<VSN><<<โปรพิเศษ พย.นี้ 100บ. ทุกรายการ " พระเครื่องพุทธคุณหลักล้าน ราคาหลักร้อย " >>><NSV>

ขอจองครับ

ขอจองครับ จะแจ้งให้ทราบหลังโอนครับ

 

รับทราบครับท่าน...............

 

พระธาตุพนม
​

​

พระธาตุพนม เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของภาคอีสาน ประดิษฐานบนเนินที่เรียกว่าภูกำพร้า ปัจจุบันเป็นบริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมราว ๕๒กิโลเมตร พระธาตุพนมสร้างขึ้นแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ประมาณ พ.ศ.๘ โดยเจ้าเมือง ๕องค์คือ พระยาสุวรรณภิงคารนะ พระยาคำแดง พระยาอินทปัตถะนคร พระยาจุลนีพรหมทัต และพระยานันทเสน เพื่อบรรจุพระอุงรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ลักษณะพระเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม หรือทรงแจกัน ก่อด้วยอิฐมีลวดลายจำหลักลงไปในแผ่นอิฐ มีซุ้มคั่นด้านละซุ้ม ซ้อมกัน ๓ชั้น ลดหลั่นกันลงมาอย่างวิจิตร
พระธาตุพนมได้รับการบูรณะเรื่อยมาตามกาลเวลา และในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ องค์พระธาตุพนมได้หักโค่นลง ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศได้ร่วมกันสละทุนทรัพย์ก่อสร้างขึ้นใหม่ และมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบรรจุอีกครั้งในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๒๒
​

คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนโม 3 จบ)
ปุริมายะ ทักขิณายะ ปัจฉิมายะ อุตตะรายะ เหฎฐิมายะ อุปะริมายะ
ทิสายะ กะปะณะสิริส สะมิง
ปัพพะเต กัสสะเปนะ ฐาปิตัง
พุทธะอุรังคะธาตุง สิระสา นะ มามิ เสตะฉัตตัง สุวัณณะระชะตัง
ระตะนัง ปะณีตัง พุทธะอุรังคะเจติยัง
อะหัง วันทามิ สัพพะทา

พระผงพระธาตุพนม พิมพ์พระพุทธปางนาคปรก(พิมพ์เล็ก) ปี๒๕๑๘

พระผงพระธาตุพนม พิมพ์พระพุทธปางนาคปรก ปี๒๕๑๘ พิมพ์เล็ก เนื้อผงสีแดงอิฐ
พิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ หลวงปู่ฝั้น, หลวงปู่คำพันธ์, พระอาจารย์สายกรรมฐานหลายท่าน และเกจิภาคอีสานร่วมปลุกเสกเพียบ ได้ร่วมปลุกเสกเมื่อประมาณปี๒๕๑๘ โดยได้ใช้ส่วนผสมพระแตกหักในกรุองค์พระธาตุ ดินในองค์พระธาตุ ว่านต่างๆที่บรรจุในองค์พระธาตุพนม ผงพระธาตุในพระเจดีย์ของพระธาตุพนมซึ่งมีอายุหลายร้อยปี เป็นมวลสารสำคัญ มากด้วยประสพการณ์ สภาพสวยเดิมๆ


*ปิดรายการนี้ครับ

 

เหรียญ หลวงพ่อดำรงค์ วัดหัวริน ต.สะโตก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ กะไหล่เงินเก่าครับ


[FONT=&quot]*ปิดรายการนี้ครับ[/FONT]

 

​

หลวงปู่ครูบาธรรมมุนี ฐิตธัมโม พระป่าอาคมขลัง
สงฆ์ผู้ถูกเลือกให้สืบทอดไสยศาตร์โบราณที่สาบสูญ แห่งอาณาจักรนครจำปาศรีนครโบราณ 1,000ปี
สวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐิ์เมธี ต.นาข่า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม
เรื่องและภาพโดย......อังสะ

ชีวประวัติโดยย่อ
หลวงปู่ครูบาธรรมมุนี ฐิตธัมโม ภิกษุ ผู้มีสัจจะตั้งมั่นอันแรงกล้าว่าจะบวชเป็นสมณะสงฆ์ในพระพุทธศาสนาครองผ้า กาสาวพัตรโดยไม่คิดสิกขาลาเพศบรรพชิต แม้จะสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย จะสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์พระศาสดาสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า หลวงปู่มีจิตใจฝักใฝ่ในธรรมมาตั้งแต่เยาว์วัย โดยได้ติดสอยห้อยตามพ่อและแม่เข้าวัดไปทำบุญฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมอยู่บ่อยๆ ด้วยเพราะว่ามีอุปนิสัยเป็นเด็กที่ร่าเริงเรียบร้อยและมีปัญญาที่เฉลียวฉลาด หลักแหลม สามารถจำบทพระพุทธมนต์ที่พระท่านสวดเวลาไปทำบุญที่วัดได้และสามารถสวดตามได้ อย่างแม่นยำคล่องแคล่ว จังหวะทำนองและน้ำเสียงฟังแล้วนุ่มนวลไพเราะจับใจ จึงเป็นที่รักใคร่เมตตาเอ็นดูของพระและชาวบ้านที่ได้รู้จักหลวงปู่ในตอนนั้นได้เห็นพระท่านทำน้ำมนต์ เขียนอักขระเลขยันต์หรือแม้แต่การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง จึงได้เกิดศรัทธาและสนใจเวทมนต์คาถาตั้งแต่วัยเด็กจึงอยากจะร่ำเรียนวิชา คาถาอาคมเอาไว้คอยช่วยเหลือผู้คนบ้าง

ออกบรรพชา
ครั้น พออายุ ๑๒ ปี หลวงปู่มีความคิดอยากจะบวชเป็นสามเณรจึงปรึกษาขออนุญาตพ่อแม่บวช ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมเจริญพระกัมมัฏฐานคู่ไปกับพระธรรมวินัยพร้อมทั้งเรียน ทางโลกควบคู่กันไป ซึ่งนับว่ายากมากสำหรับเด็กอายุ ๑๒ ปี โดยท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรและอยู่กับ พระครูปัญญาสารประทิศ วัดบูรณะอาณาเขต จ.มหาสารคาม หลังจากที่ได้บรรพชาแล้วท่านปฏิบัติตนสมกับเป็นธรรมทายาทปรนนิบัติรับใช้ พระภิกษุทุกรูปภายในวัดโดยไม่เกียจคร้านแต่อย่างใด หมั่นสวดมนต์ทำวัตร ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างมิขาดตกบกพร่อง อีกทั้งยังชอบเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วยท่านจึงมักปลีกวิเวกตัวเองหามุมสงบ ภายในวัดนั่งสมาธิภาวนา โดยการชี้แนะแนวทางโดยท่านเจ้าอาวาสอย่างเมตตาเอ็นดู และ ยังได้ติดสอยห้อยตามพระออกธุดงค์เข้าปริวาสกรรมบ้างเพื่อเป็นการฝึกฝนตัวเอง ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ท่านได้ออกธุดงควัตรไปทั่วทั้งในประเทศหรือข้ามฝั่งไปลาว พม่า เขมรท่านได้พบกับผู้มีวิชาอาคมและพลังจิตที่กล้าแข็งมากมายทั้งที่เป็นพระ สงฆ์ ฤาษี และฆราวาสจึงได้ร่ำเรียนเวทย์มนต์คาถาและอักขระเลขยันต์ต่างๆควบคู่กับการ ปฏิบัติสมาธิภาวนาอย่างเอกอุมุ่งมั่น
ครั้น พออายุครบบวชท่านได้ญัตติเป็นพระภิกษุสงฆ์โดยมี พระครูอุดมปัญญาการ ( หลวงปู่บุญนาค อุตตโม ) วัดภูกระแต จ.อุดรธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ ในชีวิตแห่งเพศบรรชิตของหลวงปู่นั้นท่านมุ่งมั่นปฏิบัติตนได้สมกับเป็นพระ ภิกษุในพระพุทธศาสนาอบรมบ่มธรรมให้กับญาติโยมอยู่เนืองนิจและยังสามารถใช้ วิชาต่างๆช่วยเหลือผู้คนที่มาให้ท่านช่วยท่านก็ทำให้ด้วยความเมตตา

สงฆ์ผู้ถูกเลือก
ด้วย เพราะบุญบารมีของหลวงปู่และจิตใจอันงดงาม ปฏิปทาที่เรียบร้อยเอ็นดูต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ไม่มีเลือกชั้นวรรณะยากดีมีจน ท่านไม่สนใจ ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ท่านมักแสดงธรรมที่ลึกซึ้งแต่เข้าใจง่ายๆหลายคนอาจมองข้ามซึ่งธรรมะที่ท่าน แสดงนั้นอยู่กับตัวเรานี่เองเป็นอะไรที่เห็นกันทุกวัน เหตุนี้เองหลวงปู่จึงเป็น สงฆ์ผู้ที่ถูกเลือก ให้สืบสานตำนานพระเวทย์โบราณ ที่หายสาปสูญ โดยพระภิกษุชรา ทั้ง ๗ รูป จากนครจำปาศรี เมืองโบราณ คืนหนึ่งหลวงปู่ท่านทำวัตรสวดมนต์เสร็จแล้วท่านเดินจงกลมรอบโคนไม้ด้านหน้า กุฏิพิจารณากายสังขารอันไม่จีรังยั่งยืน จากนั้นท่านกลับเข้ากุฏินั่งสมาธิภาวนาเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน เดินปราณแห่งอาโปกสินเป็นอารมณ์ พิจารณาตามลมหายใจเข้าออกมองสังขารตัวเองจนจิตสงบ คืนนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เคยเป็นมาหลวงปู่รู้สึกถึงความว่างเปล่าเป็น อย่างมาก ร่างกายเบาจนเหมือนอากาสธาตุแต่กายยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ในความว่างนั้นมีพระภิกษุชรา 7 รูปปรากฎอยู่เบื้องหน้ามีรัศมีสีเหลืองทองอร่ามบ่งบอกถึงความมีบารมีอย่าง มาก ภิกษุชราทั้ง 7 รูปพูดออกมาพร้อมกันด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลไพเราะกังวาลกับหลวงปู่ว่า นวกะ เราเป็นพระในสมัยทวารวดีแห่งนครจำปาศรีเราทั้งหมดได้มองเห็นท่านแล้วว่าท่าน สมควรที่จะได้รับสืบทอดสรรพวิชาที่เรามี เพื่อที่จะได้นำไปช่วยเหลือผู้คนที่ทุกข์ร้อน จากนั้นพระภิกษุชราทั้งหมดก็หายไปหลวงปู่คลายออกจากสมาธิ มานั่งทบทวนในสิ่งที่เห็นในนิมิตแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรอาจเป็นเพราะจิตของเรา ปรุงแต่งขึ้นมาเองหรือเปล่า ครั้นหลวงปู่จำวัตรพอได้ครึ่งหลับครึ่งตื่นจิตก็เข้าสู่ความว่างอีกครั้ง ได้เห็นพระภิกษุชราทั้ง 7 รูปมาหาอีกและได้มอบผ้าไตรจีวรให้เปลี่ยนใหม่หนึ่งชุด จากนั้นก็บอกให้หลวงปู่นอนลงพนมมือ หนึ่งในพระภิกษุชรารูปหนึ่งเดินมานั่งอยู่ด้านเหนือหัวของหลวงปู่แล้วท่อง คาถาบทสวดต่างๆที่ไม่เคยได้ยินให้หลวงปู่ฟัง บอกเป็นบทบาทคาดคาถาออกมา ตลอดระยะเวลากว่า 10 คืนจะเป็นอย่างนี้ตลอดโดยพระภิกษุชราจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันสอนถ่ายทอด ให้ด้วยความเมตตาซึ่งหลวงปู่ก็รับด้วยจิตศรัทธาเช่นกัน
สรรพ วิชาคาถาอาคม ว่านยาสมุนไพร และไสยศาสตร์ต่างๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดนั้นพิศดารและเข้มขลังพลังล้ำลึกเป็นอย่างมาก หลวงปู่ได้ใช้สรรพวิชาที่ได้ร่ำเรียนมาออกธุดงค์ช่วยเหลือญาติโยมที่ทุกข์ ร้อนอยู่เสมอไม่ว่าผ่านไปที่ใดก็ตาม มีทั้งการรักษาโรคชาวบ้านด้วยว่านยาสมุนไพรต่างๆ ผู้ที่ถูกคุณผีคุณคน คุณไสยมนต์ดำและอาถรรพ์ต่างๆหลวงปู่ก็ช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย

เริ่มสร้างวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง
หลาย คนมาขอของดีกับหลวงปู่ สมัยก่อนท่านจะให้วัตถุมงคลกับใครท่านจะพิจารณาก่อน ว่าผู้ที่ต้องการของๆท่านนั้นเป็นคนดีหรือเปล่า และก่อนที่ท่านจะให้นั้นท่านจะเทศนาให้ธรรมมะแก่ผู้ที่มาขอก่อนเสมอ วัตถุมงคลที่จะให้ก็มีตะกรุดโทนกันภัยบ้าง ตะกรุด เมตตาบ้าง ผ้ายันต์จารมือบ้าง และลูกอมคำหมากเป็นต้น หลายคนได้วัตถุมงคลของหลวงปู่ไปใช้แล้วต่างก็มีประสบการณ์ที่แตกต่างกันออก ไปไม่เหมือนกัน ส่วนวัตถุมงคลที่ท่านสร้างอย่างเป็นทางการนั้นประมาณปี 2538 เป็นต้นมาส่วนมากเป็นพระผงพิมพ์สมเด็จ เหรียญรูปเหมือน ล๊อกเก็ตและผ้ายันต์ ถ้าเป็นพระผงท่านกับพระเณรภายในวัดจะทำกันเองทั้งการผสมผง โขลกว่าน ตำว่าน ปั๊มพระทำกันภายในวัดทั้งสิ้น

เหรียญ หลวงปู่ครูบาเจ้าธรรมมุนี ฐิตธฺมโม ภิกขุ อายุยืน๑ พุทธสถานสุประดิษฐ์เมธี ต.นาซา อ.วาปีประทุม จ.มหาสารคาม ปี๔๗ รุ่นเงินไหลนองทองไหลมา


[FONT=&quot][FONT=&quot]*ปิดรายการนี้ครับ
[/FONT][/FONT]

 

เหรียญ หลวงปู่ครูบาสม วัดแก้วแจ่มฟ้า สร้าง พศ.๒๕๒๓ จ.เชียงใหม่ กะไหล่เงินเก่าครับ


[FONT=&quot]*ปิดรายการนี้[FONT=&quot]ครับ[/FONT][/FONT]

 

เหรียญรุ่น๑ หลวงพ่อบุญเปลี่ยน ปฺญญาธโร จัดสร้าง ที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพเจ้าอาวาสวัดห้วยก้าง ต.ไม้ยา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย ปี๒๕๓๖


[FONT=&quot]*ปิดรายการนี้ครับ[/FONT]

 

​

พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
(พระองค์เจ้าวาสุกรี สุวณฺณรํสี)
พุทธศักราช ๒๓๙๔-๒๓๙๖

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร
แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

สมเด็จ พระมหาสมณเจ้าฯ ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรง เป็นพระมหาสมณเจ้า ฯ พระองค์แรก กับเป็นพระราชวงศ์พระองค์แรก ที่ทรงได้รับสถาปนาให้ ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช ทรงสถิต ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ดำรงสมณศักดิ์เมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๔ ถึงปี พ.ศ. ๒๓๙๖ รวม ๒ พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุได้ ๖๔ พรรษา สมเด็จ พระมหาสมณเจ้า ฯ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๒๘ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๓ มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวาสุกรีทรงผนวช เป็นสามเณรเมื่อพระชนมายุได้ ๑๒ พรรษา เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๔๕ ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ เมื่อทรงผนวชแล้ว เสด็จไปประทับ ณ วัดพระเชตุพน ฯ ทรงศึกษาหนังสือไทย และภาษาบาลีตลอดทั้งวิชาอื่น ๆ จากสมเด็จพระพนรัตน์ จนทรงมีพระปรีชาสามารถ ทั้งทางคดีโลกและคดีธรรม มีผลงานอันเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก
ใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ให้รวมวัดในแขวงกรุงเทพ ฯ ขึ้นเป็นคณะหนึ่งเรียกว่าคณะกลางแล้วได้สถาปนากรมหมื่นนุชิตชิโนรสให้ดำรง สมณศักดิ์เสมอเจ้าคณะรอง และทรงตั้งเป็นเจ้าคณะกลาง
พระ บาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นนุชิตชิโนรส ขึ้นเป็น กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงสมณศักดิ์เป็นพระมหาสังฆปริณายก ทั่วพระราชอาณาเขต ให้จัดตั้ง พระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษกที่วัดพระเชตุพนฯมีทั้งพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์ คล้ายกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกของคณะสงฆ์ไทย
สมเด็จ พระมหาสมณเจ้า ฯ ทรงมีพระอัจฉริยภาพหลายด้าน ได้ทรงพระนิพนธ์เรื่องพระปฐมสมโพธิกถา ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดกหรือร่ายยาวมหาชาติซึ่งนับเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกทางพระ พุทธศาสนาในสมัยรัตนโกสินทร์
ใน ทางพระพุทธศิลป์ ได้ทรงคิดแบบพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ถวายพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ โดยทรงเลือกพระอิริยาบทต่าง ๆ จากพุทธประวัติเป็นจำนวน ๓๗ ปาง เริ่มตั้งแต่ปางบำเพ็ญทุกขกิริยา จนถึงปางห้ามมาร พระพุทธรูป ปางต่าง ๆ เหล่านี้ได้ทรงพระนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ ไว้มากเช่น ลิลิตตะเลงพ่าย พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรสเทศนาพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาลิลิตกระบวนพยุห ยาตราพระกฐินสถลมารค และชลมารค เป็นต้น
ใน ทางอักษรศาสตร์ ก็ได้นิพนธ์เรื่องฉันท์มาตราพฤติ และวรรณพฤติ ตำราโคลงกลบท คำกฤษฎี เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้นิพนธ์บทกวีอีกเป็นจำนวนมาก ที่ล้วนมีคุณค่าเป็นเพชรน้ำเอกทางวรรณกรรมของไทยตลอดมา ในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ประกาศยกย่องสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมระดับโลก ประจำปี พ.ศ.๒๕๓๓ นับเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่ได้รับการถวายเกียรตินี้
เมื่อ พระองค์สิ้นพระชนม์แล้ว ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชก็ว่างตลอดรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ อาจจะเนื่องจากไม่มีพระเถระรูปใด มีคุณสมบัติอยู่ในฐานะที่จะทรงสถาปนาตามหลักเกณฑ์ กล่าวคือ ตามพระราชประเพณีนิยมที่มีมาแต่โบราณ พระเถระที่จะทรงตั้งเป็นสมเด็จพระสังฆราช และสมเด็จพระราชาคณะนั้น ก็เฉพาะผู้ทรงคุณสมบัติพิเศษ คือเป็นพระอุปัชฌาย์เป็นอาจารย์เป็นที่ทรงนับถือเหมือนอย่างพระอุปัชฌาย์ หรือพระอาจารย์ หรือเป็นผู้ใหญ่ผู้เฒ่ามีอายุแก่กว่าพระชนมพรรษา แม้ว่าจะว่างสมเด็จพระสังฆราชแต่การ ปกครองคณะสงฆ์ก็สามารถดำเนินไปได้ด้วยดี เนื่องจากแต่โบราณมาพระมหากษัตริย์ทรงถือเป็นพระราชภาระในการปกครองดูแลคณะ สงฆ์ โดยมีเจ้านาย หรือขุนนางผู้ใหญ่ในตำแหน่ง เจ้ากรมสังฆการี เป็นผู้กำกับ ดูแลแทนพระองค์สมเด็จพระสังฆราชมิได้ทรงบัญชาการคณะสงฆ์โดยตรงทรงดำรงฐานะ ปูชนียบุคคล การปกครองในลักษณะนี้ ได้มาเปลี่ยนแปลงไปในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ


สมเด็จเนื้อผง ด้านหลังกรมพระปรมานุชิตวิโนรส วัดพระเชตุพนธ์ (วัดโพธิ์) เก่าหายากครับ

​

[FONT=&quot]
*ปิดรายการนี้ครับ[/FONT]

 

ขอจององค์นี้เพิ่มครับ

 

รับทราบครับ ชื่อบัญชี อยู่หน้าแรก ที่กระทู้แรกเลยนะครับ​

 

แวะมาเยี่ยมชมจ้า

 

ขอบคุณครับท่าน.............
​

 

โอนเงินแล้วครับ รายะเอียดใน PM ครับ

 

ได้รับแล้วครับพรุ่งนี้จะรีบจัดส่งให้ครับ ขอบคุณครับท่าน.............

 

โอนแล้วตามใบโอนนี้ ที่อยู่ตามPMครับ

 

ขอจองเหรียญ ลพ.คูณ เพชรน้ำเอก และเหรียญสุริยุปราคา ลป.แย้ม(150+150=300)
โอนแล้วจะรีบแจ้งให้ทราบครับ

 

ได้รับแล้วครับพรุ่งนี้จะรีบจัดส่งให้ครับ ขอบคุณครับท่าน.............

 

รับทราบครับ ชื่อบัญชี อยู่หน้าแรก ที่กระทู้แรกเลยนะครับ

 

รายการใหม่ เดินทางแล้วนะครับเช้านี้ 7/9/54

sayank : EI524611500TH

 

หลวงพ่อเพี้ยน อัคคธัมโม หรือ พระครูวิมลสมณวัตร

หลวงพ่อเพี้ยน เกิดในสกุล ยอดวัด เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3ค่ำ เดือน 3 ปีขาล พุทธศักราช 2470ที่บ้านเกริ่นกฐิน ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ชีวิตในวัยเยาว์ หลังจบการศึกษาภาคบังคับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4จากนั้นก็ช่วยเหลือครอบครัวในการประกอบอาชีพทำนา จวบกระทั่งถึงวัยแห่งการครองเรือน แต่ภายหลังเกิดความเบื่อหน่าย จึงหันหน้าเข้าสู่เส้นทางธรรม ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2519ณ พัทธสีมาวัดกำแพง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยมีหลวงพ่อเจือ เจ้าอาวาสวัดกำแพง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา "อคฺคธมฺโม" มีความหมายว่า "ผู้มีธรรมอันยอดเยี่ยม" ภายหลังเข้ารับการอุปสมบท ได้ย้ายไปพำนักที่วัดเกริ่นกฐิน เพื่อบำเพ็ญสมณกิจ สวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา และได้มีโอกาสได้ร่ำเรียนวิทยาคมจากหลวงพ่อปาน เจ้าอาวาสวัดเกริ่นกฐิน ในยุคนั้น รวมไปถึงการได้ทบทวนสรรพวิชาเข้มขลังจากแผ่นดินกัมพูชา ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากโยมบิดาของท่าน

หลวงพ่อปาน พระเกจิเรืองอาคม เป็นพระภิกษุที่สัญจรมาจากประเทศกัมพูชาเช่นกัน ซึ่งหลวงพ่อปานได้กล่าวเน้นย้ำเป็นการเตือนสติอยู่เสมอว่า "คนเราจะทำการใดๆ ต้องมีจิตที่มุ่งมั่น ตั้งใจในการศึกษา หัวใจของการศึกษาวิชาอาคมให้บังเกิดผล ถึงความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ จะต้องเริ่มที่สติ เมื่อสติมั่นคงก็จะบังเกิดเป็นสมาธิ สมาธิจะทำให้เกิดปัญญา สามารถทำจิตให้เป็นหนึ่งเดียว และเมื่อถึงขั้นนั้น จะทำสิ่งใดๆ ย่อมได้ผล" ดังนั้น เมื่อท่านได้ฝึกจิตตามแนวทางของหลวงพ่อปาน ทำให้การเรียนด้านวิชาอาคม บังเกิดความก้าวหน้า และได้รับความศรัทธาจากชาวบ้านที่ประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต่างๆ นานา โดยท่านได้ใช้อำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ รวมทั้งวิทยาคม ใครถูกคุณไสยมนต์ดำ อวิชชาชั้นต่ำ สรรพวิญญาณดุร้ายเข้าสิงร่าง ใช้มนต์คาถากำราบ ใครเจ็บป่วยเป็นไข้ป่า ใช้ยาสมุนไพรรักษา สามารถพลิกผันเปลี่ยนขาวเป็นดำ บำบัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายได้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ ชื่อเสียงร่ำลือระบือไกล

ต่อมาในปี พ.ศ.2521วัดเกริ่นกฐิน ร้างเจ้าอาวาสปกครอง ญาติโยมได้พากันไปร้องต่อพระผู้ใหญ่จังหวัดลพบุรี ขอให้แต่งตั้งหลวงพ่อเพี้ยน เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งได้รับการตอบสนองตามคำร้องขอเป็นอย่างดี ภายใต้การปกครองดูแลวัดเกริ่นกฐิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2521จนถึงปัจจุบัน วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อเพี้ยนไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ดำรงตนอย่างสมถะ เป็นพระชาวบ้านธรรมดา แต่ว่าเข้าถึงจิตใจคนทุกระดับชั้น ไม่มีการเลือกชั้นวรรณะของผู้ที่ขอเข้าไปกราบนมัสการ

หลวงพ่อเพี้ยน ได้ย้อนอดีตถึงปฐมเหตุแห่งการเป็นพระผู้เสก ว่า ในคราแรก เลือกมาพำนักที่วัดเกริ่นกฐิน ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา เพื่อปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อปาน ที่กำชับเอาไว้ สิ่งที่เริ่มต้น คือ การเจริญภาวนาทำให้เกิดจิตที่มั่นคง เป็นสมาธิ วันหนึ่ง ในราวพรรษาที่ 3ท่านมีกิจนิมนต์ ต้องเดินทางจากวัดไปยัง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี โดยเส้นทางจากหมู่บ้านเกริ่นกฐิน สู่ถนนสายหลักท่าโขลง-บ้านหมี่ ห่างไกลพอสมควร จำต้องเดินผ่านทุ่งนา ในบางช่วงต้องเดินผ่านป่าละเมาะ สองฟากทางรกทึบมาก หลวงพ่อเพี้ยน เดินทางออกจากหมูบ้านเกริ่นกฐินเพียงเล็กน้อย ได้พบเห็นการกระทำของโจรร้ายกำลังปล้นชิงทรัพย์ของชาวบ้าน แต่เจ้าทรัพย์ ต่อสู้ขัดขืน จึงถูกคนร้ายใช้มีดแทงจนถึงแก่ความตาย ไปต่อหน้าต่อตา ท่านบังเกิดความเวทนาต่อชาวบ้านผู้เคราะห์ร้ายเป็นยิ่งนัก เมื่อเดินทางกลับวัด ได้ทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ความคิดว่า หากชาวบ้านผู้นั้นมีวัตถุมงคลคุ้มครองป้องกันตัว อาจแคล้วคลาดภยันตรายได้อย่างแน่นอน

ปัจจัยจากการเช่าบูชาทุกบาททุกสตางค์ หลวงพ่อไม่เคยนำเข้าพกเข้าห่อใช้จ่ายส่วนตัว แต่ท่านจะนำปัจจัยไปใช้ในด้านการพัฒนาวัดวาอาราม วัดเกริ่นกฐิน จึงได้เกิดสิ่งใหม่ๆ มากมาย เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก อวดสายตาแก่ญาติโยม อาทิ ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ 2ชั้น หอฉัน หอสวดมนต์ หอระฆัง กุฏิสงฆ์ ศาลาอเนกประสงค์ อุโบสถ เมรุ เจดีย์พิพิธภัณฑ์ สร้างถนนลาดยางจากถนนสายหลักท่าโขลง-บ้านหมี่ เข้าสู่หมู่บ้าน จัดสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียนวัดสระกระเบื้อง ใช้งบประมาณกว่า 2ล้านบาท อีกด้วย

เมื่อวันที่ 5ธันวาคม 2548 เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา หลวงพ่อเพี้ยน ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนาม "พระครูวิมลสมณวัตร" เข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ณ วัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 17ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา สร้างความปลาบปลื้มให้กับคณะศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง ​

หลวงพ่อเพี้ยน อัคคธัมโม อาคมแก่กล้าตั้งแต่ยังไม่บวช
​

นายเพี้ยนเมื่ออายุมากขึ้นก็เบื่อหน่ายทางโลกมากขึ้น แต่ก็ยังตัดละเลิกกิเลสต่างๆยังไม่ได้ โดยเฉพาะเหล้ายาปลาปิ้งเป็นของคู่กันเลยทีเดียว สมัยที่ไปๆมาๆอยู่กับวัด ท่านหลวงพ่อปานยังไม่สิ้น นายเพี้ยนเริ่มฉายแววแห่งความเป็นผู้มีวิชาอาคมในอนาคตเบื้องหน้า แม้ขณะนั้นยังได้รับฉายา....ตาเพี้ยนขี้เมา.....อยู่ก็ตามที
มี อยู่วันหนึ่งนายเพี้ยนออกไปนอกหมู่บ้าน ไปหาเหล้ากินตามประสา เกิดไปพบคนกลุ่มเขากำลังลองของลองวัตถุมงคลกันอยู่ โดยใช้ปืนยิงวัตถุมงคล ถ้าของใครแน่ปืนก็ยิงไม่ออก หรือสะบัดไม่ถูกของ เจ้าของพระก็จะยืดได้เต็มอกว่า มีของดีพุทธคุณสูงไว้ป้องกันตัว และพระองค์นั้นๆก็พลอยได้รับความศรัทธาเลื่อมใสไปด้วย
นาย เพี้ยนเข้าไปดูเขาลองของ ลองยิงพระเครื่องกัน ก็บังเกิดความไม่ชอบใจ ช่วงจังหวะหนึ่งก็สอดแทรกเข้าไปขอร่วมลองของกับเขาบ้าง โดยการเอาผ้าขาวม้าที่คาดเอวอยู่ในขณะนั้น ถอดออกมาแล้วขมวดไห้เป็นปม จากนั้นก็ท้าให้ลองยิงปืนดู ถ้าปืนยิงไม่ออก ฝ่ายยิงจะต้องแพ้เสียพนันเลี้ยงเหล้า แต่ถ้าปืนยิงออก ตนจะเป็นคนเลี้ยงเหล้าเอง
ฝ่าย ผู้ถูกท้าลองของถึงกับอึ้งเล็กน้อย นึกกระหยิ่มใจ วันนี้มีหวังกินเหล้าฟรีแน่นอน ตาเพี้ยนขี้เมาจะมาให้ยิงผ้าขาวม้าอะไรจะเก่งปานนั้น ว่าพลางก็ตกลงรับท้าพนัน
ตา เพี้ยนก็ท่องคาถาเป ่าลงไปที่ปมผ้าขาวม้า แล้วเอาไปวางบนคบไม้ จากนั้นก็ใช้ปืนยิงกันตามสบาย ผู้มีปืนไม่รอช้ายกปากกระบอกปืนขึ้นเล็งพร้อมเหนี่ยวไกทันที่ เสียงนกสับไกปืนดัง แชะ แชะ แชะ !?!....
กระสุนไม่แตกลั่นออกจากปากกระบอกปืนเหนี่ยวยิงเท่าไรก็ไม่ลั่นคราวนี้กลุ่ม ผู้ลองของ ถึงกับอึ้ง หันไปมองตาเพี้ยนขี้เมา ซึ่งขณะนั้นกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้ชนะ เดินไปหยิบผ้าขาวม้ามาคลายปมแล้วคาดเอวไว้ตามเดิม จากนั้นก็เชิญชวนให้นักลองของลองปืนไปเลี้ยงเหล้า คำนั้นเพี้ยนเมากลับบ้านอีกเช่าเคย

วัตถุมงคลรูปเหมือนปั๊มหลวงพ่อเพี้ยน พิธีปลุกเสก ณ อุโบสถวัดท่าโขลง วันเสาร์ที่ 22เมษายน 2549 เวลา 16.19น.

เนื้อตะกั่ว(เนื้อตะกั่วอวน ลูกสะกด หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน) จัดสร้าง 2,000องค์ มีโค๊ตและหมายเลขกำกับทุกองค์
เนื้อทองแดงขัดเงา จัดสร้าง 3,000องค์ มีโค๊ตและหมายเลขกำกับทุกองค์
เนื้อทองแดงรมดำ จัดสร้าง 4,000องค์ มีโค๊ตและหมายเลขกำกับทุกองค์
เนื้อทองเหลืองขัดเงา จัดสร้าง 6,000องค์ มีโค๊ตและหมายเลขกำกับทุกองค์

หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน รูปเหมือนปั๊ม เนื้อตะกั่ว(เนื้อตะกั่วอวน ลูกสะกด หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน) พิธีปลุกเสกวัดท่าโขลง ปี49 มี 4องค์ ครับ

รูปหล่อปั๊มรุ่นแรก ปี47 ราคาไปไกลแล้ว เก็บรุ่นนี้ดีกว่า สบายกระเป๋าพุทธคุณเกินคุ้มครับ ฟันธง!



[FONT=&quot]*ปิดรายการนี้ครับ[/FONT]