WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/9TokClnrNhU?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/9TokClnrNhU?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="360"></object>

 

ประสบการณ์เล็กๆวันที่ 11 ตุลา เริ่มจากว่าที่ม.ยังสอบไม่เสร็จ และวันนี้ก็มีสอบตอนบ่าย ตอนเช้านั่งทวนหนังสืออยู่ที่หอสมุดอาจารย์ป๋วย สักประมาณสิบโมง มหา'ลัยประกาศเลื่อนสอบ คนในหอสมุดเริ่มตื่นตัวนิดๆ วุ่นวายหน่อยๆ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่หอสมุดประกาศต้องการคนขนย้ายหนังสือ ตอนนั้นเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งกำลังขนย้ายคอม นศ.พากันเข้าไปช่วยขนย้ายหนังสือกัน วันนั้นสอบเสร็จสี่โมงเย็นได้ไปช่วยที่ศูนย์ผู้อพยพต่อ ตอนแรกไปช่วยคัดแยกเสื้อผ้า เห็นสภาพเสื้อผ้าที่ได้มาจากการบริจาค แล้วคิดถึงตัวเอง น้ำตาจะไหล หดหู่มาก สักพักไปช่วยยกข้าวสารกับปลากระป๋องต่อ เห็นยายคนนึงพาเด็กน้อยสองคนเดินมาขอปลากระป๋อง พี่เค้าถามไปว่า กินกันกี่คน ยายตอบว่า ขออะไรก็ได้ ให้หลานสองคนนี้กินหน่อย TT เศร้าใจเข้าไปอีก ...ก่อนสอบ โทรหาพ่อไม่ติด สักพักเริ่มตกใจจะกลับบ้านยังไง กลัวออกจากม.ไม่ได้ กลัวน้ำมาเร็วและแรง กลัวและเป็นห่วงทั้งๆที่น้ำยังไม่เข้าม. คืนนั้นตัดสินใจกลับบ้านเลย ไม่ได้เอาอะไรติดตัวกลับมามากที่สำคัญมีแค่หนังสือที่จะสอบอีก 5 วิชา ...เวลานี้นั่งติดตามข่าวเเล้วก็เป็นห่วงทางนู่น อยากอยู่ช่วย แต่ก็กลัวตัวเองจะเอาตัวไม่รอด เป็นห่วงเพื่อนที่อยู่กรุงเทพ เป็นห่วงมหา'ลัย เป็นห่วงผู้คนที่เค้าอพยพมา เป็นห่วงสมบัติที่หอ เป็นห่วง!


ที่เขียนมาไม่มีอะไรมาก...แค่อยากจะบอกว่า การมีสติสำคัญมาก อยากให้ลองคิดดูว่า ถ้ามีเหตุการณ์ที่ติดต่อครอบครัวไม่ได้ขึ้นมาจะทำยังไง ให้ลองปล่อยวางอะไรที่มันเกินกำลังของเรา ลองคิดดูว่าถ้าเราไม่มีสมบัติติดตัว อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ใช้เตือนสติได้ดีมาก อยากให้มองหลายๆด้าน คิดเผื่อไว้ถ้าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นมา อย่าบอกว่า ถ้ามันไม่เกิดล่ะ ->ซึ่งไม่เกิดก็ดี แต่ถ้ามันเกิดจะทำยังไง?

 

น้ำกองหนุนมาจากนครสวรรค์อีกก้อน เมื่อรู้แล้ว กทม.ควรเร่งสูบน้ำทำแม่น้ำลำคลองให้มีน้ำเหลือน้อยที่สุด ถ้าทำไม่ได้ไม่เหลือ ส่วนตัว กทม.น่าจะไม่รอดถึงวันที่ 16 ต.ค.54 เก็บของขึ้นที่สูงได้ (คาดการณ์) และที่น่ากลัวอีกที่คือน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ และขุนด่านฯ
HAII: Thailand Projected Wind and Rain Maps

 

มีข่าวความเป็นไปได้เรื่องการผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปบางปะกงด้วยคลองแสนแสบ(และคลองอื่นๆ) ถ้าบริหารจัดการน้ำไม่ดีหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้พื้นที่รอบๆคลองอาจจะมีน้ำสูงขึ้นมามากควรเตรียมตัวระมัดระวังครับ

 

ปทุมฯหวั่นป้องน้ำไม่ไหวทะลักท่วมกรุง

12 ตุลาคม 2554 เวลา 20:13 น.


ผู้ว่าฯปทุมธานียอมรับห่วงน้ำทะลักกรุง หลังชาวบ้านขวางไม่ให้สร้างคันกั้นน้ำ นักวิชาการระบุหากคันกั้นคลองรังสิตแตกจะกระทบกทม.รุนแรง
ผู้ประสบภัยขนสิ่งของอพยพออกจากพื้นที่หลังน้ำท่วมอ.สามโคก จ.ปทุมธานี
นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าวระหว่างประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้พนังกั้นน้ำที่จะกั้นน้ำไม่ให้เข้าท่วมกรุงเทพฯ เกิดความชำรุดเสียหายอย่างมาก และกระสอบทรายที่วางกั้นได้สูญหายไปในช่วงเวลากลางคืน จึงขอให้นายกฯประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน และขอกำลังเสริมทำคันกั้นน้ำ ซึ่งหากไม่ดำเนินการ น้ำจะเริ่มไหลเข้าท่วมพื้นที่ของ กรุงเทพฯภายในคืนวันที่ 12 ต.ค.นี้
"ขณะนี้ไม่มั่นใจว่าจะคุมสถานการณ์อยู่เพราะตอนนี้ชาวบ้านเกิดความแตกแยกไม่ยอมให้ทำคันกั้นน้ำแต่ก็ไม่ถอดใจจะพยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุด"นายพีระศักดิ์กล่าว

นายพีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้เคยยืนยันว่าสามารถป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าท่วมกรุงเทพฯได้แต่พอเกิดเหตุความแตกแยกในกลุ่มของชาวบ้านทำให้เริ่มไม่มั่นใจเพราะความสามัคคีมีไม่เหมือนเดิม ทำให้หวั่นว่าการรับมือกับแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มมีความหนักใจยากยิ่งขึ้นแม้ว่ารัฐบาลจะเพิ่มกระสอบทรายมาให้แต่หากประชาชนไม่ยอมก็ทำให้การป้องกันแม่น้ำเจ้าพระยาได้ลำบาก

ทั้งนี้น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทะลักเข้าท่วมถนนขาเข้าเมืองปทุมธานีบริเวณหน้าหมู่บ้านกฤษณา 2 ต.กระแชง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี โดยระดับน้ำบนถนนอยู่ที่ประมาณ 30-40 ซม. ขณะที่ในหมู่บ้านระดับน้ำสูงกว่าหนึ่งเมตร โดยบางจุดน้ำสูงเกือบ 2 เมตร ชาวบ้านต้องอพยพขนของหนีน้ำกันอย่างอลหม่าน ซึ่งหน่วยกู้ภัยต่างๆได้นำเรือเข้าช่วยอพยพแล้ว

นักวิชาการห่วงคันกั้นน้ำคลองรังสิตแตก

นายเสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินทร กล่าวว่า ปัจจัยที่จะทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ กทม. มีสาเหตุหลักๆ คือ คันกั้นน้ำพัง และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาเพิ่มเติม รวมทั้งภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อยู่เหนือการควบคุม

ทั้งนี้มีความเป็นห่วงว่าหากคันกั้นน้ำที่บริเวณคลองรังสิต จ.ปทุมธานี แตก จะเกิดผลกระทบต่อ กทม.อย่างรุนแรง โดยน้ำจะทะลักเข้าสู่บริเวณทุ่งสีกัน เขตดอนเมือง และเข้าสู่พื้นที่ กทม.ชั้นใน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าคันกั้นในเขต จ.ปทุมธานี แตกไปแล้วหลายจุด นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าจะเกิดคันกั้นน้ำแตกที่บริเวณบางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งจะกระทบต่อพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันตก
ขณะเดียวกัน พื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก จำนวน 4 เขต คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำโดยตรงจากทางเหนือ อีกทั้งมีปริมาณน้ำสะสมอยู่ก่อนแล้วจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำเหนือที่จะถูกปล่อยลงมายัง กทม. ต้องทำการตรวจวัดที่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดชี้วัดปริมาณน้ำว่าจะเข้ามามากหรือน้อย ขณะเดียวกัน กทม.ต้องบริหารจัดการน้ำภายในคูคลองสายหลักและสายรองต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ ด้วยการเร่งผันน้ำออกทะเลให้มากที่สุด เพื่อที่จะรองรับมวลน้ำจากทางเหนือที่จะไหลเข้ามาสมทบ แต่หากคูคลองต่างๆ มีระดับน้ำเต็มแล้วย่อมมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมได้ง่าย
ประชาชนบางส่วนไม่พอใจที่ทหารนำกระสอบทรายมากั้นเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักท่วมพื้นที่เพิ่มเติมและเข้ารื้อแนวกระสอบทรายที่เจ้าหน้าที่วางไว้

ประชายันยังคุมสถานการณ์ปทุมฯได้

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงควบคุมสถานการณ์ในจ.ปทุมธานีได้ และหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงศปภ.ก็มีกำลังหลายส่วนที่สามารถช่วยผู้ว่าฯในการจัดการปัญหาได้ ซึ่งก็พร้อมให้ความร่วมมือลงไปยังพื้นที่ได้ ซึ่งแม้ขณะนี้สถานการณ์น้ำจะสูงมากขนาดไหนก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่เลวร้ายที่สุด และยังไม่ทะลักคันกั้นน้ำออกมา

ส่วนที่ประชาชนบางส่วนรื้อพังกระสอบทรายบริเวณคลองรังสิตทำให้น้ำทะลักเข้าไปในหมู่บ้านจัดสรรนั้นคงใช้หลักอะลุ่มอล่วยกันมากกว่าที่จะไปใช้กำลังเจ้าหน้าที่ในการจัดการ ซึ่งเรื่องนี้เชื่อว่าเป็นเรื่องเล็ก และคนไทยด้วยกันสามารถพูดคุยกันได้อยู่แล้ว

แนวกระสอบทรายที่พังเสียหาย


เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ถูกน้ำท่วมติดอยู่ในบ้านพัก


ระดับน้ำท่วมสูงจนรถขนาดใหญ่ยังสัญจรด้วยความลำบาก


เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำเรือมาใช้ในการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่


เกาะทุกประเด็นร้อนกับ โพสต์ทูเดย์ดอทคอม คลิก!

 

กทม.ประเมิน"วิกฤตสุด"ยังไม่เท่าอยุธยา


12 ตุลาคม 2554 เวลา 21:38 น.


กทม.ประเมินน้ำท่วมรุนแรงสุดยังน้อยกว่าอยุธยา พร้อมเตรียมแผนอพยพ50เขตรับมือ ด้านระดับน้ำคลองหลักยังคุมได้

สถานการณ์น้ำเหนือที่กำลังไหลเข้าสู่กรุงเทพฯกำลังเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งแม้ว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)จะตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยการผันน้ำออกสู่ทะเลผ่านคลอง 9 แห่งด้านตะวันออกและตะวันตกของกรุงเทพฯ

ทว่าข่าวคันกั้นน้ำเมืองปทุมธานีแตกจนน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักเข้าท่วมสู่งอย่างรวดเร็ว ขณะที่ระดับน้ำในจังหวัดนนทบุรีที่อยู่ในระดับใกล้แตะระดับคันกั้นก็ไม่อาจทำให้วางใจได้

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประเมินว่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ กทม.ได้ประเมินไว้ คาดว่าจะไม่รุนแรงเทียบเท่ากับ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่หากเกิดภาวะวิกฤตขึ้นจริงจะรีบแจ้งเตือนประชาชนทันที รวมทั้งเตรียมแผนอพยพประชาชนทั้ง 50 เขต โดยแต่ละเขตมีระบบการแจ้งเตือนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการจุดพลุ เพราะเกรงว่าจะทำให้ประชาชนแตกตื่น

"ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และถ้า จ.ปทุมธานี รับมือไม่ไหว ทาง กทม.ก็มีแผนอพยพในทุกเขตอยู่แล้ว"ม.ร.ว.สุชขุมพันธุ์ กล่าว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า กทม.ยังสามารถรับมือน้ำเหนือที่ไหลจากคลองรังสิตผ่านหมู่บ้านเมืองเอกและมหาวิทยาลัยรังสิตได้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ประสานงานร่วมกับ จ.ปทุมธานี เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และเร่งวางกระสอบทรายริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ความยาว 4 กม. กว่า 2 แสนกระสอบ เพื่อเสริมคันกั้นน้ำให้สูงขึ้นก่อนที่มวลน้ำก้อนใหญ่จากทางเหนือ
นอกจากนี้ กทม.ยังได้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่ตะวันตก โดยทางกองทัพเรือกับกองทัพบกได้ระดมกำลังสร้างคันกั้นน้ำริมคลองมหาสวัสดิ์และคลองทวีวัฒนา เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน

ขณะที่ สำนักการระบายน้ำ กทม. รายงานว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตรวจวัดที่ปากคลองตลาดอยู่ที่ 2.01 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) ส่วนระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุด 1.04 ม.รทก. ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระราม 6 รวม 4,630 ลบ.ม./วินาที ลดลง 120 ลบ.ม./วินาที และปริมาณน้ำผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3,649 ลบ.ม./ วินาที เพิ่มขึ้น 89 ลบ.ม./วินาที ส่วนระดับน้ำในคลองหลักๆ ยังคงสูง แต่อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้

สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันออก ประตูระบายน้ำคลองแสนแสบมีนบุรีอยู่ที่ 1.29 ม. สูงกว่าระดับควบคุม 39 ซม. และประตูระบายน้ำคลองประเวศบุรีรมย์ ตอนลาดกระบัง 0.78 ม. สูงกว่าระดับควบคุม 18 ซม. โดยชุมชนริมคลองยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้น

อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า จากการพยากรณ์อากาศคาดว่าจะเกิดฝนตกในพื้นที่ กทม. 70-80% ทุกวัน รวมทั้งจะมีน้ำทะเลหนุนสูงและน้ำเหนือไหลบ่าลงมาถึง กทม. ช่วงวันที่ 16-18 ต.ค. แต่ยากที่จะคาดเดาได้ว่าจะเกิดน้ำท่วมหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องเตรียมการรับมืออย่างเต็มที่

ขณะเดียวกัน กทม.ได้ทำการพร่องน้ำจากคลองแสนแสบเข้าสู่อุโมงค์ยักษ์พระโขนง เพื่อรองรับปริมาณน้ำที่จะเพิ่มเข้ามาช่วงวันที่ 16-18 ต.ค.นี้ ทำให้ต้องหยุดการเดินเรือ และขอให้ประชาชนที่ใช้บริการเรือแสนแสบเข้าใจถึงสถานการณ์ขณะนี้ และสามารถตรวจสอบระดับน้ำคลองได้ทาง ระบบตรวจวัดระดับน้ำในคลองหลัก ส่วนจุดอ่อนน้ำท่วมในพื้นที่ชั้นในกรณีเกิดฝนตกหนักและมีน้ำท่วมขัง สามารถตรวจสอบได้ที่ ระบบตรวจวัดน้ำท่วมบนถนน





เกาะทุกประเด็นร้อนกับ โพสต์ทูเดย์ดอทคอม คลิก!

 

ชาวลาดกระบังรับสภาพน้ำท่วมเพิ่ม


12 ตุลาคม 2554 เวลา 17:59 น.


ชาวลาดกระบังรับสภาพน้ำท่วมเพิ่มขึ้นหลังรัฐผันน้ำผ่าน 2 คลองลงทะเล พร้อมเตรียมแผนอพยพในชุมชน

จากกรณีที่ ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) ระบุว่าบริมาณน้ำที่จะเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพ(กทม.)ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ จะถูกผันลงทะเลใน 2 จุด ได้แก่ ผันลงคลองรพีพัฒน์ออกไปทางตะวันออกของ กทม.เพื่อลงไปยังแม่น้ำบางปะกง และไหลลงสู่ทะเลต่อไป ซึ่งอาจกระทบเขตคลองสามวา ลาดกระบังหนองจอก และมีนบุรี

นางวันดี หอมแช่มชาวชุมชนโรงเรียนพรตพิทยพยัต เขตลาดกระบัง เปิดเผยว่า ไม่ทราบเรื่องที่จะมีการระบายน้ำเข้าสู่เขตลาดกระบังมาก่อน ขณะนี้บ้านก็ประสบปัญหาน้ำท่วมแล้ว หากปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นจริงก็พร้อมที่จะปรับตัวให้กับสภาพที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากทรัพย์สินมีค่าส่วนใหญ่ ได้ขนขึ้นไปไว้ชั้น 2 ของบ้าน เพื่อหนีน้ำที่เข้าท่วมบริเวณบ้านมาตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว

"ตอนนี้ ปลงได้และทำใจได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้ำจะเพิ่มมากกว่านี้ก็ทำใจยอมรับได้ เพราะ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองถือว่าน้อยกว่าที่เห็นในข่าวซึ่งท่วมที่อื่นๆ น้ำมาเพิ่มเราก็แค่ย้านขึ้นชั้นสอง

นางศิริพร หงษ์ทอง ชาวชุมชนหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง กล่าวว่า ไม่ทราบข่าวเรื่องปริมาณน้ำที่จะถูกระบายมาสู่เขตลาดกระบังเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้พยายามป้องกันบริเวณบ้านซึ่งมีน้ำท่วมอยู่แล้วด้วยกระสอบทราย อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่ทราบปริมาณน้ำที่จะเพิ่มขึ้นว่าจะเพิ่มถึงระดับไหน จึงไม่แน่ใจว่ากระสอบที่กั้นขึ้นไปแล้วถึง 4 ชั้นจะป้องกันน้ำไว้ได้หรือไม่

"สิ่งที่เกิดขึ้นคือกระสอบทรายนั้นหายาก โดยทรายขึ้นราคาจากกระสอบละ 15 บาท เป็น 40 บาทแล้ว ค่ากระสอบอีกใบละ 10 บาท หากจะป้องกันบ้านให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยจากน้ำ คำนวญดูแล้วอาจจะต้องใช้เงินเกือบ 4 หมื่นบาท"นางศิริพร กล่าว

นางจวน ผินสันเที๊ยะ ชาวชุมชนหลวงพรต-ท่านเลี่ยม คลองหัวตะเข้ กล่าวว่า ไม่กังวลเรื่องปริมาณน้ำ เพราะบ้านอยู่ติดคลองจึงคุ้นเคยกับเรื่องน้ำท่วมมาก่อน รวมถึงไม่ได้ตุนอาหารไว้หากปริมาณน้ำสูงขึ้น โดยให้เหตุผลว่า บ้านตั้งอยู่ใกล้กับตลาดหากน้ำท่วมสูงกว่าที่เป็นอยู่ก็มีเรือพร้อมที่จะใช้พายออกไปซื้อของ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รู้สึกกังวลคือ งูและสัตว์มีพิษที่อพยพมากับน้ำ

นางอ่อนศรี นิ่มทรงธรรม ประธานชุมชนหลวงพรต-ท่านเลี่ยม คลองหัวตะเข้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวเรื่องน้ำท่วมเป็นระยะๆ ทั้งนี้จะเฝ้าดูสถานการณ์เรื่องปริมาณน้ำ อีก 2-3 วัน หากท่วมสูงก็จะประกาศให้ชาวชุมชนเข้าไปอาศัยในวิทยาลัยช่างศิลป์เป็นการชั่วคราว โดยได้ติดต่อกับผู้อำนวยการวิทยาลัยและซักซ้อมเรื่องการอพยพคนในชุมชนไว้แล้ว

"แถวนี้มีโรงเรียนเยอะ น้ำมาจริงเราก็ย้ายเข้าไปอยู่ในโรงเรียนได้ เพราะมีหลายชั้น ที่ผ่านมาได้เดินสายคุยกับโรงเรียนรอบๆ ชุมชนไว้แล้ว ซึ่งทุกแห่งก็เต็มใจเปิดรับ"นางอ่อนศรีกล่าว

นางฐานิต ปั้นทรัพย์ ชาวหมู่บ้านหมู่บ้านเอกไพลิน-เจ้าคุณ ถนนเจ้าคุณ เขตลาดกระบังกล่าวว่า ได้ประสบปัญหาน้ำท่วมมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่ิส่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นข่าว และต้องต้องช่วยเหลือตัวเองไปตามสภาพที่พอจะพึ่งพาตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าของโครงการกับคณะกรรมการหมู่บ้านช่วยกันเอาเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำทิ้ง ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูเครื่องสูบน้ำ และคนในหมู่บ้านที่ว่างก็ให้ช่วยกันมาดูความปลอดภัยบริเวณหน้าหมู่บ้านแทน



เกาะทุกประเด็นร้อนกับ โพสต์ทูเดย์ดอทคอม คลิก!

 

ยังมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่





ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักได้บางแห่งในระยะนี้

พยากรณ์อากาศประจำวันที่ 13 ตุลาคม 2554 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนาม ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักได้บางแห่งในระยะนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดชัยภูมินครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก สระแก้ว จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


ไทยรัฐออนไลน์
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
13 ตุลาคม 2554, 06:05 น.

 

น้ำท่วมเกือบมิดหัวช้างกว่า70เชือกที่อยุธยา

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 13 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 01:42 น.




น้ำท่วมทำ ช้างกว่า70เชือกใน วังช้างแลเพนียด อยุธยา เกือบทั้งตัว แถมยังต้องยืนแช่น้ำ อดอาหาร มาหลายวัน

น้ำท่วมทำ ช้างกว่า70เชือกใน วังช้างแลเพนียด อยุธยา เกือบทั้งตัว แถมยังต้องยืนแช่น้ำ อดอาหาร มาหลายวัน
ซึ่งล่าสุดสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ได้รายงานไปเเล้วเมื่อวานนี้ว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ระดมนำอาหารใส่รถบรรทุกช่วย
ชีวิตช้างไปบ้างแล้ว โดย นายวรวิทย์ โรจนไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ พร้อมคณะสัตวแพทย์ โรงพยาบาลช้างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จ.ลำปาง ได้ทำการ มอบอาหารช้าง หญ้าแห้ง และอาหารเม็ด จำนวน 2 คันรถบรรทุก ให้กับวังช้างอยุธยา แล เพนียดช้าง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนช้างจำนวนกว่า 70 เชือก ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์น้ำท่วมทั่วพื้นที่จังหวัด

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุน้ำท่วม ในพื้นที่ปลูกพืชอาหารช้าง และพื้นที่ผูกมัดช้างได้รับความเสียหาย ทำให้ช้างไม่มีอาหารกิน และไม่มีพื้นที่ในการหลับนอน ช้างจะต้องยืนหลับ หากว่า มีผู้ประสงค์จะขอบริจาคสามารถบริจาคผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง ชื่อบัญชี กองทุนศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เลขที่ 503-1- 84611-9

ด้าน วังช้างแลเพนียด อยธยา ต้องการอาหารสำหรับช้างกว่าร้อยเชือก ขอพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ หรือหน่วยงานใดที่มีความสามารถ ส่งรถบรรทุกอาหารช้าง พร้อมกับโฟมขนาดใหญ่เพื่อวางอาหารให้ช้าง เข้ามาที่บริเวณอนุสาวรีย์พระนเรศวร อยุธยา
หรือติดต่อ คุณนัน วังช้าง 086 901 3981

Link : น้ำท่วมเกือบมิดหัวช้างกว่า70เชือกที่อยุธยา

 

เหนือเริ่มหนาว-ลุ้นดอยอินทนนท์เหลือ2องศา

ข่าวภูมิภาค วันพฤหัสบดีที่ 13 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 03:22 น.




ยอดดอยทางภาคเหนืออากาศเริ่มหนาวแล้ว โดยปีนี้ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติอินทนนท์ เผยว่า มีลุ้นที่อุณหภูมิจะต่ำกว่า1-2องศา นักท่องเที่ยวเริ่มจองที่พักมากขึ้น


นางนรินธร์การณ์ ปุกละ เจ้าหน้าที่ธุรการอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ต.กึดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าอุณหภูมิบนอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงหลายฝนต้นหนาว ล่าสุดเช้าวันที่ 12 ตุลาคม อุณหภูมิต่ำสุดที่ 15 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าปลอดโปร่งแจ่มใส มีแดด ไม่พบว่ามีฝนตกแต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าหลังจากนี้ไปอุณหภูมิจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และอุณหภูมิต่ำสุดของปีนี้น่าจะต่ำกว่าปี 2553 ที่ต่ำสุด 7 องศาเซลเซียส เพราะมีฝนตกเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากปีใดฝนตกมากก็จะทำให้อากาศหนาวเย็น สำหรับนักท่องเที่ยวก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มจำนวนมากขึ้น และช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมห้องพักของทางทางอุทยานฯ ที่มี 9 ห้อง แบ่งเป็นห้องพักบริเวณบ้านห้วยน้ำดัง เลขที่ 102-105 จำนวน 4 หลัง รองรับนักท่องเที่ยวได้หลังละ 6 คน ค่าห้องคืนละ 2,400 บาท และห้องพักฝั่งโป่งเดือด น้ำพุร้อนป่าแป๋ เลขที่ 304-308 จำนวน 5 หลัง รองรับนักท่องเที่ยวได้หลังละ 4 คน ราคาคืนละ 2,000 บาท ก็พบว่ามีการจองเต็มแล้ว ส่วนลานกางเต็นท์นั้นยังสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 1,000 คน โดยนักท่องเที่ยวต้องจองเต็นท์ผ่านทางเว็บไซต์

 

 มธ.รังสิต ต้องการอาหาร-เครื่องนอนเพิ่ม
  

13 ตค. 2554 06:51 น.

เมื่อเวลา 06.30น. นายกำพล รุจิวิชชญ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศุนย์รังสิต ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส ว่า ระดับน้ำด้านหลัง มธ.รังสิต ตอนนี้ยังแห้งอยู่ น้ำจะมาก็ต้องมาจากคลองเปรมประชากั้นอยู่เวลานี้ สถานการณ์ยังไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ขณะนี้เพื่อความไม่ประมาท ศูนย์พักพิงได้ย้ายมาที่ยิม2 ซึ่งมีสถานที่กว้าง จึงให้รวมตัวกันอยู่ที่กว้างขวางการจัดการง่าย หากมีน้ำท่วมจริง ๆ ก็จะได้ไม่มีปัญหาคนที่อยู่ด้านล่างตอนนี้มีผู้พักพิงที่ศูนย์ประมาณ1400คน รองรับผู้อพยพได้ 3000คน
ความต้องการของศูนย์พักพิง คือ ที่นอน เสื่อ ผ้าห่ม ข้าวสาร- อาหารแห้งต้องปรุงเลี้ยง และส่งออกไปช่วยเหลือด้านนอกด้วย ต้องการเก็บไว้หากเรื่องเลวร้ายก็ยังสามารถอยู่ได้เพิ่ม จึงยังต้องการเพิ่มขึ้นในส่วนข้าวสารอาหารแห้ง สำหรับการจอดรถจอดด้านเป็นแนวราบ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก จึงประชาสัมพันธ์ให้ออกไปจอดที่ปลอดภัยกว่านี้แทน


<< back  next >>

  

 

รถไฟยังหยุดสายเหนือ-บขส.เปิดวิ่งเหนือได้

ข่าวสังคม วันพฤหัสบดีที่ 13 เดือนตุลาคม พ.ศ.2554 05:52 น.




การรถไฟยังประกาศหยุดเดินสายเหนือ โดยเดินทางได้จาก กทม.ถึง บางปะอิน ด้าน บขส.แจ้ง สายเหนือเดินทางได้
โดยใช้เส้นพิษณุโลก แต่หยุดเส้น กทม-นครสวรรค์ ชั่วคราว



การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า เส้นทางการเดินรถไฟ สายเหนือ ยังหยุดให้บริการเนื่องจาก ปริมาณน้ำยังท่วมราง อยู่มากและเชี่ยวจึงไม่ปลอดภัยกับการเดินทาง ทั้งนี้ สามารถเดินทางได้ จากกรุงเทพ ถึง สถานี บางปะอิน ขระที่สายอีสาน สามารถเดินทางได้ แต่ไปใช้เส้นทาง ฉะเชิงเทรา ซึ่งจะอ้อมเล็กน้อย ส่วนสายใต้ให้บริการตามปกติ

ด้าน บขส. แจ้งว่า การเดินรถ เส้นทางสายเหนือ ยังเปิดให้บริการตามปกติ แต่ไปใช้เส้นทาง พิษณุโลก แทน แต่จะหยุดให้บริการเส้น กรุงเทพ - นครสวรรค์ ชั่วคราว ส่วนเส้นทางภาคอื่นเปิดให้บริการ ตามปกติ

Link : รถไฟยังหยุดสายเหนือ บขส เปิดวิ่งเหนือได้

 

 ปทุมธานีทุกอำเภอยังเสี่ยง
  

13 ตค. 2554 06:25 น.

06.15น. นายเลอเกียรติ แก้วศรีเนตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ทุกอำเภอของปทุมฯมีความเสี่ยงอยู่ และไม่สามารถยืนยันได้ว่า น้ำจะไม่เข้าในพื้นที่ แต่ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่

 

อย่าตื่นตระหนก แต่เก็บของ-เตรียมอพยพให้พร้อมได้แล้ว !!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 ตุลาคม 2554 07:48 น.



ผ่าประเด็นร้อน
       
       ได้ยิน “ข่าวร้าย” ที่รายงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่าตอนนี้ “พนังกั้นน้ำ” กระสอบทรายในจุดนั้นจุดนี้พังทลายลงมาอย่างต่อเนื่อง น้ำกำลังทะลักเข้าสู่ตัวเมือง แหล่งชุมชน แหล่งเศรษฐกิจชั้นใน ศูนย์ราชการสำคัญจนต้องสั่งอพยพชาวบ้านกันเป็นโกลาหล
       
       เวลานี้จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แตกแล้ว จังหวัดนครสวรรค์ ก็แตกแล้ว แม้ว่าทางเทศบาลนครสวรรค์จะหาทางป้องกันที่มั่นสุดท้ายเอาไว้อย่างสุดความสามารถก็ตาม หรือเวลานี้นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ในอยุธยา ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมแหล่งสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ก็ไม่รอด
       
       ล่าสุดน้ำกำลังไหลทะลักเข้าโจมตีจังหวัดปทุมธานี และบางส่วนไหลบ่าเข้ามายังจังหวัดนนทบุรี และลำดับต่อไปน้ำกำลังมุ่งหน้ามาที่กรุงเทพมหานคร
       
       บรรยากาศดังกล่าวทำให้ย้อนนึกถึงเหตุการณ์เสียกรุงครั้งที่สอง หรือตอน “กรุงแตก” ไม่มีผิด เพียงแต่ว่าคราวก่อนเป็น “ข้าศึก” รุกรานโจมตีเข้ามาทุกทิศทาง แต่คราวนี้ผิดกันแต่ว่าเป็นปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลโจมตีเข้ามาจากทางเหนือ เหมือนกับ “ไล่ตี” ตาม “หัวเมือง”จนแตกรายทางเรื่อยมาและกำลังจ่อโจมตี “เมืองหลวง”คือกรุงเทพฯ ทำให้ต้องหวนนึกภาพอย่างนั้นจริงๆ เห็นภาพความเดือดร้อนของชาวบ้านอย่างชัดเจน
       
       หากให้ประเมินโดยพิจารณาจากปริมาณน้ำเหนือ และพื้นที่รองรับอื่นๆ ทั้งนครสวรรค์ อยุธยา หรือแม้แต่ลพบุรีก่อนหน้านี้ และกำลังเจาะเข้ามาตามประตูและคันกั้นน้ำที่ชายแดนปทุมธานีซึ่งเป็นด่านสุดท้ายก่อนจะมาถึงเมืองหลวง ก็ต้องบอกคำเดียวว่า “วิกฤติ” ที่สุดแล้ว
       
       ประกอบกับได้เห็นวิธีการทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบแล้ว ยังไม่มีความเชื่อมั่น ไม่อาจทำให้อุ่นใจจนนั่งอยู่เฉยๆได้เลย
       
       ประเภทที่บอกว่า “มั่นใจได้-เอาอยู่” ทำให้เข้าใจว่าย่อมมี “ความหมายตรงข้าม” และเตรียมเผ่นกันได้แล้ว ความรู้สึกแสดงออกมาแบบนั้นจริงๆ
       
       ล่าสุด เมื่อวานนี้(12 ตุลาคม)นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ออกมาแถลงยอมรับแล้วว่าไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำได้ โดยอ้างหลายปัจจัยเป็นอุปสรรค เช่น ชาวบ้านแอบรื้อคันกั้นน้ำ กระสอบทรายแช่น้ำนานๆทำให้เปื่อยยุ่ย เป็นต้น พร้อมทั้งได้เตรียมแผนอพยพเป็นแผนสำรองแล้ว
       
       นั่นก็หมายความว่าปริมาณที่ไหลบ่าลงมากำลังเข้าสู่กรุงเทพมหานครนั้นอยู่เหนือการควบคุม และ “น่าจะเอาไม่อยู่” ต่างจากคำยืนยันก่อนหน้านี้ที่บอกว่า “เอาอยู่” ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรประมาณนั้น
       
       ขณะเดียวกันมีการประกาศจากกรุงเทพมหานครเพิ่มพื้นที่เสี่ยงจากเดิมที่เคยกำหนดเอาไว้จำนวน 15 เขต ก็ย่อมประเมินได้ดีว่าแนวโน้มสถานการณ์เป็นแบบใด
       
       เมื่อดูแล้วมันน่าเป็นห่วง ก็ต้องเตรียมแผนรับมือเอาไว้ให้พร้อมที่สุด เนื่องจากได้เห็นบทเรียนทั้งจากในพื้นที่ อยุธยา นครสวรรค์ ที่ผ่านมา นั่นคือแผนการอพยพเอาไว้ให้พร้อม ครอบครัวไหนที่มีเด็ก คนแก่ คนพิการ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รวมไปถึงทรัพย์สินที่มีค่า เช่น รถยนต์ ทรัพย์สินเครื่องใช้ภายในบ้าน ก็น่าจะเตรียมหาทางขยับขยายขนย้ายออกไปอยู่ในพื้นที่สูง ที่ปลอดภัยที่สุด หรือไม่ก็เล็งๆเอาไว้ก่อนล่วงหน้า แม้อาจจะยังไม่ต้องอพยพขนย้ายก็ได้ แต่ให้เพ็กข้าวของ ซักซ้อมทำความเข้าใจกับคนในครอบครัวให้พร้อม โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่มีการเตือนเอาไว้ล่วงหน้า ยิ่งต้องทำ
       
       แน่นอนว่าการเตรียมการแบบนี้อาจมองว่าเป็นการ “ตื่นตูม” ตระหนกตกใจเกินเหตุ แต่ช่วยไม่ได้ เพราะดูแล้วบรรยากาศมันน่ากลัวจริงๆ และถ้ามาถึงแล้วแก้ไขไม่ทันการณ์ ก็ลองหลับตานึกภาพก็แล้วกันว่ามันจะเดือดร้อนกันแค่ไหน
       
       ที่สำคัญปริมาณที่กำลังไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางดังกล่าวและกำลังจ่อถล่มเข้ากรุงเทพมหานครนั้น ยังไม่ใช่ปริมาณน้ำในระดับสูงสุด ยังเป็นแค่ “หัวน้ำ” เท่านั้น ยัง “ไม่ใช่ปลายน้ำ” คาดว่าต้องใช้เวลาอีกนานนับเดือนกว่าจะฝ่าวิกฤติไปได้
       
       ดังนั้นถ้าพิจารณาถึงตอนนี้ก็ต้องทำใจเตรียมพร้อมเอาไว้ได้แล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงที่ทางการได้เคยประกาศเตือนเอาไว้ ต้องเก็บของ หรือขนทรัพย์สินเอาไว้ในที่สูง รวมไปถึงมองหาพื้นที่ปลอดภัยอื่นๆสำหรับไว้รองรับทรัพย์สินขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์ ให้พร้อม เพราะนาทีนี้ถือว่ามันวิกฤติจริงๆ และต้องจดจำเอาไว้เป็นบทเรียนว่าอย่าไปหวังพึ่งพาหรือเชื่อใจหน่วยงานรัฐมากเกินไป ต้องเชื่อมั่นตัวเองเป็นอันดับแรก ที่สำคัญต้องไม่ประมาท อย่าตื่นตระหนก แต่ต้องเพ็กของเตรียมอพยพเอาไว้ให้พร้อมได้แล้ว !!

 

คาดดาวเทียมเยอรมนีพุ่งชนโลก 20-25 ตุลาคม

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 ตุลาคม 2554 00:25 น.




ภาพดาวเทียมโรแซต ที่คาดหมายว่าจะตกสู่โลกในอนาคตอันใกล้นี้

       เอเอฟพี - ดาวเทียมดวงหนึ่งของเยอรมนีที่มีขนาดเท่ารถยนต์ กำลังดิ่งสู่โลกด้วยความเร็วสูง และมีกำหนดเข้าสู่ชั้นบรรยากาศในช่วงปลายเดือนนี้ แต่จุดตกของมันยังมิอาจทราบได้
       
       ศูนย์อวกาศยานเยอรมนี (DLR) ระบุในถ้อยแถลงว่าดาวเทียมดาราศาสตร์ของเยอรมนีนามโรแซต (ROSAT) กำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 28,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดหมายว่าจะตกสู่โลกระหว่างวันที่ 20 ถึง 25 ตุลาคม
       
       “จากผลศึกษาล่าสุดพบว่า มีความเป็นไปได้ที่ชิ้นส่วนดาวเทียมมากกว่า 30 ชิ้น น้ำหนักรวมราว 1.6 ตัน อาจเล็ดลอดตกสู่พื้นผิวโลก” ดีแอลอาร์ระบุในเว็บไซต์ “อย่างไรก็ตาม เวลาและตำแหน่งที่มันจะกลับสู่โลกนั้นไม่สามารถคาดคะเนได้อย่างแน่นอน”
       
       ทั้งนี้ ทางศูนย์อวกาศยานเยอรมนีวันเวลาของการเคลื่อนตัวเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวเทียมอาจคลาดเคลื่อนช้าหรือเร็วกว่าคาดหมายราวๆ 3 วัน อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ยืนยันว่ามันมีความเสี่ยงเป็นอันตรายต่อมนุษย์เพียงเล็กน้อย

 

13/10/2011
07:58 น.

น้ำยังไม่ท่วมศูนย์พักพิง 'ธรรมศาสตร์'รังสิต วอนขออาหารเพิ่ม
น้ำยังไม่ท่วมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ล่าสุดยังรองรับผู้อพยพได้อีกนับพันคน เบื้องต้นต้องการเครื่องหลับนอนและข้าวสาร-อาหารแห้ง เพิ่มเติม เพื่อนำมาปรุงเลี้ยงผู้อพยพกว่า 1,400 คน

 

13/10/2011
02:03 น. ไทยรัฐ

มวลน้ำก้อนใหญ่ถล่มกรุง15ต.ค.

นายกรัฐมนตรีสั่ง ผวจ.เตรียมแผนอพยพ กำชับกระทรวงพาณิชย์คุมพ่อค้าอย่าโก่งราคาสินค้า “ประชา” ระบุน้ำก้อนใหญ่ถึงปากน้ำโพแล้ว จ่อถล่มกรุงเก่าอีกระลอก14 ต.ค. เตือนคนกรุง 15 ต.ค.

 

13/10/2011
01:53 น. ไทยรัฐ

กทม. เสี่ยงต้องพายเรือ ให้ รพ.เอกชนรับ30บาท

สั่งทุกโรงพยาบาลรอบ กทม. เคลียร์เตียงรอรับผู้ป่วยจากเมืองหลวง หวั่นคนกรุงเทพต้องพายเรือ รพ.เอกชน เปิดรับผู้ประกันตนที่มีสิทธิเข้าได้ทุก รพ.ไม่ต้องจ่ายเงิน