถุมงคลของหลวงปู่หงษ์ มหาโพธิสัตว์
ดั่งใด้สดับมา เรื่องการดื่มเหล้ากับของเสื่อมหรือใม่เสื่อม สมัยหนึ่งข้าพเจ้า (อ ,เสก) ใด้อยู่อุปฐากรับใช้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ หลังแขกกลับหมด ท่านใด้คุยบอกว่า เครื่องรางของขลังต่างๆนั้นใม่สามารถช่วยคนใด้หรอก จริงๆแล้วเป็นเพียงอนุสติเครื่องรำลึกนึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์เพื่อให้คนทำความดีเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้รักษาศิลทำแต่ความดี ☺แต่ยามเกิดภัยอันตรายสิ่งที่ช่วยคนคือ เทวดา พรหม เจ้าแม่ธรณี ครูบังบด ครูภูเขา เทพเจ้าเหล่าภูมิเทวดาที่อยู่บริเวณนั้น เนื่องจากยามเกิดอันตรายคนมักจะเรียกชื่อครูบาอาจารย์ให้ช่วยเมื่อท่านใด้ยินเหล่าเทวดาก็จะมาช่วยเหลือ หลวงปู่บอกว่าเวลาท่านปลุกเสก ของวัตถุมงคล เมื่อท่านใด้ทำการประจุวิทยาคมและจิตตานุภาพพลังจิตของท่านลงสู่วัตถุมงคลแล้ว ท่านก็มักจะอธิฐานบอกกล่าวกับพระครูบาอาจารย์ เหล่าเทวดา พระแม่ธรนี ครูภูเขา เจ้าบังบท... -
ธรรมทาน เป็นการเร่งรัดบารมีเดิม - หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
☆☆☆☆☆
ธรรมทาน สามารถทำได้ด้วยทางไหนบ้าง...?
☆☆☆☆☆
การถวายทานนี่มีอานิสงส์ไม่เสมอกัน
ถวายทาน เป็นส่วนบุคคลก็มีอานิสงส์ตามลำดับ ก็ขอตัดเอาขั้นสูงเลย ที่ท่านบอกว่า
▪ถวายสังฆทาน ๑๐๐ ครั้ง
มีผลไม่เท่ากับถวายวิหารทานหนึ่งครั้ง
และต่อมา
▪ท่านต่อว่า สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ
การให้ ธรรมเป็นทานชนะทานทุกอย่าง
ก็หมายความว่า
○ การสร้างหนังสือธรรมะ
○ การให้วิชาความรู้
○ หรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทที่สอนธรรมะแก่คนก็ดีสอนกรรมฐานแก่คนก็ดี นี่เป็นธรรมทาน
☆☆☆ สอนกรรมฐาน เป็นทานขั้นสูงสุด ☆☆☆
อ้างอิงจาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๓๙ หน้า ๕๗
โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง)
*******************************************************************************************
https://www.facebook.com/punyawat.tuntommarat -
“หลวงปู่ดู่”เน้นเรื่องการทำบุญโดยการ สวดมนต์ ภาวนา รักษาศีล ให้ทานทำให้ครบ แทนการบริจาคเงินเข้าวัดมากๆ จึงจะเป็นการทำตามคำสอนพุทธองค์
“หลวงปู่ดู่”เน้นเรื่องการทำบุญโดยการ สวดมนต์ ภาวนา รักษาศีล ให้ทานทำให้ครบ แทนการบริจาคเงินเข้าวัดมากๆ จึงจะเป็นการทำตามคำสอนพุทธองค์
การทำบุญทำกุศลนั้น โปรดอย่านึกว่าจะต้องหอบข้าวหอบของไปใส่บาตรที่วัดทุกวัน หรือบุญจะเกิดได้ก็ต้องทอดกฐินสร้างโบสถ์ สร้างศาลา และอื่นๆ อย่างที่เขาโฆษณาขายบุญกันทั้งทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ และใบเรี่ยไรกันเกลื่อนกลาด จนรู้สึกว่าจะต้องเป็นภาระที่จะต้องบริจาคเมื่อไปวัดหรือสำนักนั้นๆ เป็นประจำ
บทสวดมนต์ชื่อ พระพุทธชัยมงคลคาถา ที่ขึ้นต้นด้วยพาหุงมีอยู่ท่อนหนึ่ง ซึ่งกล่าวถึงพระพุทธเจ้าทรงชนะมารคือกิเลสว่า
“ทานาทิธัมมวิธินา ชิตวา มุนินโท” แปลว่า
พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นจอมปราชญ์ ทรงชนะมารคือกิเลส ด้วยวิธีบำเพ็ญบารมีธรรม คือความดี มีการบริจาคทานเป็นต้น
พระพุทธเจ้าทรงสอนการทำบุญทำกุศล ด้วยการให้ทาน รักษาศีล และสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา ให้ทานทุกครั้ง ให้ทำลายความโลภ คือกิเลสทุกครั้ง รักษาศีล เจริญภาวนาเพื่อทำลายความโกรธ ความเห็นแก่ตัว ให้ใจสะอาด ใจไม่เศร้าหมอง มองเห็นบาปคุณโทษได้ทุกครั้ง ทำได้ดังนี้จึงชื่อว่า ทำตามพระพุทธเจ้า
หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ
FB วัดป่า @watpah... -
"พญายมราช แนะนำ" อุทิศส่วนกุศล : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ท่านพระยายมราชได้มาบอกอาตมาเรื่องการอุทิศส่วนกุศลให้คนตาย เมื่อวันปวารณาออกพรรษาปีพ.ศ.2531 ว่า
"ที่สำนักท่านพระยายมราชจะหยุดทำงานเรียกว่า หยุดนรกการ ๓ วัน คือวันออกพรรษา วันปวารณา และวันรุ่งขึ้น รวมเป็น๓วัน วันมหาปวารณาเป็นวันสำคัญท่านไม่สอบสวน พวกที่คอยการสอบสวนตามปกติเขามีอิสระอยู่แล้วจะไปไหนก็ได้ แต่ถึงเวลาสอบสวนก็จะมาเองเพราะกฎของกรรมบังคับ คนที่มาคอยอยู่ที่นี่จะมีโอกาสพ้นนรกหรือไม่ก็ยังไม่แน่ ถ้าบรรดาญาติฉลาด หมายถึงทำบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลเจาะจงให้ตรงเฉพาะคนเดียว โดยเอ่ยชื่อ นามสกุล อย่าให้คนอื่น เพระเวลานั้นยังเป็นเวลาปลอดอยู่ มีสภาพคล้ายสัมภเวสี"
อาตมาจึงถามว่า ทำบุญอะไรพวกนี้จึงจะไปสวรรค์ชั้นสูงและมีความสุขมาก
ท่านตอบว่า "แดนใดที่ไม่มีบุญทำแล้วก็ไม่ได้รับเหมือนกัน หมายความว่าพระสงฆ์ที่เราไปทำบุญนั้นเป็นพระแค่ศีรษะกับห่มผ้าเหลือง ไม่ปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญาให้ครบถ้วนเรียกว่า "สมมุติสงฆ์" อย่างนี้ทำไปเท่าไรก็ไม่มีผล อุทิศส่วนกุศลให้คนตายเขาก็ไม่ได้รับ ถ้าทำบุญในเขตที่มีบุญน้อย ผู้รับก็มีอานิสงส์น้อย มีความสุขน้อย ทำบุญในเขตที่มีอานิสงส์มากได้รับผลบุญมากก็มีความสุขมาก... -
"ทำความสงบใจอย่างไร" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"ทำความสงบใจอย่างไร"
" .. คือปกติใจนั้นไม่สงบ "เวลาจะนอนมันก็ยังคิดยังปรุงไปตามกระแสของกิเลสที่ฉุดลากไป ให้ได้รับความกังวลวุ่นวายอยู่นั้นแล" เราให้สงบอารมณ์เหล่านั้นเสีย "แล้วนำอารมณ์แห่งธรรมซึ่งเป็นอารมณ์น้ำดับไฟ คือความรุ่มร้อนของกิเลสให้เย็นลงด้วยคำบริกรรม" เช่น "เราบริกรรมพุทโธ ๆ หรือธัมโม หรือสังโฆ" บทใดก็ได้ที่เราชอบใจตามจริตนิสัยของเรา
นำเข้ามาบริกรรมจิตใจของเรา "นึกคำว่า พุทโธ ๆ มีสติกำกับอยู่กับคำว่า พุทโธ ๆ นั้นตลอดไป" สำรวมใจไม่ให้กิเลสฉุดลากออกไปคิดในแง่ต่าง ๆ นอกจากอรรถจากธรรมที่เราบริกรรมอยู่นี้เท่านั้น เราสำรวมระวังไว้ให้ดี
เมื่อเราสำรวมระวังไว้ด้วยดี โดยมีสติควบคุมอยู่เสมอแล้ว "จิตใจของเราที่เคยคิดฟุ้งซ่านรำคาญนั้นจะค่อยสงบตัวเข้ามา" สงบตัวเข้ามาสู่ตัวเองแล้วปรากฏเป็นความสงบผ่องใส รื่นเริงขึ้นที่ใจของเรา ด้วยธรรมซึ่งเป็นน้ำดับไฟ ที่เราบริกรรมอยู่นี้ไปเรื่อย ๆ
นี่เรียกว่า "น้ำดับไฟคือคำบริกรรม ดับความคิดปรุง" ความเดือดร้อนทั้งหลาย กลายเป็นใจที่สงบเย็นขึ้นมาภายในตัวของเรา "นี่คือภาวนาได้ผล" คนที่มีการภาวนาจิตใจสงบลงแล้ว ตื่นขึ้นมาวันหลังนี้... -
เริ่มต้นปฏิบัติธรรมที่บ้านอย่างไรให้ได้บุญมาก
เริ่มต้นปฏิบัติธรรมที่บ้านอย่างไรให้ได้บุญมาก
การปฏิบัติเพื่อจุดมุ่งหมายให้พบสุข ต้องเข้าใจถึงเส้นทางแห่งความสำเร็จหรือการที่จะพาไปถึงความสุขนั้นได้จริง ไม่หลงทางไม่ผิดเส้นทาง ในทางธรรมนั้นก็คือ อริยมรรคมีองค์ 8 ซึ่งนั่นก็คือองค์รวมทั้งหมดของการปฏิบัติ ก่อนที่จะทราบถึงวิธีปฏิบัติ อันดับแรกที่เราต้องทำก็คือ ปรับทัศนคติให้ถูกต้องกับการปฏิบัติก่อน เปรียบกับเราหันหัวรถให้ตรงกับเส้นทางที่เราจะไปเสียก่อนจะได้ไม่ผิดทิศทาง
ให้ความสำคัญกับ“จิต”ตนเอง
ในคำสอนของพระอริยสงฆ์ของพระราชวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ ดุล อตุโล ท่านเคยเมตตากล่าวไว้ว่า “จิตนั้นคือสิ่งสูงสุด เป็นพุทธะที่แท้” หมายความว่าจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่องปราศจากกิเลสใด ๆแล้วคือเป็นสิ่งที่สูงสุดในพระพุทธศาสนาคือ ดับแล้วซึ่งกิเลสทั้งสามกองใหญ่ ๆ คือ โลภ โกรธและหลง
การเน้นปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้บุญอย่างสูงสุด ผู้ที่มีสัมมาทิฐิจะมุ่งเน้นให้จิตสะอาดปล่อยวางจากสิ่งต่างๆได้ คือพิจารณาว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไม่มีอะไรเป็นของเราเลย" เมื่อเรารักษาความคิดของเราให้สามารถปล่อยวางได้ ความรู้สึกหรือจิตที่ขุ่นมัว เสียใจ น้อยใจ โกรธ โลภ หลง... -
ความรู้ที่ ไม่มีธรรม มันเป็นความรู้ “ ก ฎ ห ม อ ย ” ความรู้ที่ มีธรรม ก็เป็น กฎหมาย
ความรู้ที่ ไม่มีธรรม มันเป็นความรู้ “ ก ฎ ห ม อ ย ”
ความรู้ที่ มีธรรม ก็เป็น กฎหมาย
ความเรียนรู้สูงต่ำขนาดไหนไม่เกิดประโยชน์ถ้าไม่มีธรรมเข้าบังคับบัญชา คนนั้นจะเสียคน
เห็นไหมมันจะทำโลกให้ล่มจมอยู่เวลานี้ มีแต่คนที่ทะนงตนว่าเรียนสูงๆ ทั้งนั้นแหละ แต่กิเลสมันต่ำมันลากลงมาหามัน แล้วมันก็ขึ้นเหยียบกิเลสเลยสูงกว่าความรู้ไปเสีย แล้วพาความรู้นั้นไปทำสิ่งเสียหายโดยไม่คิดไม่คำนึง มิหนำซ้ำยังทะนงตนว่ารู้ ว่าหลักนักปราชญ์ฉลาดแหลมคม เรียนกฎหมงกฎหมายก็ว่ารู้ยิ่งกว่าโลกเขา แต่ “ ก ฎ ห ม อ ย “ มันติดอยู่นั้นไม่ได้ดู มันเอา “ ก ฎ ห ม อ ย “ ออกไปใช้เผาโลกไปหมด เห็นไหมนั่น ความรู้ที่ไม่มีธรรมมันเป็นความรู้ “ ก ฎ ห ม อ ย “ ความรู้ที่มีธรรมก็เป็น กฎหมาย กฎตายตัว กฎปกครองโลก คือกฎหมายออกมาจากศีลธรรม มาเป็น กฎหมาย ข้อบังคับที่ถูกต้องดีงามให้ส่วนรวมปฏิบัติอยู่ใต้อำนาจของ กฎหมาย จะมีความเสมอภาคกัน มีความสงบร่มเย็น
กฎหมาย ออกมาจากศีลธรรม มาเป็น กฎหมาย ข้อบังคับที่ถูกต้องดีงามให้ส่วนรวมปฏิบัติอยู่ใต้อำนาจของ กฎหมาย จะมีความเสมอภาคกัน มีความสงบร่มเย็น
หน้าที่การบ้านการเมืองก็ทำให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น... -
"พระป่า กับ พระราชา"
ศาลาหลังนี้ ในหลวงท่านก็ขึ้นมาสนทนาธรรมกับสมเด็จพระสังฆราช(สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) (เจริญ สุวฑฺฒโน) เมื่อปี ๒๕๒๖
สมเด็จพระสังฆราชฯท่านชอบปฏิบัติในป่าในเขา เมื่อก่อนไม่มีวัดญาณฯ ท่านก็จะไปปฏิบัติทางภาคอีสาน ไปอยู่กับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เช่น หลวงตามหาบัว พระอาจารย์ฝั้น พระอาจารย์วัน ท่านชอบไปวัดป่า ไปภาวนา แล้วพอท่านมาสร้างวัดญาณฯ ก็มีพระปฏิบัติมาสร้างกระต๊อบถวายให้ท่านอยู่บนเขานี้ ท่านก็ชอบ กระต๊อบเล็กๆไม่ใหญ่
เวลาที่ท่านมาทำภาระกิจที่วัดญาณฯ ตกตอนเย็นตอนค่ำท่านก็จะขึ้นมาปฏิบัติพักค้างแรมบนเขา ในหลวงท่านก็เคยมาเฝ้ามาสนทนาธรรม ท่านก็มารับเสด็จฯที่บนศาลาหลังนี้ ในหลวงท่านก็เลยดำริอนุญาตให้พระอยู่อาศัยบนนี้ได้ เพราะทรงประกาศเขตป่านี้ให้เป็นเขตอุทยาน เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามกฏหมายนี้เขาไม่ให้ใครขึ้นมาอยู่ ไม่ให้ใครมาใช้ประโยชน์ แต่เนื่องจากพระมาอยู่ก่อนที่จะประกาศเขต ท่านก็เลยอนุญาตเป็นกรณีพิเศษ
แล้วท่านเองก็เคยดำริว่า ท่านอยากจะสละราชสมบัติแล้วมาบวชอยู่บนเขานี้ ตอนที่ท่านครบอายุ๖๐ แต่เนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองมันมีเรื่องราวอยู่เรื่อยๆ... -
ทำนิพพานให้แจ้งต้องใช้ ความเพียรเช่นเดียวกับทุกเรื่องในโลกนี้
ทำนิพพานให้แจ้งต้องใช้ ความเพียรเช่นเดียวกับทุกเรื่องในโลกนี้
อันว่าความสำเร็จทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมใช้เวลา ใช้ความเพียรในการปฏิบัติทั้งสิ้น เป็นการสั่งสมบ่มเพาะ กว่าจะสำเร็จในแต่ละขั้นตอนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ดังนั้นไม่ว่าเรากำลังเผชิญสิ่งใดอยู่ก็ตามขอให้ระลึกถึง "ความเพียร" เอาไว้ พระพุทธองค์เองกว่าจะประสบความสำเร็จในการออกบวชต้องใช้เวลา 6 ปี ผ่านสองอาจารย์ ผ่านการทรมานตัวเอง และผ่านช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายแห่งชีวิตมาจึงได้สำเร็จมรรคผล
การกระทำสิ่งใดก็ตามเพื่อความสำเร็จที่แท้จึงต้องมีการปฏิบัติสร้างกันไปเป็นลำดับขั้น
"ดูก่อน ภิกษุ ทั้งหลาย. เราย่อมไม่กล่าวการประสบความ
พอใจในอรหัตตผล ด้วยการกระทำอันดับแรกเพียง
อันดับเดียว.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ก็แต่ว่า การประสบความพอใจในอรหัตตผล
ย่อมมีได้เพราะการศึกษาโดยลำดับ เพราะการกระทำโดยลำดับ เพราะการปฏิบัติโดยลำดับ.
ภิกษุ ทั้งหลาย.ก็การประสบความพอใจในอรหัตตผล
ย่อมมีได้เพราะการศึกษาโดยลำดับ เพราะการกระทำโดยลำดับ
เพราะการปฏิบัติโดยลำดับนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ทั้งหลาย. บุรุษบุคคลในกรณีนี้ :
เป็นผู้มีสัทธา เกิดขึ้นแล้ว ย่อม... -
ชีวิตคนเราตั่งแต่เกิดเป็นเด็กทารก จน สิ้นวาระตายจากโลกเหมือน"สมบัติน้ำแข็ง"
ชีวิตคนเราตั่งแต่เกิดเป็นเด็กทารก จน สิ้นวาระตายจากโลกเหมือน"สมบัติน้ำแข็ง" สมดังหลวงปู่ดู่บอก เป็นเช่นไรพิจารณาดู#ปริศนาธรรม
มีโอวาทของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ที่ท่านเคยบอกว่า "ที่แกทำ ๆ ไปน่ะ มันสูญเปล่า ชีวิตจะมีค่าก็ตอนไหว้พระ สวดมนต์ ภาวนาเท่านั้น" บางคนคงแย้งท่านในใจว่า มันสูญเปล่าที่ไหนกัน เราทำงาน ทำกิจกรรมต่าง ๆ เราก็ได้ผลงาน ได้เงินได้ทองมาเลี้ยงชีวิตตัวเรา แถมยังเอาไปสงเคราะห์ญาติได้อีก
มาถึงตอนนี้ เมื่อเราอายุมากขึ้นประสบการณ์ชีวิต ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ๆ ว่า ที่ทำ ๆ ไป ไม่ว่าจะดูซับซ้อน วิจิตรเพียงใด มันก็แค่ "หาอยู่ หากิน" เลี้ยงอัตภาพร่างกายเท่านั้น อย่างมากก็เพิ่มความภาคภูมิใจในผลงาน พอหมดลมแล้วก็หมดกัน เอาติดตัวไปไม่ได้ ไม่เหมือนอย่างกิจกรรมการภาวนาเพื่อพัฒนายกระดับจิตใจ มันกินลึกและเอาติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปได้ สมบัติทางโลก ๆ จะมากมายและวิจิตรประณีตขนาดไหน มันก็เป็นแค่ "สมบัติน้ำแข็ง" อยู่ดี เพราะมันจะค่อย ๆ ละลาย เรากำมันไว้ได้แค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น
ติดตามข่าวเพิ่มที่ :“หลวงปู่ดู่”เน้นเรื่องการทำบุญโดยการ สวดมนต์ ภาวนา รักษาศีล ให้ทานทำให้ครบ... -
บุญเดย์!! เคล็ดลับ "อยู่กับบุญ" ของหลวงปู่ดู่ ... รู้แล้วทำเลย! ได้บุญ 24 ชั่วโมง!!
บุญเดย์!! เคล็ดลับ "อยู่กับบุญ" ของหลวงปู่ดู่ ... รู้แล้วทำเลย! ได้บุญ 24 ชั่วโมง!!
เทคนิคอยู่กับบุญของหลวงปู่ดู่
ตื่นเช้ามา ขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ว่า "พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ, สังฆัง สรณัง คัจฉามิ"
ก่อนจะกินข้าวก็ให้นึกถวายข้าวพระพุทธ (นับเป็นอนุสติอย่างหนึ่ง)
ออกจากบ้านเห็นคนอื่นเขาทำความดี เช่นว่า ใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน บอกข่าวงานบุญต่าง ๆ ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขา
เดินผ่านไปเห็นดอกไม้ที่ใส่กระจาดวางขายอยู่หรือดอกบัวในสระข้างทางก็ให้นึกอธิฐานถวายเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัยโดยว่า "พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ" และต้องไม่ลืมอุทิศบุญให้แม่ค้าขายดอกไม้หรือรุกขเทวดาที่ดูแลสระบัวนั้นด้วย
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
ตอนเย็นนั่งรถกลับบ้านเห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมบูชาพระรัตนตรัยโดยว่า "โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา" (เป็นการบูชาระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ก่อเกิดอานิสงส์แห่งบุญในดวงจิต)
เวลาไปที่ไหนเห็นข่าวคนตาย คนเจ็บ คนป่วย คนที่กำลังมีความทุกข์ก็ดี ผ่านจุดที่คนตายบ่อย ๆ เห็นศาลเจ้า ศาลพระภูมิก็ดี ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า บารมีรวมของครูบาอาจารย์... -
ก่อนหลับตาคืนนี้ เอาบุญเสียหน่อย! หลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนทำบารมีง่ายๆก่อนนอน ทำทุกคืนอานิสงส์สูงอย่างคาดไม่ถึง
ก่อนหลับตาคืนนี้ เอาบุญเสียหน่อย! หลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนทำบารมีง่ายๆก่อนนอน ทำทุกคืนอานิสงส์สูงอย่างคาดไม่ถึง
วิธีทำบุญให้เป็นฌานแบบง่ายๆก่อนหลับและหลังจากตื่นนอนใหม่ๆ
ก่อนจะหลับทำบุญเสียหน่อย ตั้งใจเอาเงินใส่ในภาชนะนั้นเก็บไว้ คิดว่าเราจะถวายพระเป็นค่าภัตตาหารก็ได้ เป็นวิหารทานก็ได้ เป็นธรรมทานก็ได้ หรือสร้างพระพุทธรูปก็ได้ตามใจชอบ แต่ก่อนที่จะใส่ถ้าว่าคาถาวิระทะโยเป็นก็ว่าไป ถ้าไม่ว่าก็นึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ หรือพระปัจจเจกพุทธเจ้า ถือว่าเวลานั้นจิตของท่านเป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ เป็นอนุสสติใหญ่ การคิดว่าจะเอาสตางค์ใส่ในบาตรหรือใส่ในกระป๋อง คิดว่าจะใส่ อันนี้เป็นจาคานุสสติกรรมฐาน เป็นทาน การใส่อย่างนั้นเป็น “ทานบารมี”
บรรดาท่านพุทธบริษัท การทำเพียงแค่นี้ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททำทุกวันอย่างนี้ อาตมาขอยืนยันว่าทุกคนนี่ลงนรกไม่ได้ ถ้าเรามีการเริ่มต้นอย่างนี้ หากว่าญาติโยมจะถามว่าทุกคนต้องการไปนิพพาน ทำจิตถ้าเป็นฌานอย่างนี้พื้นฐานใหญ่ ถ้าหากว่านอนหลับตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ ถ้าเราหวังนิพพาน สำหรับท่านที่ได้มโนมยิทธิ อย่าลืมพุ่งใจตรงไปนิพพานทันที... -
คือพระปรีชาโดยแท้!! เมื่อพระสหายจากแดนไกลชักชวนให้ในหลวง ร.9 นับถือคริสต์ ... แต่พระองค์กลับแสดง "พระราชปฏิภาณ" จนทำให้ผู้ชวนหันมาสนใจพุทธ!!
คือพระปรีชาโดยแท้!! เมื่อพระสหายจากแดนไกลชักชวนให้ในหลวง ร.9 นับถือคริสต์ ... แต่พระองค์กลับแสดง "พระราชปฏิภาณ" จนทำให้ผู้ชวนหันมาสนใจพุทธ!!
ครั้งหนึ่ง "กษัตริย์โบดวงแห่งเบลเยียม" ได้เสด็จฯ มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยพระบรมราชินี และระหว่างที่ประทับอยู่ในพระนครในฐานะเป็นราชอาคันตุกะนั้นก็ได้ทรงชักนำ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙" ให้เปลี่ยนศาสนาไปนับถือศาสนาคริสต์อย่างพระองค์อยู่หลายครั้ง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสถามถึงเหตุผลที่ทรงชักชวน กษัตริย์โบดวงจึงกราบทูลว่า
"พระองค์ทรงมีความรักใคร่ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรามาก ไม่อยากจะพลัดพรากเหินห่างจากกันเลย แต่จะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต่อเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนับถือศาสนาคริสต์ด้วยกันเท่านั้น เพราะศาสนาคริสต์สอนว่า คริสต์ศาสนิกชนเมื่อสิ้นชีพแล้วจะได้ไปอยู่ใกล้ชิดกับพระผู้เป็นเจ้าชั่วนิรันดร"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมิได้ปฏิเสธคำทูลโดยตรง แต่ทรงมีพระราชดำรัสตอบว่า
"พระพุทธศาสนาก็เชิดชูสัจจะ คือความจริง สอนให้ผู้นับถือเข้าถึงความจริง... -
6 เม.ย. วันจักรี เทิดปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี กับที่มา"จักร" และ "ตรี" ศาสตราวุธแห่งมหาเทพวิษณุ ความหมายอันศักดิ์สิทธิ์ในตราประจำราชวงศ์
6 เม.ย. วันจักรี เทิดปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี กับที่มา"จักร" และ "ตรี" ศาสตราวุธแห่งมหาเทพวิษณุ ความหมายอันศักดิ์สิทธิ์ในตราประจำราชวงศ์
วันจักรี หมายถึง วันที่ระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ปฐมบรมราชวงศ์จักรี เสด็จกรีฑาทัพถึงพระมหานครทรงรับอัญเชิญขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ดำรงราชอาณาจักรสยามประเทศ อีกทั้ง ทรงสร้างกรุงเทพมหานครขึ้นเป็นเมืองหลวงของไทย มาจนถึงทุกวันนี้
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว ในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.๕) จึงโปรดเกล้าฯ ให้หล่อพระบรมรูปของพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ พระองค์ (ร.๑ – ร.๔) เพื่อประดิษฐานไว้ให้พระมหากษัตริย์องค์ต่อๆ มา พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ และประชาชนได้ถวายบังคมสักการะ โดยเป็นการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เป็นธรรมเนียมปีละครั้ง และได้โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และมีการย้ายที่หลายครั้ง เช่น พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ปราสาท และ พระที่นั่งศิวาลัยปราสาท เป็นต้น
ในสมัยรัชกาลที่ ๖ นั้น โปรดให้ย้ายพระบรมรูปทั้ง ๔ ( ร.๑ – ร.๔ ) มาไว้ ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม... -
"พระพุทธภูมิ" (หลวงปู่จันศรี จนฺททีโป)
"พระพุทธภูมิ"
.. บุคคลใดปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ..
- พึงบำเพ็ญ พุทธการกธรรม ๑๐ ประการ (ทศบารมี) ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์
๑. การเสียสละทรัพย์ เพื่อบำเพ็ญทศบารมี จัดเป็นบารมีขั้นต้น
๒. การเสียสละอวัยวะ เพื่อบำเพ็ญทศบารมี จัดเป็นบารมีขั้นกลาง (อุปบารมี)
๓. การเสียสละชีวิต เพื่อบำเพ็ญทศบารมี จัดเป็นบารมีขั้นสูง (ปรมัตถบารมี)
- พึงประกอบด้วยอัชฌาชัย ๖ ประการ ..
๑. การเห็นโทษในความโลภ อยู่โดยปกติ
๒. การเห็นโทษในความโกรธ อยู่โดยปกติ
๓. การเห็นโทษในความหลง อยู่โดยปกติ
๔. การเห็นโทษในความคลุกคลี อยู่โดยปกติ
๕. การเห็นโทษในการครองเรือน อยู่โดยปกติ
๖. การเห็นโทษในภพและคติทั้งปวง อยู่โดยปกติ
ข้อความจารึก ณ พระบรมธาตุธรรมเจดีย์
วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี -
ปาฏิหาริย์พระบรมธาตุที่ยอดเขาพระพุทธบาท : หลวงพ่อปาน
เมื่อเวลาใกล้ค่ำ คณะห้าธุดงค์มีหลวงพ่อปานเป็นประมุข ต่างก็หาที่ปักกลดตามที่ตนเห็น สมควร เมื่อปักกลดเสร็จ ทำวัตรสวดมนต์ตามระเบียบของพระที่เดินไปหาที่ตายเพราะอยู่วัดสบายกว่า ท่านเดินไปกันอย่างชนิดไม่ทราบว่าอาหารมื้อหน้าหรือมื้อนี้จะมีที่ไหน ไม่มีใครสนใจเรื่องอาหาร เพราะคิดว่าตายเดี๋ยวนี้ไปนิพพานเดี๋ยวนี้ ไปนิพพานดีกว่าอยู่เป็นพระกินข้าว เมื่ออารมณ์ทุกท่านเป็นอย่างนี้ นอกจากหลวงพ่อปานท่านปรารถนาพระโพธิญานอย่างเดียว แต่ท่านก็มีชั้นดุสิตเป็นที่ไปเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว สมัยก่อนท่านสอนไปนิพพานช้า ไม่ใช่โตแล้วเรียนลัด แต่ท่านหวังผลแน่นอน ถ้ามีอารมณ์ถึงสวรรค์ชั้นกามาวจร ท่านก็สอนให้ไปชั้นที่ตัวมีวาสนาถึงเป็นประจำเพื่ออารมณ์จะได้ผูกพัน เมื่อตายอารมณ์จะแจ่มใส มีที่ไปแน่นอน หรือท่านองค์ใดไปพรหมตามกำลังฌานได้ ท่านก็ไปของท่านเป็นประจำ พวกที่เบื่อสวรรค์กามาวจรหรือพรหม มีอารมณ์ถึงพระนิพพาน ถ้าได้มโนมยิทธิต่างก็ไปนอนนิพพานเป็นปกติ ตอนนี้พวกนักธรรมอาจจะสงสัยว่านิพพานนี่สูญนี่เจ้าประคุณ ไปนอนกันได้อย่างไร เอาอย่างนี้นะขอตอบแบบนักเทศน์ก่อน เพราะนักธรรมเป็นพวกนักเทศน์... -
เคล็ดในการทำบุญ ปล่อยสัตว์ หรือต่อชีวิตสัตว์ การสะเดาะเคราะห์ที่กลายเป็นบุญใหญ่ได้ หากรู้เคล็ด!
เคล็ดในการทำบุญ ปล่อยสัตว์ หรือต่อชีวิตสัตว์
การสะเดาะเคราะห์ที่กลายเป็นบุญใหญ่ได้ หากรู้เคล็ด!
วิธีนี้นิยมกันมากตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แต่เป็นที่น่าเสียดายที่หลายคนทำแล้วไม่เห็นผล หรือไม่ได้บุญมากตามที่ปรารถนา เพราะขาดเคล็ดลับสำคัญ ซึ่งจะมาเผยแพร่ให้ทราบ
ในการปล่อยสัตว์หรือต่อชีวิตสัตว์นั้น หลายคนเรียกว่า เป็นการสะเดาะเคราะห์ซึ่งก็แล้วแต่จิตจะพาไป แต่ในความเป็นจริงก็คือ เป็นการทำบุญใหญ่เป็นการช่วยต่อชีวิต ต่อโชคชะตา ให้เวลากับสัตว์ที่กำลังจะถึงที่ตายให้ได้มีชีวิตอีกครั้ง
และเคล็ดสำคัญก็คือ ก่อนที่จะปล่อยสัตว์นั้น เมื่อได้ซื้อมาหรือ เจอ ณ ที่ใดก็ตามให้นำไปถวายกับพระสงฆ์เสียก่อน เพื่อเพิ่มบุญให้มากขึ้น
เหตุเพราะว่า พระสงฆ์ที่รับนั้นมีความบริสุทธิ์และมีศีลมากกว่าเรา ท่านย่อมมีบุญมากกว่าเรา ยิ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญมากแล้ว บุญนั้นจะเพิ่มเป็นหลายเท่า
จากนั้นก็ขอทำการผาติกรรมชำระหนี้สงฆ์ หรือขอซื้อคืนมาจากท่าน แต่ที่สำคัญต้องจำไว้ให้มั่นก็คือ ต้องใช้ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากับที่ซื้อสัตว์นั้นมา ถ้าจำนวนเงินที่ชำระหนี้สงฆ์มากกว่าก็จะเป็นการสร้างบุญเพิ่ม... -
คาถาจักรพรรดิ พลานุภาพ พุทธคุณครอบจักรวาล แผ่เมตตา ปรับภพภูมิส่งวิญญาณไปสู่สุขคติได้
คาถาจักรพรรดิ
พลานุภาพ พุทธคุณครอบจักรวาล
แผ่เมตตา ปรับภพภูมิส่งวิญญาณไปสู่สุขคติได้
การปรับภพภูมิส่งวิญญาณนั้น เป็นวิชาชั้นสูงของครูบาอาจารย์ตั้งแต่โบราณกาล และได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์มาโดยตลอดโดยจะเลือกผู้ที่มีบุญเชื่อมกัน โดยเฉพาะหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.อยุธยา ที่ท่านได้รับสืบทอดมาและได้สั่งสอนลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก โดยที่ท่านได้สร้างพระผงพระจักรพรรดิและมีคาถาพระจักรพรรดิเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับภพภูมิ
พระจักรพรรดินั้น เป็นพระปางหนึ่งของพระพุทธเจ้า ที่ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงเนรมิตพระรูปของพระองค์ดังพระจักรพรรดิที่ใหญ่กว่ากษัตริย์ทั้งปวงเพื่อปราบมาร ที่เรารู้จักกันดี ในพระพุทธรูปปางทรงเครื่อง ที่รู้จักกันดีก็คือ พระประธานที่หน้าวัดพระเมรุ จ.อยุธยา
ส่วนคาถาพระจักรพรรดิ นั้นเป็นคาถาที่รวมพุทธคุณครอบจักรวาล ที่มีพลานุภาพมาก ในเรื่องต่างๆ จากร้ายให้กลับกลายมาเป็นดี จากที่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
พระผงพระจักรพรรดิและคาถาพระจักรพรรดิเป็นของสูง ผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์สามารถที่จะสวดนำไปแผ่เมตตาให้ดวงจิตวิญญาณทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ตัวเรา เพื่อปรับภพภูมิต่างๆ ให้เขาสูงขึ้น... -
หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถอนคุณไสย ให้แขกฮินดูด้วยยันต์ทอพุทโธ
หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ถอนคุณไสย
ให้แขกฮินดูด้วยยันต์ทอพุทโธ
หลวงพ่อเหล่ง เขมชาโต ศิษย์วัดบางนมโค
ได้บันทึกไว้ว่ามีแขกฮินดุคนหนึ่งมาจากอินเดีย
เรียนวิชาไสยศาสตร์มาทางไศวนิกาย
มาพร้อมลูกสาวมาเปิดบ้านทำวิชาคุณไสย
แถวบ้านแพน วิชาแกเก่งมาก ทำให้ใครๆ
ก็มักไปหาแก ด้วยความที่แกเก่งมาก
ในเวลาเพียงสามเดือนก็ดังไปทั่วอำเภอเสนา
มีชาวบ้านมาถามถึงวิชาพวกนี้ หลวงปู่ปาน
ท่านบอกว่าของแบบนี้เวลาทำคนอื่นไม่รู้สึก
บาปกรรมอะไร เมื่อใดโดนเองจะรู้ว่าการโดน
คุณไสย มันทำให้เดือดร้อนเท่าใด
ต่อมาคนที่โดนแขกฮินดูคนนี้ทำคุณไสย
ไปหาผู้มีวิชาแก้ได้ คุณไสยไม่โดนตัวแก
แต่ไปโดนลูกสาวแก ปวดหัวและอาการ
คุ้มดีคุ้มร้าย แกพยามแก้อย่างไรก็ไม่บรรเทาเลย
พอดีมีคนไทยบอกว่า หลวงพ่อปานท่านแก้ไขได้
แกรีบอุ้มลูกสาวแกมาที่วัด เข้าไปพนมมือ
เรียกท่านว่า บาบา ช่วยลูกสาวฉันด้วย
บาบาจะเอาเท่าไหร่ ฉันยอมจ่ายเลย มันเป็นมาก
คล้ายบ้าเลย แขกฮินดูวิงวอน
หลวงปู่ปานท่านมองดูเด็กผุ้หญิงที่โดน แล้วก็ตอบว่า
ฉันไม่เอาสินจ้างใดๆ บังไหว้พระพุทธเจ้าก่อนฉันจะ
รักษาให้ด้วยอำนาจพระพุทธเจ้า เจ้าแขกฮินดู
เลยถามว่า ภควานพุทธ รักษาได้เหรอบาบา... -
"หลวงปู่มั่น..บรรลุธรรม"
"หลวงปู่มั่น..บรรลุธรรม"
..หลวงปู่ชอบท่านพักภาวนาอยู่กับองค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ ถ้ำดอกคำ บ้านสหกรณ์ ตำบลน้ำแพร่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่..
มีเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญ ถึงเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องของท่านโดยตรง แต่หลวงปู่ชอบท่านเป็นผู้หนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์วันองค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บรรลุ “ ธรรมธาตุ ” สำเร็จมรรคผลเป็น “ พระอรหันต์ ” ในพระพุทธศาสนา..
คืนนั้นเวลาประมาณตีสามกว่า หลวงปู่ชอบท่านนั่งภาวนาอยู่ที่พักของท่าน จิตท่านในเวลานั้นสว่างไสว ใสงามมาก แต่แล้วจู่ๆความสว่างไสวของจิต เกิดดับวูบลงไป อย่างกะทันหัน พร้อมกับมีเสียงกึกก้องกัมปนาท สะเทือนเลื่อนลั่น ไปทั่วขุนเขา..
ท่านเปรียบเทียบว่าเสียงนี้ไม่ต่างอะไรกับระเบิดปรมาณูมาระเบิดอยู่ข้างๆตัวเรา จนท่านเกิดอาการสั่นไหวในจิต คล้ายกับผืนแผ่นพสุธา จะแตกสลายกลายเป็นจุล..
อาการเหล่านี้เกิดขึ้นภายในจิตของท่านเท่านั้น แต่สิ่งต่างๆที่อยู่ภายนอก ก็เป็นปรกติทุกอย่าง ตั้งแต่ท่านภาวนามาก็ไม่เคยประสบพบเจอ กับอาการแบบนี้ของจิต ท่านจึงพิจารณาดูภายในว่า เกิดอะไรขึ้นกับจิตของตน พิจารณาดูจิตก็ไม่เห็นผิดปรกติตรงไหน..... -
หลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนไว้...ถ้าเจอผีแปลว่ากำลังมีบุญ ! เจอเมื่อไหร่ให้นึกอุทิศได้เลย ไม่ต้องรอ...
หลวงพ่อฤาษีลิงดำสอนไว้...ถ้าเจอผีแปลว่ากำลังมีบุญ ! เจอเมื่อไหร่ให้นึกอุทิศได้เลย ไม่ต้องรอ...
ผีมาขอส่วนบุญที่โรงพยาบาล
โดย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
"..อาตมาเข้าไปพักรักษาตัวในตึกแห่งหนึ่งในโรงพยาบาล นอนพักตอนกลางวัน พอเคลิ้มหลับก็เหมือนมีคนมานอนด้วยมีความสัมผัสว่าเป็นเนื้อคน ปรากฏว่าเป็นผู้ชายต่อมาวันรุ่งขึ้นก็มานั่งคุยด้วย ก็เลยถามว่า
"เมื่อวานนี้มาใช่ไหม"
ตอบว่า "ใช่ครับ"
ถามว่า "ทำไมมาทำแบบนี้ ถ้าคนอื่นเขาอยู่ไม่ได้นะนี่ฉันไม่เป็นไร"
เขาบอกว่า "ผมตายที่เตียงนี้ครับ"
ก็ถามว่า "ทำไมมายุ่งที่นี่ ฉันจะนอน"
เขาบอกว่า "เขามาเพื่อให้ทราบและมีความประสงค์อยากขอความช่วยเหลือ"
ก็เลยบอกว่า "ทีหลังจะขอความช่วยเหลือใคร ก็บอกเขาตรง ๆ ประการแรก ก่อนที่จะเข้ามา ทำให้เขาไม่กลัวก่อน อย่างฉันนี่ทำอย่างไรก็ไม่กลัวแน่ มีทางเดียวฉันกลัวตัวฉันเอง"
เขาถามว่า "กลัวแบบไหน"
ตอบว่า "กลัวว่าฉันโมโหจับสองขาแกฟาดน่ะสิ"
บอกว่า "อย่าเพิ่งครับ ๆ" แล้วนั่งยอง ๆ เลยบอก
"เอาไป ๆ อยากได้ก็ให้โมทนา" เขาโมทนาแล้วก็หายไป การที่เขาเข้าไปอย่างนั้นคนที่อยู่ในนั้นต้องมีบุญทีนี้เขาจะบอกก็ไม่ได้ยิน... -
๖ เมษายน วันจักรี..แวะไหว้ศาลหลังเมืองกรุงเทพ!!! เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว สร้างมาเพื่อปกป้องบ้านเมืองและประชาชน สาธุยาวๆ...
๖ เมษายน วันจักรี..แวะไหว้ศาลหลังเมืองกรุงเทพ!!! เพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว สร้างมาเพื่อปกป้องบ้านเมืองและประชาชน สาธุยาวๆ...
5 จุดสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ใน ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร หรือบ้างก็เรียกว่า ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง, หลักเมือง เป็นอีกหนึ่งจุด ที่ประชาชนคนไทย มาสักการะกัน การไหว้ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ก็เพื่ออธิษฐานขอพระ เสริมหลักชัยให้ชีวิตนั่นเอง ตัวศาลหลักเมือง ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระแก้ว เดินข้ามฝั่งก็ถึง
ลำดับขั้นตอนการสักการะ ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร
จุดที่ 1 หอพระพุทธรูป
จุดที่ 2 องค์พระหลักเมืองจำลอง
จุดที่ 3 องค์พระหลักเมืององค์จริง
จุดที่ 4 หอเทพารักษ์ทั้ง 5
จุดที่ 5 เติมน้ำมันพระประจำวันเกิด และสะเดาะเคราะห์
ศาลหลักเมือง กรุงเทพฯ (Bangkok City Pillar Shrine)
เป็นศาลที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 พร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ร.1 ได้โปรดเกล้าให้กระทำพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ตรงกับวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2325 เวลา 6.45 นาฬิกา...
หน้า 383 ของ 413